Sponsor

17 เมษายน 2567

การใช้ไพ่ป๊อกในการตอบคำถามประเภท "ใช่" หรือ "ไม่"

https://funandgames.org/solitaire-card-game/

บทความนี้นำมาจาก https://pantip.com/topic/39996116 เนื่องจากเห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่ทรงคุณค่า จึงขออนุญาติเจ้าของบทความนำมาลงสำรองไว้ไม่ให้สูญหายมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากกครับ

เคล็ดวิชาอ่านไพ่ป๊อกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจช่วยเพื่อน ๆ ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในเวลาคับขัน เพราะไพ่ป๊อกหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพง จึงถือเป็น "ไพ่สามัญประจำบ้าน" แบบหนึ่ง
วิธีจะรู้ว่าสิ่งที่เราหวังนั้นจะสมหวังหรือไม่ ให้เปิดไพ่ 3 ใบดูว่าไพ่ออกมาเป็นลางดีหรือลางร้าย โดยแปลไพ่ตามนี้ครับ
หลักการคือ สีแดงดี สีดำไม่ดี

โพแดง เป็นลางดีมาก โดยเฉพาะ 9 โพแดงถือเป็นลางดีที่สุด
ข้าวหลามตัด เป็นลางดีเล็ก ๆ แต่แห้งแล้ง
♣️ ดอกจิก เป็นลางร้ายเล็ก ๆ แต่สามารถต่อรองได้
♠️ โพดำ เป็นลางร้ายมาก โดยเฉพาะ 9 โพดำถือเป็นลางร้ายที่สุด

ถ้าไพ่ที่ออกมาหนักไปทางลางร้าย คำตอบคือ NO ถ้าหนักไปทางลางดีก็ YES ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา

จะสังเกตเห็นว่าในกรณีนี้เราจะไม่สนใจค่าตัวเลขของไพ่นะครับ ดูแต่ดอกของมันอย่างเดียว (ยกเว้น 9 โพแดงกับ 9 โพดำ)
ไพ่โพแดงมีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวใจ แสดงถึงความสุขที่เราได้รับเมื่อสมหวังจึงเป็นลางดีมาก ไพ่ข้าวหลามตัดเปรียบเสมือนเงินหรือของมีค่า เป็นตัวแทนของผลประโยชน์ แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ จึงเป็นลางดีในด้านการเงิน แต่ในด้านความรักความสัมพันธ์จะไม่ชัดเจน ไพ่ดอกจิกเป็นตัวแทนของการทำงานหนัก ถึงแม้จะเป็นลางร้าย แต่ก็ยังพอแก้ไขได้ด้วยความพยายาม ส่วนไพ่โพดำเป็นตัวแทนของความมืดมน และชะตากรรมที่ยากจะแก้ไขจึงนับเป็นลางร้ายที่สุด
อนึ่ง ที่ผมนำมาสอนในวันนี้เป็นตำราของฝรั่งเศส และใช้กับไพ่ป๊อกเท่านั้นนะครับ ถ้าฝั่งเยอรมันหรือรัสเซียเขาจะอ่านอีกแบบหนึ่งครับ ดังนั้นถ้าไปเจอคนที่อ่านต่างไปจากนี้ก็อย่าไปหาว่าเขาอ่านผิดเนอะ

ตัวอย่าง:

จะได้คบกันกับ xx หรือเปล่า?
♦♦♣️ อาจจะได้ แต่ไม่ชัดเจนนัก ต้องอาศัยความพยายามเข้าช่วยหน่อย

พรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่?
→ ♠️♦️♥ น่าจะตกแค่ตอนเช้า

จะได้เงินคืนหรือไม่?
♦♦♦ โอกาสมีสูงที่จะได้เงินคืน

นอกจากนี้ บางตำราจะใช้ไพ่ Joker 2 ใบร่วมด้วย โดย Red Joker หมายถึงไพ่ยังไม่สามารถตอบตอนนี้ได้ ให้ถามใหม่วันหลัง ส่วน Black Joker หมายถึงคำถามไม่เหมาะสม หรือไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ (ถ้า Joker ในสำรับที่เพื่อน ๆ มีนั้นไม่แยกสีมาให้ ให้ใช้ปากกา Permanent แต้มสีทำสัญลักษณ์เอาไว้นะครับ)

05 เมษายน 2567

อาหารสำรองฉุกเฉินแบบทำเองได้ที่บ้าน : ฮาร์ดแทค(Hardtack)สูตรอาหารสำรองฉุกเฉินที่ถูกลืม

ฮาร์ดแทค ปี 1862 ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้จากสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ที่ฟลอริดา ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เพนซาโคล (Pensacola Museum of History) Hardtack มีฉายาว่า Worm castles (ปราสาทหนอน) เนื่องจากการจัดเก็บที่ไม่ดีทำให้แมลงระบาด เมื่อแช่น้ำแล้วหนอนก็ลอยขึ้นมา จึงได้ฉายานั้นมา ซึ่งเหล่าทหารก็ตักหนอนทิ้งแล้วกินต่อ หรือนี่อาจเป็นการเสริมโปรตีนแบบเนียนๆ อิอิ

สองบทความก่อนได้พูดถึงอาหารสำรองฉุกเฉินที่หาซื้อได้[อาหารสำรองฉุกเฉินหาซื้อง่ายราคาย่อมเยาว์ และ อาหารสำรองฉุกเฉินของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน] และเพื่อให้ควรถ้วนกระบวนความ มาสายทำเองบ้าง คราวนี้เเรามาดูวิธีการทำอาหารสำรองแบบดั้งเดิมที่ทำเองได้ง่ายๆที่บ้านกันครับ สำหรับนักเตรียมพร้อมสาย DIY ที่ชอบทำเอง

ฮาร์ดแทค(Hardtack เสบียงแข็ง) มีอีกชื่อหนึ่งว่า ขนมปังกันตาย(Survival Bread) ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โรมัน และช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกาก็ใช้ นิยมเก็บไว้เป็นเสบียงสำรองในหมู่นักเดินเรือสมัยก่อนด้วย รวมถึงตอนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบอเมริกาก็เช่นกัน ฮาร์ดแทคใช้เป็นเสบียงมาตรฐานสำหรับกองทัพหลายแห่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เนื่องจากเก็บรักษาได้นานเป็นปีๆ หากเก็บดีๆ(สูญญากาศ)ก็อาจเก็บได้ตลอดไป ปัจจุบันนี้รัสเซียก็ยังจัดฮาร์ดแทคไว้ในเสบียงของกองทัพ เรียกว่า galeta (галета) ที่ญี่ปุ่นก็จัดฮาร์ดแทคอยู่ในชุดเสบียงภัยพิบัติ และในกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินของญี่ปุ่น(Rikujō Jieitai 陸上自衛隊 ) เรียกว่า Kanpan (乾パン) หรือ ขนมปังแห้ง

แต่ฮาร์ดแทคนั้นก็แข็งเป็นหินเลยทีเดียว จึงควรแช่น้ำ(หรือนม ฯลฯ) 15 นาที ก่อนกิน แต่อย่าถามหาความอร่อย ๕๕๕

#วัตถุดิบ
  1. แป้งอเนกประสงค์ (All Purpose Flour) 2 ถ้วยตวง (อย่าใช้แป้ง Self-Rising Flour เพราะมีผงฝู)
  2. น้ำ 1 ถ้วยตวง
  3. เกลือ 2 ช้อนชา (นี่คือตัวช่วยถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติ)
*หมายเหตุ เป็นสูตรโดยประมาณ สามารถปรับส่วนได้ตามสมควร

#วิธีทำ
  1. ผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกัน นวดให้เป็นเนื้อเดียว และแห้งพอสมควร(ไม่เหนียวติดนิ้ว) ถ้าแฉะก็โรยแป้งเพิ่ม
  2. รีดแบนให้หนาครึ่งนิ้วหรือน้อยกว่า(แต่อย่าบางมากเพราะจะแตกหักง่ายตอนพกพา) ตัดเป็นสี่เหลี่ยมไม่เกิน 3x3 นิ้ว แล้วเอาส้อมทิ่มๆให้เป็นรูทะลุระยะเท่าๆกัน เพื่อทำรูระบายความชื้นตอนอบ
  3. วางบนถาดไม่ต้องทาน้ำมัน(น้ำมันจะทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง) อบที่ 190°C นาน 30 นาที แล้วพลิกกลับด้านแล้วอบต่ออีก 30 นาที ถ้าอบด้วยหม้อหุงข้าวอาจใช้เวลาต่างกัน ให้อบจนแห้งเป็นสีน้ำตาลทอง
  4. พักไว้ให้เย็นสนิท แล้วจัดเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิดไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าไปได้
เสร็จ!

มาลองดูคลิปวิธีทำกันดีกว่า

ปกติแล้วฮาร์ดแทคจะเก็บได้นานหลายปีในสภาพแห้งแข็งเป็นหิน โดยเก็บในที่แห้งและเย็น ห่างจากความชื้นและแสงแดดโดยตรง ควรตรวจสอบฮาร์ดแทคที่เก็บไว้เป็นระยะ หากขึ้นราก็ควรทิ้งไป แล้วทำใหม่

โดยทั่วไปในกรณีฉุกเฉินมักแนะนำให้แบ่งกินอาหารฉุกเฉิน 50-100 กรัม ทุกๆ 12 ช.ม. แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสมควร ขึ้นอยู่กับระดับกิจกรรม สุขภาพ และสถานการณ์ ซึ่งตามหลักแล้วต้องจัดสรรให้ได้อย่างน้อย 3 วัน

#วิธีกินฮาร์ดแทคอย่างสร้างสรรค์
นอกเหนือจากแช่น้ำให้นิ่มแล้วกินเลย บางทีการกินก็ต้องการความสร้างสรรค์เหมือนกัน เพื่อจะได้กินอย่างสนุกสนานขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องมีที่เตรียมอาหารด้วยนะ เช่น พอแช่นิ่มแล้ว ก็เอาไปทอดเนย, ทาเนยถั่ว, ทาแยม, จิ้มนมข้นหวาน, จิ้มน้ำตาล, จิ้มน้ำผึ้ง, โรยเครื่องเทศ, หรือแช่นมเหมือนกินซีเรียล, ทุบเป็นผงใส่นมหรือน้ำหรือซุปทำเป็นโจ๊ก, เอาไปนึ่ง, ฯลฯ ก็สุดแท้แต่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการกินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ฮาร์ดแทคจะไม่ใช่อาหารที่อร่อย แต่ก็เป็นอาหารสำรองฉุกเฉินที่ทำเองได้ที่บ้านเพื่อเก็บไว้ ถึงตอนนั้นการมีอาหารสำรองไว้ย่อมดีกว่าไม่มีครับ

อ้างอิง

อาหารสำรองฉุกเฉินของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

https://detail.1688.com/offer/662930682500.html
จากโพสก่อนที่ได้พูดถึงอาหารสำรองฉุกเฉินทดแทนในราคาถูก[อาหารสำรองฉุกเฉินหาซื้อง่ายราคาย่อมเยาว์] คราวนี้มาพูดกันต่ออีกสักนิดนึง สำหรับคนที่ต้องการอาหารฉุกเฉินสำเร็จรูปโดยตรง แม้ราคาจะแพงกว่าหน่อยแต่ตรงประเด็นที่สุด เพราะเก็บรักษาได้นาน ให้พลังงานสูง และไม่ฝืดคอ(ประหยัดน้ำดื่ม)

อาหารฉุกเฉิน MRE (Meal, Ready-to-Eat อาหารพร้อมกิน) ที่ราคาไม่แพงนัก และน่าสนใจก็คือ
900 压缩干粮 (เสบียงแห้งอัดแท่ง สูตร 900) เป็นอาหารภาคสนามและฉุกเฉินที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(中国人民解放军) สูตรสำหรับพลเรือน (ถ้าเป็นสูตร 90 จะเป็นสำหรับกองทัพ ซึ่งต่างกันที่ สูตร 90 ผสมนมผง แต่สูตร 900 ไม่ผสมนมผง)

ส่วนผสมของ 900 MRE จะมี แป้งสาลี, ถั่วลิสง, น้ำตาล, กลูโคส, น้ำมันพืช, และเกลือ เป็นวัตถุดิบหลัก นำมาผ่านกรรมวิธีปรุงสุกและอัดแท่ง โดยพัฒนามาจาก สูตร 761 ด้วยการปรับปรุงรสชาติและแพ็คเกจเป็นสูญญากาศ และผสมโสมด้วยเพื่อชูกำลัง อายุการเก็บรักษาได้กว่า 4 ปี โดย 1 ถัง มี 20 ซอง น้ำหนักซองละ 200 กรัม แต่ละซอง มี 4 ชิ้น สามารถแบ่งกินได้ 2-4 มื้อ น้ำหนักชิ้นละ 50 กรัม โดย 1 ชิ้น ให้พลังงาน ~247 กิโลแคลลอรี่
รสชาติเหมือนคุ๊กกี้ กลิ่นเหมือนถั่ว รสสัมผัสเหมือนขนมตุ๊บตั๊บ

และก็อย่างที่รู้กัน อาหารฉุกเฉินส่วนใหญ่เน้นให้พลังงานมากกว่าอย่างอื่น ดังนั้น จึงไม่ควรกินเยอะเกิน เพราะอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ ซึ่งโดยทั่วไปในสภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินจะแนะนำให้กิน 1 ชิ้นทุกๆ 12 ช.ม. แต่สามารถปรับปริมาณและเพิ่มลดระยะเวลาได้ตามสภาวการณ์ เพื่อรอการดำเนินการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเฉลี่ยคือ 3 วัน

ก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจอาหารฉุกเฉินโดยตรงมากกว่าแบบทดแทนอย่างโพสที่แล้วครับ จะได้ตรงเป้าเข้าประเด็นไปเลย

🛒ชี้เป้า

#หมายเหตุ
ต้องมีคำเตือนนิดหน่อยสำหรับอาหารฉุกเฉินอัดแท่งสไตล์นี้ไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ตาม เนื่องจากส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยแป้งสาลีและน้ำตาล ดังนั้น ผู้เป็นเบาหวาน ผู้แพ้กลูเตน แพ้ถั่ว ควรเลี่ยง กรณีที่ต้องกินแค่ MRE อย่างเดียว โดยทั่วไปกองทัพจะกำหนดไม่ให้กินต่อเนื่องเกิน 21 วัน เพราะจะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน ไม่ท้องเสียก็ท้องผูก ใยอาหารน้อย อาจจะมีสารกันบูดฉ่ำ จุลินทรีย์ในลำไส้ตาย ทำให้มีปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา มันไม่ใช่อาหารเพื่อสุขภาพอย่างแน่นอน จึงควรใช้ในกรณีฉุกเฉินแค่ 2-3 วัน และหาทางกลับสู่การกินอาหารปรกติโดยเร็วที่สุด


อาหารสำรองฉุกเฉินหาซื้อง่ายราคาย่อมเยาว์

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Broken-cracker.jpg

อาหารสำรองฉุกเฉินส่วนใหญ่จะทำมาให้เก็บรักษาได้ 1-4 ปี(แล้วแต่ยี่ห้อ) และมักมีราคาแพง แต่ก็ให้พลังงานสูง และกินแล้วไม่ฝืดคอ(ประหยัดน้ำดื่ม) อาหารฉุกเฉินเหล่านี้ใช้ในกรณีเข้าถึงอาหารไม่ได้ตามปกติ เช่น ในช่วงภัยพิบัติ ตั้งแคมป์ เดินป่า ฯลฯ ซึ่งปริมาณขั้นต่ำจะต้องเตรียมไว้ให้พอกินได้ 3 วันเป็นอย่างน้อย สำหรับรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกว่าจะคลี่คลาย

ซึ่งหากต้องการอาหารฉุกเฉินที่ราคาถูก เก็บรักษาได้นานอย่างน้อย 1 ปี รสชาติกลางๆ และกินได้ทันทีไม่ต้องปรุง ก็ต้องมองหาอะไรทั่วไปที่พอจะมีคุณสมบัตินี้ จากที่ศึกษามาสักพัก ตอนนี้เราเห็นว่า Cream cracker หรือที่ไทยเรียกกันว่า แคร็กเก้อร์เค็ม นับว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับอาหารฉุกเฉินราคาถูก รสกลางๆ เก็บได้ 1 ปี แม้ว่าอาจจะต้องดื่มน้ำตามสักหน่อยก็เถอะนะ ๕๕๕ (อาหารฉุกเฉินบางยี่ห้อก็รสชาติคล้ายเอาแคร็กเกอร์บดมาอัดแท่ง)
ส่วนปริมาณที่จะเก็บก็ขึ้นอยู่กับว่าจะกินเท่าไหร่ อาจจะเป็น ~50 กรัม/วัน(ประหยัด) หรือ ~100 กรัม/วัน ซึ่งก็แล้วแต่คนว่าต้องกินมากแค่ไหน(อาจจะคำนวณจากพลังงานต่อวันก็ได้) เมื่อคำนวณปริมาณได้แล้วก็ให้เตรียมไว้สำหรับ 3 วันเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นไปตามหลักการมาตราฐานสำหรับเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติระยะสั้นครับ

จริงๆอาจจะเป็นอาหารแห้งอย่างอื่นก็ได้นะครับที่สามารถกินได้ทันที ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ไม่ต้องปรุง และไม่ต้องดื่มน้ำตามมากเกินไป ก็เหมาะสมกับการเป็นอาหารฉุกเฉินได้เช่นกัน และที่สำคัญควรเก็บรักษาได้นานอย่างน้อย 1 ปีก่อนหมดอายุ ตรงนี้สำคัญครับ

เพื่อนๆนึกถึงอาหารแห้งอะไรที่พอจะตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้บ้างครับ แนะนำกันมาในคอมเม้นต์เพื่อเป็นไอเดียได้เลยครับ
ขอบคุณครับ

🛒ชี้เป้า
  • Cream cracker แคร็กเกอร์เค็ม
  • ถ้าหากไม่ติดขัดเรื่องการเตรียมอาหาร เนยถั่วก็เป็นอีกอย่างที่แนะนำ มันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ทาบนแคร็กเกอร์ก็ได้ เก็บรักษาได้นานพอกัน (เป็นอาหารฉุกเฉินร่วมสำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้)

แถม
สำหรับคนที่ต้องการอาหารฉุกเฉินสำเร็จรูปโดยเฉพาะ ราคาจะแพงกว่าหน่อยแต่ตรงประเด็น
900 压缩干粮 (เสบียงแห้งอัดแท่ง สูตร 900) เป็นอาหารฉุกเฉินและภาคสนามของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนสำหรับพลเรือน (ถ้าเป็นสูตร 90 จะเป็นสำหรับกองทัพ ซึ่งต่างกันที่ สูตร 90 ผสมนมผง แต่สูตร 900 ไม่ผสมนมผง) ทราบมาว่ามีการผสมโสมด้วย


บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม

14 มีนาคม 2567

ชาสามม้าเบอร์ 1, 2, 3 ต่างกันอย่างไรนะ?

เพื่อนๆเคยสงสัยมั้ยว่าชาสามม้าเบอร์ 1, เบอร์ 2, เบอร์ 3 ยอดนิยมทั้ง 3 เบอร์นี้ต่างกันอย่างไร?

มาไขข้อสงสัยกันสั้นๆตรงนี้เลยครับว่า เป็นเบอร์ของระดับการย่างไฟของใบชาครับ และทั้ง 3 เบอร์นี้เป็นกรรมวิธีแบบชาอู่หลงครับ

เบอร์ 1 : เป็นใบชาคั่วอ่อน จะได้น้ำชาสีอ่อน ออกเหลืองอมเขียว เป็นชาอู่หลงที่มีความสดๆของชาเขียวนิดๆ กลิ่นคล้ายดอกไม้หอม
เบอร์ 2 : เป็นใบชาคั่วกลาง น้ำชาจะสีแดงใส กลิ่นคล้ายผลไม้สุก
เบอร์ 3 : เป็นใบชาคั่วเข้ม น้ำชาจะสีแดงเข้ม มีความขมชัด กลิ่นคล้ายควันไฟ

แต่ละเบอร์ก็คือความเข้มของการคั่วใบชานั่นเอง ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบแบบไหน ชงได้ทั้งกาเล็กกาใหญ่ ซึ่งสรรพคุณของชาจีน ก็ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ, ช่วยให้หัวใจชุ่มชื่น, ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด, ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี, ชงแก่ๆใช้รักษาอาการเป็นพิษของอัลคาลอยด์ต่างๆ และลดอาการท้องร่วงได้, ฯลฯ นอกจากเป็นเครื่องดื่มดับร้อนแก้กระหายแล้ว ยังเป็นยาสมุนไพรประจำบ้านแบบง่ายๆได้อีกด้วยครับ แต่ก็ต้องระวังเรื่องคาเฟอีนด้วยนะครับ ถ้าดื่มตอนดึกๆอาจนอนไม่หลับได้

ช่วงอากาศร้อนๆอย่างนี้ ชาจีน ก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมที่ช่วยดับร้อน และแก้ร้อนในได้ ที่สำคัญชงเองได้ง่ายๆที่บ้านในราคาย่อมเยาว์
งั้นมาดื่มชาจีนแก้กระหายดับร้อนกันครับทุกท่าน
เอ๊า! ชนจอก!

แถม
ความเข้มสีของน้ำชาอาจแตกต่างกันไปตามน้ำและชนิดใบชาที่ใช้
ชาที่ชงแก่ๆช่วยลดอาการท้องร่วงได้ โดยเฉพาะเบอร์ 3 ที่เข้มโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้ายิ่งชงแก่ๆก็ยิ่งเข้มจัด หากไม่ได้ท่องร่วงการดื่มชาที่แก่เกินไปอาจทำให้ท้องผูกแทนได้นะครับ

06 มีนาคม 2567

สมุนไพรกับการบำรุงร่างกายและล้างพิษ

ภาพถ่ายโดย Anna Pou : https://www.pexels.com/th-th/photo/8329284/

แพทย์แผนโบราณ บางครั้งคนไข้สองคนมีอาการเหมือนกันแต่อาจใช่วิธีการหรือสมุนไพรที่รักษาต่างกัน บางคนอาการต่างกันแต่อาจใช้วิธีการหรือสมุนไพรที่รักษาเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่า ต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านั้นอาจจะเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล การรักษาแบบองค์รวมแบบแพทย์แผนโบราณนั้น อาการเดียวกันอาจไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการหรือตัวยาเดียวกันเสมอไป ต้องดูเป็นรายๆไปถึงต้นเหตุที่โดนกระทบจนมีอาการ ไม่ใช่ดูแค่ที่อาการหรือโรค จึงไม่สามารถบอกวิธีรักษาจากอาการและฟันธงได้อย่างตายตัว จึงจะเห็นว่าแพทย์แผนโบราณจำเป็นต้องแมะชีพจร ดูตา ดูลิ้น ดมกลิ่น ฟังเสียงพูด เพราะบางครั้งแต่ละคนอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันแต่เกิดจากสาเหตุเดียวกัน นั่นขึ้นอยู่กับว่าส่วนใดอ่อนแอเป็นพิเศษ ส่วนนั้นก็จะได้รับผลกระทบก่อน เช่น คนนึงผมร่วง อีกคนปวดเข่า และอีกคนหูอื้อ อาการที่แตกต่างกันของ 3 คนนี้ อาจจะเกิดจากสภาวะไตพร่องเหมือนกันก็ได้ แต่ไปปะทุแสดงออกในจุดที่ต่างกันซึ่งอยู่ในสังกัดของไต ก็อาจจะรักษาด้วยสมุนไพรชุดเดียวกันได้หรือคนไข้อ่อนเพลียเหมือนกัน แต่คนหนึ่งสาเหตุอาจเกิดจากชี่ม้ามพร่อง อีกคนอาจเกิดจากไตพร่องก็ได้ ดังนั้น จึงไม่อาจใช้วิธีการหรือสมุนไพรเดียวกันในการรักษาอาการอ่อนเพลียนี้ได้
และด้วยเหตุผลนี้เช่นกันที่ทำให้ยาแผนโบราณมักจะถูกล้อเลียนว่าเป็นยาผีบอก เพราะว่าใช้รักษาได้หลายอาการ แต่จริงๆแล้วอาการที่เขียนไว้เหล่านั้นเป็นแค่อาการภายนอกที่แสดงออกจากต้นเหตุเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วสมุนไพรจะไปบำรุงและรักษาอวัยวะต้นเหตุภายในที่เสียสมดุล เมื่อสมดุลปกติดีแล้ว อาการต่างๆก็จะหายไปนั่นเอง แต่ต้องถูกสาเหตุไม่ใช่แค่ถูกอาการ เพราะอาการเดียวกันอาจจะมีสาเหตุต่างกัน ดังนั้นอาจจะใช้สมุนไพรเดียวกันไม่ได้ ตรงจุดนี้ต้องไปตรวจสุขภาพกับแพทย์แผนโบราณเท่านั้น

สำหรับวัคซีนโควิด คาดว่าคงมีผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่มีอาการข้างเคียงปรากฎให้เห็น แต่บางคนก็มีอาการข้างเคียงชัดเจน ซึ่งอาการข้างเคียงก็อาจจะแตกต่างกันไปได้ หากใช้ปรัชญาข้างต้นในการวิเคราะห์จุดนี้ ก็แสดงว่าอาการต่างๆขึ้นอยู่กับจุดถูกกระทบ อวัยวะส่วนใดอ่อนแอเป็นพิเศษ หรือสมดุลส่วนใดเสียจนถึงระดับส่งผล อาการก็จะปะทุในสังกัดต่างๆของส่วนนั้นก่อน ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีจุดที่แข็งแรงและอ่อนแอต่างกัน ดังนั้นสาเหตุภายในก็จะต่างกันด้วย จึงยากที่จะบอกได้อย่างตายตัวว่าต้องทำอย่างไรจึงจะกลับสู่ปกติ ส่วนการรักษาเฉพาะตามอาการนั้นไม่ได้ช่วยรักษาในภาพรวมหรือต้นเหตุแต่อย่างใด อาการอาจหายได้เหมือนพ่นยาชา แต่ถ้าสาเหตุยังไม่หายก็ยังคงไม่กลับสู่ปกติ พอหายชาก็จะมีอาการอีก แต่ใช้การทำให้ชาร่วมด้วยก็ดี จะได้หายเจ็บปวด แต่ไม่ควรหยุดแค่ตรงนั้น ควรรักษาที่ต้นเหตุด้วยจะได้หายเจ็บเพราะไม่มีแผลจริงๆ ไม่ใช่แค่หายเจ็บเพราะแค่พ่นยาชา

ในทางแพทย์แผนจีนนั้นจัดลำดับของยาหรือสมุนไพรเอาไว้ 3 ระดับ คือ สมุนไพรชั้นสูง สมุนไพรชั้นกลาง และสมุนไพรชั้นล่าง สมุนไพรชั้นล่างนั้นเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาแบบเจาะจง เฉพาะอาการ และเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นสมุนไพรที่มีพิษสูง ถ้าใช้จนหายโรคแล้วต้องหยุดใช้ ควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด ใช้ในระยะสั้นๆ และจะไม่ใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนสมุนไพรชั้นสูงและกลางนั้นมักเป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย ซึ่งใช้รักษาด้วย มักใช้ทั่วไป ใช้รักษาอย่างเป็นองค์รวมด้วยการฟื้นฟูร่างกายให้สมดุล เพื่อให้ร่างกายเยียวยาตัวเองต่อไป จึงควรนับเป็นการเยียวยามากกว่าการรักษา เช่น โสม โต่วต๋ง เขากวางอ่อน ตังเสียม เก๋ากี้ อบเชย ขมิ้น หลินจือ ฯลฯ หากใช้ในการบำรุงทั่วไปก็จะใช้ปริมาณน้อยๆ หรือเป็นส่วนผสมในอาหาร จึงใช้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีๆ แต่หากใช้ในการเยียวยารักษาก็จะมีการเพิ่มปริมาณขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ต้องปรึกษาแพทย์แผนโบราณเท่านั้น

ในการบำรุงร่างกายโดยรวมก็มักจะแนะนำให้ใช้ โสม ซึ่งจะเพิ่มชี่(ทำให้มีพลัง) เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น และช่วยทำความสะอาดหลอดเลือด แต่โสมจีน(โสมเกาหลี, โสมขาว)นั้นจะมีความเป็นหยาง คือ ร้อน คนที่มีอาการร้อนในหรือเป็นคนขี้ร้อนไม่ควรใช้ คนที่มีอาการร้อนควรจะใช้ โสมอเมริกา แทนเพราะมีความเป็นหยิน คือ เย็น แต่จะมีสรรพคุณอ่อนกว่าโสมจีน (ส่วนโสมแดงนั้นไม่แนะนำสำหรับคนทั่วไปเพราะว่าร้อนจัด ใช้เฉพาะแพทย์สั่งเท่านั้น) โสมควรดื่มตอนกลางวัน ส่วนในการล้างพิษก็มักจะแนะนำ เห็ดหลินจือ บำรุงได้และล้างพิษดี(แนะนำแบบต้มมากกว่าผงบด) เป็นกลางไม่ร้อนไม่เย็น เหล่านี้เป็นแค่คำแนะนำแบบทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน แต่คนส่วนใหญ่ใช้ได้ ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์แผนโบราณ
แม้จะใช้สมุนไพรบำรุงที่ได้รับความเชื่อถือว่าปลอดภัยสูง แต่หากใช้บำรุงอย่างต่อเนื่องทุกวันก็ควรมีช่วงหยุดบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พัก โดยเฉพาะ หลินจือ หากใช้ต่อเนื่อง 1-3 เดือนก็ควรจะหยุดพัก 1 เดือน และหากล้างพิษหมดแล้วก็อาจดื่มเป็นครั้งคราวเพื่อบำรุงได้(อาจใช้ต่อเนื่องเพื่อล้างพิษปีละครั้งก็พอ เช่น 3 เดือน) ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุด เพราะหากพิษหมดแล้วหลินจือจะไปล้างเอาสารอาหารแทน ดั่งสุภาษิตที่ว่า สิ่งที่ดีมากไปก็ไม่ดี ความสมดุลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
แต่มีข้อห้ามอยู่อย่างหนึ่งในการใช้สมุนไพรบำรุงร่างกายเหล่านี้ก็คือ ห้ามกินสมุนไพรบำรุงในขณะที่เป็นไข้ เพราะสมุนไพรจะไปบำรุงเชื้อโรคด้วย

จะเห็นว่าแพทย์แผนโบราณจะเด่นในด้านรักษาแบบองค์รวม เพื่อให้ร่างกายเยียวยาตัวเองต่อไป หากเป็นอาการเรื้อรังน่ารำคาญที่รู้สึกไม่ปกติหรืออาการไม่รุนแรงมาก ก็จะช่วยได้เป็นอย่างดี เพราะหากเยียวยาได้ถูกต้องร่างกายก็จะฟื้นฟูตัวเอง การเยียวยาต้องใช้เวลา แต่ถ้าอาการรุนแรงมากจนเด่นชัด ตรงจุดนี้แพทย์แผนปัจจุบันจะเด่นมากกว่าและรวดเร็วกว่า จึงควรเลือกเข้ารับการรักษาตามจุดอ่อนจุดแข็งของวิธีการรักษาแต่ละแบบ หรือใช้ร่วมกันก็ยิ่งดีครับ รักษาด้วยและเยียวยาด้วย ได้ทั้งโรคหายและร่างกายก็แข็งแรงครับ

สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารที่ดี นั่นคือการรักษาสุขภาพกาย และต้องไม่เครียดและทำจิตใจให้เบิกบาน นั่นคือการรักษาสุขภาพใจ ภายในภายนอก หยินหยาง กายใจ ต้องได้รับการดูแลทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกัน เมื่อมีสมดุลทุกอย่างก็ปกติสุข

มาดูแลสุขภาพกันให้ดีครับ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้านะครับ
สวัสดีครับ

แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม

01 มีนาคม 2567

บทเรียนชีวิตจากโลกหลังหายนะของ CDDA


Cataclysm: Dark Days Ahead - มหาภัยพิบัติ: สู่วันอนธการ หรือ CDDA เป็นเกม roguelike ที่มีความท้าทาย ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะที่เต็มไปด้วยซอมบี้ สัตว์กลายพันธุ์ และอันตรายอื่นๆ เกมนี้ไม่ใช่แค่เกมเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่สอนบทเรียนชีวิตอันล้ำค่าอีกด้วย

คุณค่าของชีวิต
ในโลกของ CDDA ชีวิตมีราคาแพง ผู้เล่นต้องระวังทุกย่างก้าว การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงชีวิต
เกมนี้สอนให้เรารู้คุณค่าของชีวิต และใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ความสำคัญของการเตรียมพร้อม
ในโลกหลังหายนะ ผู้เล่นที่เตรียมพร้อมจะอยู่รอดได้ ผู้เล่นต้องหาอาหาร น้ำ ที่พักพิง และยา
เกมนี้สอนให้เรารู้จักเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

การทำงานเป็นทีม
ในโลกของ CDDA การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เล่นต้องร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อเอาชีวิตรอด
เกมนี้สอนให้เรารู้จักทำงานเป็นทีม และช่วยเหลือผู้อื่น

ความยืดหยุ่น
ในโลกของ CDDA ผู้เล่นต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย ผู้เล่นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและยืดหยุ่น
เกมนี้สอนให้เรารู้จักอดทน และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

ความหวัง
แม้จะอยู่ในโลกที่สิ้นหวัง แต่ผู้เล่นต้องไม่สูญเสียความหวัง ผู้เล่นต้องหาสิ่งที่ทำให้พวกเขามีแรงจูงใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เกมนี้สอนให้เรารู้จักมองโลกในแง่ดี และไม่เคยยอมแพ้

CDDA เป็นเกมที่สอนบทเรียนชีวิตอันล้ำค่า บทเรียนเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้

การตั้งค่าเปิดโปรแกรมอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่องสำหรับ Zorin OS Core



ในการตั้งค่าให้เปิดโปรแกรมที่อัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดเครื่องบน Zorin OS Core นั้นจะยุ่งยากหน่อย ตรงที่เราต้องใส่ Command ในช่องคำสั่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหน เอาจริงๆ Zorin OS Lite นั้นง่ายกว่า แค่คลิ๊กขวาที่ไอค่อนของโปรแกรมนั้นเลือกดู Properties ก็ดู Command ได้แล้ว แต่สำหรับ Zorin OS Core ที่มีฟังชั่นครบถ้วนก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำครับ มาลองดูวิธีหา Command ของโปรแกรมต่างๆกันได้เลย
  1. อันดับแรกให้เปิดโปรแกรม Startup Applications เอาไว้ก่อนเลย แล้วคลิ๊กปุ่มคำสั่ง Add เพื่อเตรียมเพิ่มโปรแกรมที่ต้องการให้เปิดทันทีเมื่อเปิดเครื่อง
  2. จากนั้นคลิ๊กไปที่ปุ่ม Super (ปุ่ม Win หรือเมนูที่มุมล่างซ้าย) แล้วพิพม์ในช่องค้นหาว่า Main Menu จากนั้นคลิ๊กเข้าไปที่โปรแกรม Main Menu นั้นเลย
  3. ทีนี้ก็เลือกหาโปรแกรมที่เราต้องการจากรายการเหล่านั้น เมื่อเลือกได้แล้ว ก็คลิ๊กที่ชื่อโปรแกรมนั้น แล้วกด Properties ที่อยู่ที่ปุ่มคำสั่งข้างๆ
  4. จากนั้นเราก็ก๊อปข้อมูลทุกช่องทีละช่องไปใส่ในโปรแกรม Startup Applications ให้ครบถ้วน(จริงๆไม่ต้องครบก็ได้ ต้องการแค่ Command ก็เพียงพอ) แล้วกด Save เป็นอันเสร็จพิธี
จากนี้เมื่อเปิดเครื่องใหม่ทุกครั้งโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้ก็จะรันเองทันทีเป็นโปรแกรมเริ่มต้นได้อย่างสะดวกไปเลยครับ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นลองดูตัวอย่างได้จากคลิปวีดีโอข้างบนได้เลยนะครับ

29 กุมภาพันธ์ 2567

CDDA กับการค้นหาความหมายของชีวิต


Cataclysm: Dark Days Ahead - มหาภัยพิบัติ: สู่วันอนธการ หรือ CDDA เป็นเกม Roguelike ที่มีความท้าทาย ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะที่เต็มไปด้วยซอมบี้ สัตว์กลายพันธุ์ และอันตรายอื่นๆ เกมนี้ไม่ใช่แค่เกมเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่กระตุ้นให้ผู้เล่นครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตด้วย

การค้นหาความหมายในโลกที่ไร้ความหวัง
ในโลกของ CDDA ผู้เล่นต้องเผชิญกับความตายอยู่ตลอดเวลา การสูญเสียเพื่อน ครอบครัว และทรัพย์สินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้ ผู้เล่นจะต้องค้นหาสิ่งที่ทำให้พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า?
บางคนอาจหาความหมายของชีวิตผ่านการเอาชีวิตรอด พวกเขามุ่งมั่นที่จะสร้างที่พักพิง หาอาหาร และต่อสู้กับศัตรู บางคนอาจหาความหมายของชีวิตผ่านการช่วยเหลือผู้อื่น พวกเขารักษาผู้ป่วย แจกอาหาร และสร้างชุมชน บางคนอาจหาความหมายของชีวิตผ่านการค้นหาความรู้ พวกเขาอ่านหนังสือ ศึกษาเทคโนโลยี และค้นหาความลับของโลก

CDDA เป็นเกมที่เปิดกว้างให้ผู้เล่นค้นหาความหมายของชีวิตด้วยตัวเอง
ไม่มีคำตอบที่ตายตัวสำหรับคำถามนี้ สิ่งสำคัญคือผู้เล่นจะต้องค้นหาสิ่งที่มีความหมายสำหรับพวกเขา

CDDA กับชีวิตจริง
แม้ว่า CDDA จะเป็นเกม แต่บทเรียนที่ได้จากเกมนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้ ในชีวิตจริง เราทุกคนต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรค สิ่งสำคัญคือเราจะต้องค้นหาสิ่งที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป CDDA อาจเป็นโลกจำลองที่ช่วยให้เราค้นหาคำตอบสำหรับคำถามสำคัญนี้

คุยไปเรื่อยเรื่องปุ่มเปลี่ยนภาษา


ปุ่มเปลี่ยนภาษาที่นิยมกันในประเทศไทยคือ Grave Accent [ ` ] แต่ค่าเริ่มต้นของ Windows โดยสากลคือ Alt+Shift ซึ่งเพื่อนหลายคนของเราก็ใช้ Alt+Shift
สำหรับ Macintosh เมื่อก่อนเป็นปุ่ม Command+Space (Command ก็คือปุ่ม Win ที่เรียกแบบชาว Mac) แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะเปลี่ยนไปใช้ CapsLk แทนแล้ว ซึ่งอันนี้ก็แปลกใจว่าทำไมถึงเลือกใช้ปุ่มนี้กันนะ?
สำหรับ Linux ค่าเริ่มต้นปัจจุบันจะเป็น Super+Space (Super คือปุ่ม Win ที่เรียกแบบชาว Linux) แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้หลากหลาย

ทั้ง 3 ระบบใช้ค่าเริ่มต้นไม่เหมือนกันเลย เป็นอะไรที่ต้องปรับแต่งหรือไม่ก็ปรับตัวกันอยู่พอสมควรเมื่อสลับใช้ บางแบบก็ปรับแต่งได้มากบางรุ่นก็ปรับแต่งได้น้อย แต่ถ้าสามารถใช้ค่าเริ่มต้นได้ ก็สะดวกดีที่ไม่ต้องปรับแต่ง แต่ต้องปรับตัวแทน ๕๕๕

ก็เป็นเกล็ดความรู้ที่น่าสนใจ นำมาแบ่งปันกัน สำหรับการปุ่นเปลี่ยนภาษาค่าเริ่มต้นแต่ละแบบ ไม่รู้ว่ากำหนดมาด้วยความสะดวกแบบใด ยังหาเหตุผลไม่ได้ ซึ่งคงเห็นว่ามีความสะดวกต่างกัน จึงอาจกำหนดค่าเริ่มต้นต่างกัน คิดในแง่ดีว่าเขาคงไม่กำหนดมามั่วๆหรอกนะ โดยเฉพาะที่ต้องกดสองปุ่ม อย่าง Super+Space ที่สามารถหาเทคนิคการกดได้หลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นการยกมือซ้ายออกมาใช้นิ้วนางกด Super นิ้วชี้กด Space หรือ คนที่พิมพ์สัมผัสไม่ก็ต้องยกมือออกจากแป้นเหย้าเลย สามารถใช้ นิ้วโป้งทั้งสองข้าง ข้างซ้ายกด Super ข้างขวากด Space ก็สะดวกคล่องตัวโดยไม่ต้องยกนิ้วออกจากแป้มเหย้าและพิพม์สัมผัสได้อย่างต่อเนื่อง การกำหนดที่ Super+Space ก็นับว่าสะดวกไปอีกแบบสำหรับคนที่พิพม์สัมผัสหากใช้การกดแบบนิ้วโป้งคู่ แต่อันนี้ก็แล้วแต่ถนัด

สุดท้ายแล้ว พอใช้ๆสลับไปสลับมาบ่อยๆ เมื่อสลับเครื่องก็จะเป็นไปเองโดยความเคยชินของมันเองครับ ฝึกใช้หลายๆแบบก็สนุกไปอีกแบบนึงครับ แต่ละแบบก็มีเสน่ห์ของมันเอง

21 กุมภาพันธ์ 2567

วิธีพักโรงแรม/ห้องพักไม่ให้เจอผี

ภาพถ่ายโดย Eren Özdemir: https://www.pexels.com/th-th/photo/9665250/

  1. ห้องเต็มอย่าฝืน: เพราะอาจได้ห้องที่เขาไม่อยากเปิดให้บริการก็เป็นได้
  2. ขยับของในห้องเล็กน้อย: โดยเฉพาะเตียง ว่ากันว่าเมื่อขยับแล้วจะไม่ทับที่ของเจ้าของเดิม บ้างก็ว่ากันว่าเป็นการบอกให้รู้ว่ามีเจ้าของใหม่มาใช้
  3. เอาเหรียญซื้อที่: วางเหรียญ 1 บาท(หรืออื่นๆก็ได้ ซึ่งน่าจะเป็นการอาศัยรูปผู้มีบารมีสูงสุดในประเทศเพื่อขอใช้ที่)ไว้บนหัวเตียงแล้วอธิษฐานขอใช้สถานที่และขอพรให้เจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และห้ามเก็บเหรียญกลับมาใช้อีก ให้วางทิ้งไว้เลยตอนออกมา ปล่อยให้คนอื่น(แม่บ้าน)เก็บไปไม่เป็นไร
  4. ตามสถิติ ชั้น 3 กับ ชั้น 4 มักมีผี: แม้จะไม่เสมอไป แต่ควรเลี่ยงไปพักที่ชั้นอื่นถ้าเป็นไปได้
  5. เชื่อเซ้นส์ตัวเอง: เมื่อแรกเปิดประตูห้อง ถ้ารู้สึกว่ามี ให้เปลี่ยนห้อง
  6. อย่าพักห้องที่อยู่ตรงกับปลายทางเดิน/บันได/ลิฟต์: ทางที่พุ่งตรงเข้ามาสู่ห้องโดยตรงเป็นทางผีผ่าน รวมพลังงานไม่ดี แม้ประตูจะไม่ตรงกับทางเดินพอดี แต่ถ้าผนังห้องตรงก็อาจได้รับพลังร้ายได้ รวมถึงห้องข้างเคียงทั้งสองข้าง และห้องตรงข้ามห้องข้างเคียงด้วย ซึ่งเป็นบริเวณรอบๆทางสามแพร่งคือควรเลี่ยง
  7. เลี่ยงห้องที่รู้สึกเย็นเหมือนน้ำแข็ง: หากเปิดห้องเข้าไปแล้วรู้สึกเย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็ง ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกเย็นสบาย ให้เปลี่ยนห้อง
  8. เปิดประตูหน้าต่างให้แดดส่อง: เปิดม่านให้แสงแดดส่องเข้ามาภายในห้อง เปิดทิ้งไว้สักพัก เพื่อล้างอาถรรพ์
  9. แก้ผ้านอน: ...ระวังเป็นไข้
  10. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใกล้ที่พัก: เพื่อขอให้ท่านคุ้มครอง
  11. พกเครื่องรางของขลัง: พระเครื่อง, ฮู้ยันต์, สายสิญจน์, ฯลฯ ตามแต่ศรัทธา
  12. สวดมนต์: ได้ทุกบทที่ศรัทธา หรือแผ่เมตตาก็ได้
  13. ตรวจสอบประวัติของที่พัก: ก่อนไปพัก ถ้าเป็นไปได้ ควรตรวจสอบประวัติจากแหล่งต่างๆ เช่น ข่าว หรือจากพ่อค้าแม่ค้าในบริเวณนั้น

ทั้ง 13 ข้อนี้ เป็นข้อมูลที่รวบรวมเรียบเรียงและสรุปมาจากแหล่งต่างๆ และความรู้ต่างๆที่ได้ศึกษามา ก็ลองนำไปปรับกันได้ตามสมควร แต่คงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะได้ผลเสมอไป แต่รู้ไว้ใช่ว่าฯ ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและพักผ่อนอย่างมีความสุข ปลอดภัยตลอดการเดินทางและตลอดการพักผ่อนด้วยเถิด

18 มกราคม 2567

太上心印经 - ไท่ซ่างซินอินจิง - บรมจิตตราสูตร คัมภีร์ตราประทับแห่งหัวใจอันสูงสุด

https://loloto.pixnet.net/blog/post/31563139

太上心印经 - ไท่ซ่างซินอินจิง - บรมจิตตราสูตร คัมภีร์ตราประทับแห่งหัวใจอันสูงสุด
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา แปล

คัมภีร์เต๋าขนาดสั้นที่เต็มไปด้วยแก่นแท้แห่งภูมิปัญญา สามารถนำไปเผยแพร่ได้ตามอัธยาศัย ขอบุญกุศลทั้งหลายในการเผยแพร่ธรรมครั้งนี้โปรดคุ้มครองให้ทุกท่านอยู่เย็นเป็นสุข
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขอท่านผู้รู้โปรดเมตตาชี้แนะ

要诀:
心燥动不安之时, 持念可定心。
เคล็ดลับ:
เมื่อใดใจกระวนกระวายไม่สงบ, ให้สวดภาวนาเพื่อสงบใจ.

太上心印经
บรมจิตตราสูตร คัมภีร์ตราประทับแห่งหัวใจอันสูงสุด

太上智光。烛照太虚。独此真阳。永劫长存。
แสงสว่างแห่งปัญญาอันสูงสุด ส่องไสวทั่วปริภูมิไพศาล เพียงความสว่างอันแท้นี้ ดำรงอยู่ยาวนานชั่วนิรันดร์

手不妄动。足不轻行。目不外视。耳不他听。
มือไม่เคลื่อนไหวอย่างเลินเล่อ เท้าไม่ก้าวเดินอย่างประมาท ตาไม่พินิจภายนอก หูไม่ฟังสิ่งอื่นใด

口绝闲言。心无妄想。自朝至暮。洗心涤虑。
ปากเว้นคำกล่าวไร้สาระ ใจไร้ความคิดฟุ้งซ่าน แต่เช้าจรดค่ำ ชำระจิตใจล้างกังวล

无牵无挂。更远累害。制外养中。退藏于密。
ไร้ยึดไร้ติด ลี้ไกลภัยพาล ควบคุมภายนอกหล่อเลี้ยงภายใน ถอยเร้นสู่ความลี้ลับ

惟慎幽独。时时内观。刻刻返照。不离方寸。
เพียงระมัดระวังความสันโดษ สังเกตภายในทุกเวลา ย้อนมองทุกขณะ ไม่ห่างทุกอณู

惺惺常存。守之不败。寂而长照。照而常寂。
ดำรงการตื่นรู้เป็นปรกติ รักษาไว้ไม่ให้แพ้พ่าย สงบเงียบแต่คงสว่างไสว สว่างไสวแต่คงสงบเงียบ

绵绵密密。不二不息。对境无心。遇物不染。
ต่อเนื่องแนบแน่น ไม่วอกแวกไม่หยุดพัก เผชิญสิ่งเร้าโดยไร้ใจ พบเจอสิ่งใดโดยไม่แปดเปื้อน

常应常静。无文无武。动观自在。静养中和。
ตอบสนองอย่างเป็นปรกติแลสงบนิ่งอย่างเป็นธรรมดา ไร้บุ๋นไร้บู๊ เคลื่อนไหวแลพินิจอยู่อย่างอิสระ พักสงบอย่างเป็นกลาง

精神内蕴。怡养谷神。积至久久。诚至明生。
แก่นแท้จิตวิญญาณกักเก็บภายใน หล่อเลี้ยงบำรุงจิตวิญญาณแห่งหุบห้วง สั่งสมมายาวนาน ความจริงใจนำไปสู่ความกระจ่างแจ้ง

了了常明。如如自在。纯乎以正。默默合天。
เข้าใจกระจ่างสว่างเป็นปรกติ เป็นเช่นนั้นเองอยู่อย่างอิสระ บริสุทธิ์ฤๅด้วยเที่ยงธรรม เงียบงันกลมกลืนกับธรรมชาติ