![]() |
พิณไลร์ (Lyre) สัญลักษณ์แห่งบทกวี ที่สถานีรถไฟใต้ดินพุชกินสกา (Pushkinska) ในเมืองคาร์คิฟ ซึ่งถูกถ่ายภาพในปี 2010 และบทกวีของอเล็กซานเดอร์ พุชกิน |
ผู้เล่นและเครื่องดนตรี
รวมเป็นหนึ่ง
เมื่อเราลองนั่งลงกับเครื่องดนตรีอย่างสงบ ปล่อยให้นิ้วสัมผัสเครื่องดนตรีอย่างมีสติ เสียงแรกที่ดังขึ้นอาจเผยให้เห็นสภาพจิตของเราในขณะนั้นได้อย่างน่าประหลาดใจ บางครั้งเสียงอาจสั่นเครือเพราะมือที่แข็งเกร็ง บางครั้งอาจสะดุดขาดห้วงเพราะจิตที่ฟุ้งซ่าน นี่คือบทเรียนแรกที่ดนตรีสอนเรา การรับรู้ปัจจุบันขณะโดยไม่ตัดสิน
ดนตรีที่แท้ไม่ใช่การควบคุมเสียง
แต่คือการเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
การฝึกเล่นดนตรีอย่างมีสติแตกต่างจากการฝึกเพื่อความชำนาญทั่วไป ที่นี่เราไม่ไล่ตามความสมบูรณ์แบบ ไม่มีผิดมีถูก แต่เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกเสียงที่เกิดขึ้น ผิดหรือถูกไม่สำคัญเท่ากับการที่เราสามารถฟังเสียงนั้นอย่างเต็มเปี่ยม โน้ตที่เรารู้สึกว่ามันผิดอาจกลายเป็นครูที่ดีที่สุด ที่สอนให้เรารู้จักการยอมรับและเข้าใจในความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต
เพียงวันละ 10-20 นาที เมื่อเวลาผ่านไป การเล่นดนตรีภาวนาจะค่อยๆ เผยให้เห็นมิติลึกซึ้งของตัวตน เสียงหนักเบาของการกดสายอาจสะท้อนน้ำหนักของอารมณ์ จังหวะการเล่นอาจเผยให้เห็นลมหายใจของจิตใจ ในที่สุดเราจะค้นพบว่า เราไม่ได้กำลังบรรเลงดนตรีอยู่ แต่ดนตรีต่างหากที่กำลังบรรเลงเราอยู่ การเล่นดนตรีภาวนาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เราเห็นการเคลื่อนไหวของความคิดและความรู้สึกอย่างใสกระจ่าง
บางวันที่จิตใจว้าวุ่น การเล่นโน้ตเดียวอย่างตั้งใจ ตั้งจิตจดจ่อฟังเสียงนั้นจนกว่าจะจางหายไปในความเงียบงัน เมื่อเล่นโน้ตใดใดต่อไปให้แต่ละโน้ตได้มีช่องว่างในการหายใจ อาจนำความสงบกลับมา บางขณะที่ใจนิ่ง การด้นสดอย่างอิสระอาจพาเราไปพบส่วนลึกของจิตใต้สำนึก นี่คือความมหัศจรรย์ของดนตรีภาวนา มันเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพจิตของผู้เล่น
เมื่อโน้ตเดียวถูกเล่นด้วยจิตว่าง
มันคือประตูสู่ความเงียบอันไร้ที่สิ้นสุด
ในที่สุดแล้ว เส้นทางแห่งดนตรีภาวนาก็คือการเดินทางกลับบ้าน กลับมาพบกับตัวตนที่แท้จริง ตัวตนเดิมแท้ก่อนที่จะถูกความคิดและอารมณ์ต่างๆพอกไว้ ดนตรีกลายเครื่องมือที่คอยสะกิดเพื่อย้ำเตือนให้เรารู้ว่า ณ ใจกลางของเสียงทั้งปวงนั้น มีความเงียบอันบริสุทธิ์อยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนั้นมานานแสนนาน และในความเงียบนั้นเองที่เราจะพบกับตัวที่แท้จริง
หากท่านคิดว่าวิธีนี้เหมาะกับท่าน ให้หยิบเครื่องดนตรีคู่ใจขึ้นมา หรือหากเล่นดนตรีไม่เป็นก็ใช้เครื่องดนตรีง่ายๆสักชิ้น แล้วปลดปล่อยจิตใจไปกับเสียงดนตรีอย่างอิสระด้วยดนตรีภาวนา ในท่วงทำนองที่เอิ่อล้นออกมาจากใจ บรรเลงดั่งไม่มีใครมองอยู่ แล้วยอมรับทุกอย่างที่เป็น... ด้วยความจริงใจอย่างสุดใจ...
เมื่อบรรเลงด้วยจิตอันเป็นหนึ่งเดียว
เสียงนั้นจะเป็นดั่งภาษาแห่งจักรวาล
แถม
อันท่วงทำนองนั้น, เกิดจากใจมนุษย์. อารมณ์เคลื่อนไหวจากภายใน, จึงปรากฏออกมาเป็นเสียง. เสียงกลายเป็นระเบียบแบบแผน, เรียกว่าทำนอง. เหตุฉะนี้ ยุคสงบเรียบร้อยท่วงทำนองย่อมสงบสุขจนปีติ, การเมืองการปกครองก็ปรองดอง. ยุควุ่นวายท่วงทำนองย่อมคับแค้นจนโกรธา, การเมืองการปกครองก็วิปริต. ยุคบ้านเมืองล่มสลายท่วงทำนองย่อมโศกเศร้าจนคร่ำครวญ, ปวงชนก็จนตรอกสิ้นหวัง. วิถีแห่งเสียงแลทำนอง, ย่อมเชื่อมโยงกับการเมืองการปกครองอย่างแนบแน่น.
-คัมภีร์หลี่จี้ บทเล่อจี้
-คัมภีร์หลี่จี้ บทเล่อจี้
บทที่ 1 กำเนิดดนตรี
คัมภีร์ดนตรีจาตรีของศาสนาขงจื้อ
凡音者,生人心者也。情動於中,故形於聲。聲成文,謂之音。是故治世之音安以樂,其政和。亂世之音怨以怒,其政乖。亡國之音哀以思,其民困。聲音之道,與政通矣。
一 樂本
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น