Sponsor

18 สิงหาคม 2561

เนื้อเรื่องของ Dream Theater อัลบั้ม The Astonishing


วง Dream Theater เป็นที่เลื่องชื่ออยู่แล้วในหมู่นักดนตรีว่ามีความเหนือชั้นระดับปรมาจารย์ในแนวดนตรี Progressive metal ผมคงไม่ต้องกล่าวถึงมากนัก เพราะมีอัลบั้มที่ได้รับความนิยมมากมาย กระทั่งในปี 2016 DT ได้ออกอัลบั้ม The Astonishing ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ผมชอบมากที่สุด ทั้งเพราะตัวเพลงเองที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าอัลบั้มอื่นๆ และด้วยความที่อัลบั้มนี้ไม่ใช่แค่บทเพลง แต่มันคือบทเพลงแห่งโรงละคร สมชื่อของ DT เพลงที่เป็นธรีมเป็นเรื่องราวแบบนี้ผมชอบเป็นพิเศษเลยล่ะครับ ทั้ง 34 เพลงในอัลบั้มนี้คือเรื่องราวต่อเนื่องร้อยเรียงเหมือนละครเพลง ซึ่งนักร้องของวงต้องร้องทั้งบทบรรยาย และบทพูดของตัวละครแต่ละตัวไปด้วยตามท่อนเพลง จึงเหมือนได้ดูภาพยนตร์แบบฟังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย ผมจึงได้นำเนื่อหาที่ได้สรุปย่อแล้วจาก https://pantip.com/topic/34787542 นำมาประกอบเพลงเพื่อให้เข้าถึงเนื้อเรื่องของแต่ละเพลงมากขึ้น ต้องของขอบคุณเจ้าของบทความไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

แนะนำตัวละคร


ในปี 2285 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ถูกปกครองโดยและกดขี่โดย G.N.E.A โดยมีจักพรรดิ์ทรราช นาฟาเรียส กับ จักพรรดินี อราเบล มีรัชทายาท ดาริอัส กับ เจ้าหญิงเฟท ซึ่งความบันเทิงทั้งหมดที่มีในอาณาจักร มีแค่เสียง Electronic Noise ปี๊บๆบี๊บๆ ของหุ่น NOMACS (Noise Machine) พวกนี้อยู่เป็นกองทัพเล็กๆ เห็นว่ามันเกิดจากความต้องการของประชาชนที่ต้องการดนตรีที่สมบูรณ์แบบ แต่มันกลับเปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่ร้ายกาจไป เลยกลับกลายเป็นตัวสร้างความบันเทิงเดียวที่เหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้ และดนตรีที่แท้จริง ก็ค่อยๆถูกลืมเลือนไป


เป็นบทนำใน Act แรก ที่เกริ่นหัวเรื่องได้บรรยากาศหลายๆเพลงมารวมกัน
(นำหลายท่อนเพลงในอัลบั้มนี้มาบรรเลงรวมกันในเพลงเดียว -ผู้เรียบเรียง)


ก็คงประมาณว่า ในหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป มีชื่อว่า "ราเวนสกิล" (ไม่รู้เกี่ยวอะไรกับนกราเวนรึเปล่า?)
มีชายหนุ่มนามว่า เกเบรียล ที่เกิดมาพร้อมกับ Gift (พรสวรรค์?) หรือความสามารถพิเศษ ที่สร้างสรรค์ดนตรี และเขาคือ "ผู้ถูกเลือก" ที่จะปลดปล่อยผู้คนจากอำนาจ ด้วยการปฏิวัติ และเป็นความหวังเดียวของชาวเมือง โดยจะมีผู้บรรยายเปิดเรื่อง กาลครั้งหนึ่ง ในที่ที่แสนไกลออกไป.....


คร่าวๆ หนุ่มเกเบรียล แกก็คงสับสนว่า ทำไมถึงเป็นผู้ถูกเลือกน่ะล่ะ ได้แต่ร้องเพลงโดยพรสวรรค์ที่มีมา ที่สวนสาธารณะกลางเมือง Ravenskill ในเวลากลางวัน
เท่าๆที่ฟังดู Part ของแกเบรียล ที่น้าเจมส์ร้องนี่ เป็น Part ที่เสียงใสที่สุดนะครับ เพลงช้าๆเพราะๆส่วนมาก ก็จะเป็นของตาคนนี้ เห็นตอนแต่ง น้า JP แกบอกว่าได้ inspire มาจาก Hunger Game ด้วย ไม่รู้ตาแกเบรียล จะอารมณ์คล้ายๆกันรึเปล่า?


ขอนับว่าเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัว อาริส ละกันครับ (ไม่รวม the gift of music) ว่ามีภูมิหลังความเป็นมา และสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
ฉากคือ ภายในศูนย์บัญชาการกองกำลังราเวนสกิล ภรรยาอาริส คือ อีแวนจีลีน (เขียนยังงี้รึเปล่า?) แต่เสียขีวิตไปแล้ว และมีลูกชายด้วยกันชื่อ แซนเดอร์​ อายุตอนนี้น่าจะ 7-8 ขวบ และอาริสก็มีน้องชายแท้ๆ คือแกเบรียล ผู้ถูกเลือกนี่ล่ะ และสถานะของอาริส ตอนนี้คือ "ผู้นำกองกำลังกบฏราเวนสกิล"
ซึ่งอาริสพยายามจะปลดแอก ให้ผู้คนรู้จัก true music (ดนตรีที่แท้จริง?) ที่ไม่ใช่แค่เสียงจากเครื่อง NOMACS เท่านั้น และความคดโกงของจักพรรดินาฟาเรียส และขุนนางที่เลวร้าย ทำให้ประชาชนอดอยาก เลยมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้ชีวิตลูกชายคนเดียวดีขึ้นให้คนรักของแกที่จากไปแล้วได้ดู เพื่อ "ชีวิตที่ดีขึ้น"
ไฟแห่งการปฏิวัติ ได้ลุกโชนขึ้นแล้ว


สถานที่ ในวังของจักพรรดิ
ข่าวลือเรื่องแกเบรียล"ผู้ปลดปล่อย" ได้กระจายไปทั่ว รู้ถึงหูขององค์ จักพรรดินาฟาเรียส จนนั่งไม่ติด แต่ด้วยความหยิ่งทรนง ก็เลยคิดดูถูกไว้ว่า แกเป็นใครมาจากไหน คิดจะตั้งตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหรอ รู้นะโว้ยว่าพวกแกมีแผนจะปฏิวัติ แต่รู้ไว้ด้วยว่าเมืองนี้ใครคุม?"
ช่วงท้ายๆ ก็มีกล่าวถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวจักพรรดินะ ทั้งเมีย ลูกชาย ลูกสาว ว่าคือทุกสิ่งทุกอย่าง ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด จบที่ "ไป พวกเราไปดูหน้ามันให้เห็นกับตา !!"
จะไม่พูดถึงดนตรีของเพลงนี้ไม่ได้ กลองขึ้นมาอย่างกับเพลงเต้นรำแทงโก้! (เห็นเมืองนอกบางคนเรียกว่า Progressive Tango กันเลยทีเดียว) เพลงถูกประกอบด้วยหลายอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ช้าๆเร็วๆ แต่ก็ตอบโจทย์ที่บรรยายลักษณะนิสัยของตัวละครได้เป็นอย่างดี


สถานที่ จัตุรัส ของเมืองราเวนสกิล
ขณะที่ผู้คนก็ใช้ชีวิตตามปกติ แกเบรียลก็ได้ทำการแสดงของเขาเหมือนเช่นเคย แต่วันนั้นเป็นวันที่ไม่ปกติ เพราะขบวนของจักพรรดิได้มาถึงที่ ความจอแจก็เปลี่ยนไปเป็นความเงียบสงบทันที จักพรรดิได้เอ่ยว่า เล่นต่อไปสิ คณะเรามาไกล เพื่อจะดูการแสดงอันเลื่องลือของเจ้า พร้อมกับการสำทับขององค์รัชทายาท"ดาเรียส"​โอรสขององค์จักพรรดิ์ ในขณะที่ทำท่าจะมีเรื่องกันนั้น แกเบรียลก็ออกมากล่าวว่า อย่าได้เป็นห่วงเลย พี่ชายข้า เดี๋ยวจะแสดงถึงพลังแห่งดนตรีของข้า ให้พวกนั้นได้เห็นเอง พวกที่วันๆได้ยินแต่เสียง noise machine จะไปรู้อะไร ขณะที่กำลังจะร้อง แกเบรียลก็เกิดความประหลาดใจ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเขา "นางฟ้า" ....


ต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว สถานีที่และตัวละครคงยังเป็นที่เดิม แกเบรียลก็ได้แสดงการร้องเพลงขึ้น
(เพลงนี้มันเพราะจริงๆนะ นึกถึง the spirit carries on เลย) เนื้อเพลงก็ออกแนวชี้ทางสว่าง ว่าเมื่อเวลาได้มาถึง สิ่งที่ได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็เป็นสิ่งสำคัญ ปลดปล่อยใจคุณให้เป็นอิสระ เมื่อถึงทางที่ต้องเลือก ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ ด้วยพลังเสียงของฉันจะช่วยให้เธอรู้ว่าสิ่งในถูก แล้วบทของ Fayth ก็แทรกขึ้นมา... (ชอบเสียงเครื่องสาย,เสียงประสานของท่อนนี้จัง) เธอรู้สึกว่า เวลานี้เป็นช่วงที่มีความหมายมากๆ เสียงของแกเบรียล เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มให้กับชีวิตของเธอ ที่เติบโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว และตอนนี้ เธอได้พบกับ"ที่ของเธอ"แล้ว...


ยังคงเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เดิม แต่เป็นเรื่องราวของเฟธ หลังจากที่ได้ยินเสียงเพลงของแกเบรียล
เหตุการณ์ต่างๆในอดีต ที่เธอต้องเติบโตอย่างโดดเดี่ยวลำพัง อยู่อย่างคนแปลกหน้าภายในวังของเธอเอง แต่ตอนนี้ โอกาสของความหวังและชีวิตที่ดีกว่า อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจได้อย่างไร?
ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก เธอเติบโตมาแบบ"ไข่ในหิน" (แหงล่ะ เป็นเจ้าหญิงนี่นา)ในรั้วของกำแพงวัง
เธอเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นมาก และรักการผจญภัย สำรวจค้นหา จนไปเจอกับ"ห้องลับ"ใต้ดินขึ้น
และไปเจอ"ของลับ" น่าจะเป็นเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลโบราณ ที่รวบรวมเพลงนับพันจากศิลปินในที่ต่างๆ ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกเล่นโดย "มนุษย์" และเธอก็ได้เก็บเครื่องซ่อนเครื่องเล่นนั้นไว้กับตัว แอบเอามาฟัง ด้วยหูฟังที่ถูกซ่อนอย่างมิดชิดภายใต้ผมและหมวก(Hood)ของเธอ และก็ต้องระวังไม่ให้ใครเห็นโดยเฉพาะพ่อของเธอ(ไม่รู้ว่าเครื่องเล่นชิ้นนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เดาว่าอาจคล้ายๆ ipod นะ?)
นอกจากนั้น ด้านหลังเครื่องเล่นชิ้นนี้ ยังถูกแกะสลักว่า "To BUG" (หมายถึงข้อผิดพลาดหรือแมลงเหรอ?) และตั้งแต่วันนั้นมา ไม่มีวันไหนที่เธอจะไม่ได้ฟังเพลงจากเครื่องนี้ มันทำให้เธอคลั่งไคล้มากๆ
เหมือนกับวิญญาณได้ล่องลอยไปกับเพลงในสมัยโบราณนั้น (เพราะปัจจุบันมีแต่เสียงจาก NOMACS) พอมาเจอกับการร้องเพลงสดๆของแกเบรียล เลยเกิดความประทับใจขึ้นราวกับต้องมนตร์ ถึงกับรำพึงรำพันทีเดียว เหมือนกับว่าเธอเกิดมาเพื่อเจอเขาจริงๆ
ความเห็นส่วนตัว คนเรามักตามหาสิ่งที่ขาดเนอะ ขนาดมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว ยังอยากที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิต คงรวยและเบื่อมากตามประสาคนที่ไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากินล่ะมั้ง 55


ยังคงเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง หลังจากที่แกเบรียลร้องเพลงจบ จักพรรดินาฟาเรียส ก็ได้ชื่นชมว่า เก่งมากที่ทำให้พวกเราซาบซึ้ง จนถึงกับหลั่งน้ำตาได้ แต่ข้าเห็นตอนที่เจ้าแอบมองลูกสาวข้านะ เจ้าจงลงมาจากบัลลังก์สมมุติของเจ้า แล้วกลับมาสู่โลกความเป็นจริง และจักพรรดิเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเห็นว่าแกเบรียล และชาวเมืองที่สนับสนุนเขา เป็นอุปสรรคต่อการครองราชย์ของตนจริงๆ ถึงกับ"ร้อนรน นั่งไม่ติด" เลยประกาศออกไปอีกว่า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าวางแผนกบฏกันอยู่ จงส่งตัวแกเบรียล มาให้ข้า คุกเข่าต่อหน้า และสวามิภ้กดิ์ต่อข้า หาไม่แล้ว เมืองของเจ้าจะแหลกละเอียดมอดไหม้ จนไม่เหลือแม้แต่หินก้อนเดียว ว่าแล้วก็ยกกองกำลังกลับวัง และยังทิ้งท้ายว่า ข้าให้เวลาเจ้า "สามวัน"​ แล้วก็หัวเราะ หัวเราะ หัวเราะ
ชอบดนตรีเพลงนี้เช่นกัน พึ่งสังเกตุว่า part ของจักพรรดินี่ เพลงจะขึ้นๆลงๆตลอดเลย มีช่วงสวิงด้วย (แต่กลองยังกะ Blast Beat)


ปี๊บๆ ดู๊ดๆ เสียงโนแมค ที่ลอยอยู่เหนือเมืองราเวนสกิล (ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันรบได้รึเปล่า? หรือทำเสียงnoise ได้อย่างเดียว?)


กลับไปสถานที่ซ่อนตัวของแกเบรียล (ฐานทัพ?) ซึ่งถูกปกป้องโดยพี่ชายของเขา อาริส ซึ่งตั้งมั่นว่า
จะไม่ยอมส่งตัวและยอมแพ้ให้กับจักพรรดิแน่ๆ และได้บอกกับแกเบรียลว่า เจ้าน้องชาย เจ้าได้ยินข้าไหม ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ จงอย่าได้กลัวไปเลย แกเบรียลก็ได้ตอบไปเช่นกันว่า ข้าจะไม่กลัว และไม่ยอมแพ้เช่นกัน ด้วยพลังเสียงของข้าจะไม่มีวันทิ้งพี่ และไม่ทำให้พี่ชายผิดหวัง
ก่อนหน้านั้น แกเบรียลก็รำพึงว่า หนทางสู่การปฏิวัติต้องแลกมาด้วยราคาอันสูงลิบ อิสระคือเหตุผลที่ต้องเลือกว่าสู้หรือว่าจะยอมแพ้ และก็จะมีทั้งฝ่ายแพ้ ชนะ และเขาก็ยังสลัดภาพเจ้าหญิงเฟธ ที่ยังติดตรึงอยู่ไม่หลุด...


ย้อนกลับมาที่วังจักพรรดิ เจ้าหญิงเฟธต้องการที่จะกลับไปหาเกเบรียลที่เมืองเรเวนสกิลอีกครั้ง
(ในว่ามันอยู่สุดขอบชายแดน ทำไมเดินทางไปๆมาๆเร็วจัง? หรือว่าขี่โนแมคมา 55) จักพรรดิดินี อราเบล คงรู้ว่าไม่มีทางห้ามลูกสาวตัวเองได้ จึงได้เรียกลูกชาย เจ้าชายดาริอัส ให้ตามไปปกป้องเธอ และอย่าให้เธอรู้ว่าเข้าตามมา ซึ่งดาริอัส ก็รับคำว่าจะดูแลเธอไม่ให้คลาดสายตา และเฟธก็ได้เดินทาง โดยตั้งใจว่าจะทิ้งชีวิตที่ผ่านมาของเธอไว้เบื้องหลัง


เช้าวันที่สอง เฟธได้เดินทางมาถึงเมืองราเวนสกิล เที่ยวไปถามชาวเมืองถึงที่อยู่ของอาริส
ถามชาวเมืองไปทั่วแต่ก็ไม่มีใครยอมบอก (ก็แหงล่ะ) แต่ในขณะที่กำลังจะหมดหวังนั้น ร่างของเด็กชายคนนึงก็ได้ปรากฏขึ้น เขาคือแซนเดอร์ ลูกชายคนเดียวของอาริส ผู้นำกองกำลังฝ่ายกบฏเนี่ยล่ะ เหมือนแซนเดอร์จะรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่เขาก็เห็นลึกเข้าไปถึงจิตใจเธอผ่านแววตา ถึงพาเธอไปหาพ่อของเขา (ในขณะที่ดาริอัส พี่ชายเธอแอบดูอยู่และวางแผนต่อไปไว้)
ที่ค่ายฝึกทหารของกองกำลังกบฏ อาริสถึงกับตกใจที่เฟธโผล่มา แถมถามว่า กล้าดียังไง? ถึงได้มายืนอยู่ต่อหน้าตรงนี้?​ เธอก็เป็นพวกมันนั่นล่ะ จะให้ไว้ใจได้เหรอ? เฟธก็ตอบมา ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ความหวังเลือนลางไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านเลยไป แต่ฉันจะบอกเฉพาะแกเบรียลเท่านั้น อาริสก็เห็นดีเห็นงามด้วย ... แล้วเฟธก็ไปหาแกเบรียล เพื่อบอกว่า ฉันรอเวลานี้มาทั้งชีวิต เพื่อจะเจอหน้าเธอ แต่เราเหลือเวลาแค่วันเดียวเอง แต่ฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้พ่อฉันฟังให้หยุดการตามล่าเธอได้ และให้เธออยู่แบบนี้กับชาวเมืองเหมือนเดิมนี่ล่ะ แกเบรียลก็บอกว่า ฉันจำตอนที่ฉันร้องเพลงแล้วพ่อเธอ"เคลื่อนไหว"ได้ เราจะเดินไปด้วยกัน พ่อเธอจะต้องเข้าใจ ด้วยดนตรีและความรัก เราจะแพ้ไม่ได้ และในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ความฝันของเราเป็นจริง
ด้วยดนตรีของเพลงนี้ ก็ทำให้ซาบซึ้งได้นะ ...


แกเบรียลบอกเธอว่า เพียงแค่ฉันได้พบกับจักพรรดิ ฉันจะทำให้สันติสุขกลับคืนมาด้วยพลังของเพลงฉันให้ได้  ฉันเห็นสัญญาณบางอย่างในตัวเขา คิดว่าเสียงคงมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะฉันมีเธอที่อยู่อยู๋เคียงข้าง และจะทำไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ มาร่วมกันทำให้จักพรรดิคงตาสว่างกัน


ขณะเดียวกัน ที่เมืองเรเวนสกิลเวลากลางคืน ดาริอัส ก็เจอบ้านของอาริส เพราะแอบเดินตามแซนเดอร์กลับบ้านไป และบุกเข้าไปจับแซนเดอร์เป็นตัวประกันซะงั้น เขาบอกกับแซนเดอร์ว่าอย่าขัดขืนเลย แล้วก็รอจนทั้ง อาริสกลับถึงบ้าน(อาริสตกใจอีกแล้ว มีเรื่องให้ surprise บ่อยจังวุ้ยวันนี้) พร้อมกับบอกว่าอย่าทำอะไรลูกข้าเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิด อยากได้อะไร ข้าจะมอบให้ ดาริอัส"ยื่นข้อเสนอ" ต่ออาริสขอให้ส่งตัวแกเบรียลมาให้เขา และเขาจะรับรองความปลอดภัยของแซนเดอร์ให้ ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าตัดสินใจตอนนี้ ทางจักวรรดิจะแถมความร่ำรวยมั่งคั่งแบบที่อาริสไม่เคยคิดฝันมาก่อน เหมือนแซนเดอร์เป็นเจ้าชายลูกของจักพรรดินาฟาเรียสอีกคนเลยทีเดียว เห็นมั้ยล่ะ ง่ายๆแค่นี้เอง ทำไมต้องคิดอะไรมาก?​ พูดก็พูดเถอะ สุดท้ายแกเบรียลก็ต้องถูกจับไปอยู่ดี แต่สิ่งที่ดาริอัสทำลงไป ก็เพื่อต้องการได้รับการยอมรับจากจักพรรดินาฟาเรียส ผู้เป็นพ่อของเขานั่นแหละ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเขาอิจฉาน้องสาวตัวเอง ที่เป็นลูกคนโปรดซะงั้น?!


อื๊ดดดดดด ปี๊บๆ ปุ๊บๆ ปู่ดๆ เอเลี่ยนบุก


คืนนั้น ที่เมืองราเวนสกิล ดาริอัส ปล่อยให้อาริสตัดสินใจ โดยเขาจะรอคำตอบอยู่ที่นั่นจนถึงเช้า อาริสถูกบีบบังคับให้ตอบตกลงตามนั้น (ส่งตัวแกเบรียลให้ดาริอัส) เพราะคำสัญญาที่มีต่อ อีแวนจีลีน คนรักที่จากไป เขาคิดหนักมาก ว่าจะหันหลังให้น้องชายแท้ๆ ทรยศต่อกองกำลังและผู้ติดตามเขา และยกเลิกแผนการอย่างนั้นหรือ? การนัดหมายก็ได้ถูกกำหนดขึ้น
เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่มีการใช้เครื่องดนตรี Bagpipe (ปี่สก็อต?) ประกอบเพลงด้วยนะ


เช้าวันนั้น ที่วังจักรพรรดิ เจ้าหญิงเฟธ วิ่งโร่มาหาพ่อของเธอ แล้วบอกว่า พ่อๆ ได้โปรดฟังหนูก่อน
อย่าไปเชื่อคำว่า เขาเป็นศัตรู ขอโอกาสให้เราทั้งสองได้แสดงให้ดู เพื่อการ เริ่มต้นใหม่ ด้วยเถอะ
ตอนแรกพ่อก็ไม่ฟังนะ แถมด่ากลับว่า เจ้าไปเชื่อคนหลอกลวงพรรค์นั้นได้ยังไง เจ้าหญิงเฟธ ก็เลยขอให้แม่ช่วยพูดให้พ่อฟังอีกแรง กล่อมครั้งแรก จักพรรดิก็ไม่ฟังนะ  องค์จักพรรดินี อราเบล ก็เลยยกความหลังขึ้นมาว่า ไม่นานมานี้ คุณก็มีความปรารถนาแบบเดียวกับลูกของเรานี่นา คุณก็รู้ว่าเป็นอย่างไร เวลาที่รู้สึกว่าถูกมองไม่เห็น ตอนที่ดนตรีทำให้ใจคุณสงบเหมือนตอนกินยา จำเรื่องของ Bug ได้รึเปล่า?
เรื่องราวก็เปิดเผยขึ้นว่า สมัยที่จักรพรรดินาฟาเรียสยังเด็ก เป็นเจ้าชายอยู่ พ่อของเขาก็เคยมอบเครื่องเล่นเพลงนี้กับเขาเอง ส่วนชื่อ Bug นี่คิดว่ามาจากตอนนั้น นาฟาเรียสขอบไปวิ่งเล่นก่อกวนพ่อเขาผู้เป็นจักรพรรดิบ่อยๆ เลยตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า Bug คงหมายถึงแมลงที่ก่อกวน วิ่งไปวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังพ่อเค้าน่ะล่ะ ซึ่งพ่อของเขาก็ใช้เครื่องเล่นเพลงนี้เข้าสู่มุมสงบ เพื่อลืมเหตุการณ์ความวุ่นวายในการบริหารบ้านเมืองนี้เหมือนกัน และได้ถูกส่งต่อมาให้ลูกเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน จนเมื่อนาฟาเรียสเติบโตขึ้นก็รับช่วงต่อเป็นจักพรรดิ พ่อของเขาก็จากไป เครื่องเล่นนี้ก็ถูกลืมเลือน
เจ้าหญิงเฟธได้ยินชื่อนี้ เลยถามขึ้นมาว่า จริงเหรอ พ่อเคยเป็นเจ้าของเครื่องนี้จริงเหรอ? นาฟาเรียสถึงกับตะโกนออกไปว่า ไปได้มาจากไหน เด็กน้อย? แต่เฟธก็ตอบว่าไม่สำคัญหรอก แล้วบอกอีกว่า พ่อก็เคยฟังเพลงนี่นา อย่าทำตัวเป็นเผด็จการที่ไร้หัวใจเลย ขอโอกาสให้ลูกได้แสดงให้เห็นเถอะ ลูกโตเป็นสาวเกินกว่าจะเป็นเด็กน้อยของพ่อแล้ว ตอนนั้นเอง นาฟาเรียสถึงคิดได้ ว่าเขาเกือบจะสูญเสียลูกสาวของเขาไปแล้ว ก็ให้โอกาสมัน(แกเบรียล)หน่อยแล้วกัน ถ้ามันเป็นผู้ถูกเลือกและทำให้ตนหวั่นไหวได้จริง ก็จะให้อิสระและยกเลิกแผนการทำลายเมืองราเวนสกิลไป แต่ถ้ามันทำไม่ได้ เขาก็ให้แกเบรียลยอมรับความพ่ายแพ่ และทำให้แน่ใจว่า ลูกสาวของเขาจะไม่มีวันเห็นหน้ามันอีก !
เพลงนี้เป็นเพลงที่หนักสุดของอัลบั้มนี้แล้วมั้ง อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆตามสถานการณ์อีกแล้ว ตอนแรกที่ฟังดนตรีอย่างเดียว ก็แค่รู้สึกคร่าวๆ ว่าช่วงแรกจะร้อนรน แต่เวลาที่อราเบลกล่อมนาฟาเรียส เพลงก็ดูอ่อนโยนนิ่มนวล จนเฟธได้รู้ความจริง ดนตรีก็เปลี่ยนมามีชีวิตชีวาขึ้นทันใด! ตอนหลังคงเป็นการโชว์ของวง และบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้น


เมื่อจักรพรรดิตอบตกลงที่จะทำตามความต้องการของลูกสาวแล้ว เฟธก็มุ่งสู่ที่ซ่อนของแกเบรียล สถานที่ก็ถูกกำหนดขึ้นโดยแกเบรียล เป็นสถานที่ที่เป็นกลางที่perfectสุดต่อทั้งสองฝ่าย เป็นโรงมโหรสพร้าง ชื่อว่า Heaven's Cove ในตอนกลางคืน
ด้านของดาเรียส ก็เร่งรัดคำตอบจากอาริสว่า ตกลงว่ายังไง จะหมดเวลาแล้ว
ด้านจักพรรดินาฟาเรียส ก็พูดกับตัวเองว่า คิดจะเปลี่ยนใจข้าเหรอ เสียเวลาเปล่า! สุดท้ายเจ้าก็ต้องอยู่ในกำมือข้า


เพลงนี้เป็น Oveture ของ ACT II นะครับ(ภาคจบ) เรื่องราวที่ทิ้งปมไว้ตั้งแต่ ACT I กำลังจะถูกคลี่คลาย? ใน ACT นี้แล้ว


แกเบรียลแวะมาแจ้งข่าวกับอาริสที่บ้านของเขา ท่าทีของอาริสดูเครียด จนแปลกไป ทำให้แกเบรียลสงสัย แต่เขาก็ยังไม่รู้ถึงแผนการณ์ที่พี่ของเขาได้ตกลงกับเจ้าชายไว้ ตอนนี้ความคิดในหัวของอาริสตีกันอีกแล้ว ว่าจะทำเพื่อใคร จะทรยศต่อน้องชายได้หรือเปล่า แต่เพื่อลูกชายที่รักของเขา สุดท้าย ก็แจ้งข่าวให้เจ้าชายดาเรียสว่า ทั้งตัวเขา และแกเบรียล จะไปพบกับเจ้าชายที่ Heaven's Cove กัน และได้วางแผนดักจับแกเบรียลไว้


สถานที่นี้เป็นโรงมหรสพที่ถูกทิ้งร้างไว้ ไม่มีแสงไฟจากสิ่งใด มีก็เพียงแสงดาว และแสงจันทร์เท่านั้น และคืนนี้ตอนเที่ยงคืน ใต้แสงจันทร์(เต็มดวง?) เหตุการณ์ที่เป็นที่ต้องจดจำ จะกำเนิดขึ้น


จากที่เฟธเคยสิ้นหวัง ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆแบบซังกะตาย แต่เมื่อเธอได้มาเจอแกเบรียล ผู้ที่มาเติเต็มชีวิตให้เธอ เธอเลยเชื่อว่า เธอจะสามารถเริ่มต้นใช้ชีวิตได้ใหม่ ด้วยการเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง (ตรงนี้เหมือนเรื่องยังไม่เดินไปถึงไหนต่อ เฟธยังอยู่ที่วังเหมือนเดิม)


ตอนที่อาริสมารอที่โรงมหรสพ ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า เราทำอะไรลงไปนี่ เลยเกิดเปลี่ยนใจ ตัดสินใจว่า จะไม่ทรยศต่อน้องชายขึ้นมา โดยเรียกความกล้าจากเพลงที่แกเบรียลเคยร้องเมื่อ1-2 วันก่อน (เมื่อมาถึงถึงทางแยก ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ จงค้นหาความแข็งแกร่งในตัวเอง ด้วยพลังเสียงของฉัน แล้วเธอก็จะรู้ว่าข้อไหนเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง) จากเพลง When the times has come ตอนที่เจ้าชายดาเรียสปรากฏตัวขึ้น อาริสก็เริ่มต้นต่อสู้กับเจ้าชาย และบอกกับเจ้าชายว่าขอยอมตาย ดีกว่าทรยศต่อน้องชายและปวงชน เจ้าชายก็เลยตอบว่า เจ้ากล้าทรยศข้าเหรอ? เช่นนั้นแล้ว เจ้าจงตายเสียเถิด การต่อสู้เป็นไปแบบตัวต่อตัว สุดท้ายด้วยกำลังที่เหนือของเจ้าชายดาเรียส ก็สามารถฆ่าอาริสลงได้ โดยที่แซนเดอร์ ลูกชายของเขา ได้ซ่อนตัวแอบดูอยู่ในเงามืด ในขณะที่องค์จักพรรดินาฟาเรียส และคณะ ก็กำลังเร่งเดินทางมาถึง ...


หุ่น NOMACS คงกำลังคุยกันอยู่ ส่งเสียงตู๊ดต๊าด


แซนเดอร์เห็นเหตุการณ์ทั้งแต่ต้น เลยร้องไห้วิ่งเข้าไปหาร่างที่ไร้ลมหายใจของพ่อ ตะโกนด่าเจ้าชายว่า "ฆาตกร" เจ้าชายก็ตัดสินใจจะจบชีวิตของแซนเดอร์เหมือนกัน แต่ตอนนั้น เขาก็เห็นเงาดำๆของใครบางคนวิ่งเข้ามา และคิดว่าต้องเป็นเงาของแกเบรียลแน่ๆ จึงไปซ่อนในความมืด แล้วเตรียมลงมือโจมตี ขณะที่เงามืดของคนมาถึง เจ้าชายก็จู่โจม แต่พอถึงระยะที่เห็นหน้าประชิดแล้ว ปรากฏว่าเป็นเจ้าหญิงเฟธ น้องสาวของเขาเอง แต่สายเกินไปแล้ว ที่จะยั้งมือ อาวุธนั้นก็ถูกร่างของเฟธเข้าเต็มๆ


แกเบรียลเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เฟธที่กำลังจะสิ้นลม และแซนเดอร์ที่นั่งร้องไห้บนร่างไร้วิญญาณของพ่อเขา ส่วนเจ้าชายดาริส ยังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ วิญญาณของแกเบรียลเหมือนแตกสลายลงเดี๋ยวนั้น แกเบรียลได้เอามือปิดหูแซนเดอร์ไว้ แล้วส่งเสียงกรีดร้องสุดท้ายที่ดังมากๆ ออกมา เฟธจะไม่เป็นไรเพราะยังใส่หูหังอยู่ แต่เจ้าชายดาเรียสไม่โชคดีขนาดนั้น เสียงนั้นได้ทำลายความสามารถในการได้ยินไปทันที เสียงกรีดนั้น ได้ยินดังไปถึงจักพรรดินาฟาเรียสและอาราเบลที่กำลังเดินทางมาถึง และยังได้ยินไปทั่วทั้งเมือง!


จักพรรดินาฟาเรียสพร้อมจักพรรดินีมาถึงสถานที่เกิดเหตุพอดี ภาพที่เห็นนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมาก เจ้าหญิงเฟสที่ลมหายใจอ่อนระโหย ทอดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแกเบรียล เจ้าชายดาเรียสที่เอามือกุมหูอยู่ นาฟาเรียสได้นำตัวเฟธที่นอนไม่ไหวติงมาจากแกเบรียล และได้แต่โทษตัวเองว่าทั้งหมดเกิดขึ้นนั้นเพราะความโง่เขลา และหยิ่งผยองของตัวเอง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่อาราเบลก็ยังคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง เฟธยิ้มให้กับพ่อของเธอ และสติกำลังจะดับหายไป นาฟาเรียสได้หันไปหาแกเบรียลแล้วบอกว่า ถ้าเจ้าเป็นผู้ปลดปล่อยจริง ขอได้โปรดช่วยให้เฟธพ้นจากความตายนี้ด้วยเถิด เจ้าลูกชาย !


แกเบรียลอยากจะร้องเพลงอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากเสียงกรีดสุดท้ายที่เขาพึ่งปล่อยไปก่อนหน้านี้ เขาได้พยายามลองดูแล้ว แต่เสียงที่ออกมาเป็นแค่เสียงกระซิบเท่านั้น ความหวังได้สูญสิ้นลงแล้ว ...


ทุกอย่างเหมือนดูสิ้นหวัง
ด้วยเสียงของแกเบรียล ที่ก้องกังวานได้ยินไปทั่วทั้งเมือง ชาวบ้านต่างค่อยๆโผล่มาทีละคนสองคน เพิ่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จนมากันหลายร้อยคน พวกเขาได้รับรู้สิ่งที่แกเบรียลต้องการจะสื่อ จึงได้ช่วยกันเปล่งเสียงร้องแห่งความหวังออกมา เหมือนกับว่าเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง เสียงร้องของเหล่ามวลชนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และในที่สุด แกเบรียลก็หาเสียงของเขาเจอ! ทั้งเขาและชาวเมือง จึงได้ช่วยกันประสานเสียงสู่เบื้องบน เหมือนแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมา พร้อมกับเสียงจากฑูตสวรรค์นับพันเสียง นาฟาเรียสเป็นฝ่ายถูก เฟธค่อยๆลืมตาขึ้นมาจากความตาย ตอนนี้เองที่แกเบรียลได้รู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์นี้ แกเบรียล ผู้อัศจรรย์ !


เรื่องราวเหมือนจบลงด้วยดี แต่ยังคิดค้างเรื่องที่อารีส พี่ของแกเบรียล และพ่อของแซนเดอร์ แต่แกเบรียลกับเฟธ ก็พร้อมใจกันรับแซนเดอร์มาอุปการะเหมือนลูกของตัวเอง และพร้อมจะสร้างโลกใหม่ไปด้วยกัน และอาริสก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะดูแลลูกของเขากับอีแวนจีลีนได้อยู่


นาฟาเรียส ยอมยุติเรื่องทั้งหมดกับแกเบรียล และปิดการทำงานของ NOMACS ลง.
โนแมค กำลังจะโดนปิดแล้วจ้า ลาก่อยยยยยยย


จักพรรดินาฟาเรียส ให้สัญญาว่าปกคองทุกอย่างอย่างเป็นธรรม และโลกใหม่จะเป็นโลกที่ซาบซึ้งไปกับเสียงเพลงอีกครั้ง มีเสียงกระซิบจากวิญญาณของอาริส (บรื๋อออ) ฝากไปยังแกเบรียลว่า ฝากดูแลลูกชายของข้าด้วย และแซนเดอร์ ก็ตั้งมั่นไว้ว่า จะทำให้พ่อของเขาภาคภูมิใจ เหมือนแกเบรียลจะได้คำตอบกับตัวเขาแล้ว ว่าทำไมต้องเป็นเขา เฟธก็ซาบซึ้งในความดีของแกเบรียลที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา
ทั้งเธอและแกเบรียลได้เต็มใจให้อภัยกับความผิดพลาดที่เจ้าชายดาเรียสได้ทำขึ้น ในที่สุด สันติสุข และความมหัศจรรย์ ก็กลับคืนสู่ชาวเมืองอีกครั้ง ...
จบบริบูรณ์


Dream Theater - The Astonishing - Full album


อ้างอิง
https://pantip.com/topic/34787542
https://pantip.com/topic/34733286


รวมเพลลิสต์ฟังต่อเนื่อง

06 สิงหาคม 2561

ทำถุงผ้าเองได้ง่ายนิดเดียว - วิธีทำถุงผ้าแบบไม่ต้องเย็บ

สามารถดาวโหลด/พิพม์ใบปลิวนี้เพื่อนำไปเผยแพร่ได้ตามอัธยาศัยเลยจ้า ใบปลิวนี้ทาง Harirak Handmade ทำขึ้นเผื่อเผยแพร่การทำถุงผ้าใช้เองได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเย็บตามสไตล์ฟุโรชิกิ #furoshiki และพิมพ์แจกจ่ายตามกำลัง มาช่วยกันนะ ลดการใช้ถุงพาสติก และใช้ถุงผ้าใช้ซ้ำกันเถอะ😉

ทำถุงผ้าเองได้ง่ายนิดเดียว
วิธีทำถุงผ้าโดยไม่ต้องเย็บ

ใช้ผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือพับให้ใกล้เคียง เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ

วิธีทำ
1. พับผ้าเป็นสามเหลี่ยม
2. ผูกปมทั้งซ้ายและขวา
3. พลิกในออกนอกและเก็บปม(จะไม่เก็บก็ได้น้า แต่เก็บจะสวยกว่าจ้า)
4. ใส่ของ
5. ผูกเงื่อนพิรอด(ขวาทับซ้าย ซ้ายทับขวา)เล็กๆที่ยอดผ้า
เสร็จ!

ถุงทรงหยดน้ำนี้เป็นวิธีการมัดผ้าแบบฟุโรชิกิ(Furoshiki)สามารถทำได้ทั้งผ้าเล็กและใหญ่เลยจ้า ใช้เป็นถุงลดโลกร้อนได้ดี ใส่ของได้มาก และทำได้ง่าย ลองทำกันดูน้า และขอให้สนุกกับการมัดถุงผ้าฟุโรชิกิกันจ้า
ยังมีการมัดแบบอื่น ๆ อีกสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/harirakhandmade หรือ  www.facebook.com/harirakfarm

ด้วยความปราถนาดีจาก
Harirak Handmade
ทำมือ ด้วยใจ
😇✋💝

ลองมาดูแบบวิดีโอกันจ้า


เตรียมแจกจ่าย เพื่อช่วยกันลดการใช้ถุงพาสติก มาใช้ถุงผ้าใช้ซ้ำกันเถอะ

03 สิงหาคม 2561

ผ้าอเนกประสงค์ Furoshiki by Harirak Handmade


ผ้าอเนกประสงค์นำมามัดฟุโรชิกิได้หลากหลาย ได้ทั้ง ถุงผ้าลดโลกร้อน เสื่อปิคนิค เป้สะพายหลัง(เป้ซามูไร) กระเป๋าถือสุดเก๋ และอื่น ๆ อีกมายตามแต่จิตนาการณ์เลยจ้า

ผ้าอเนกประสงค์ฟุโรชิกิผ้าคอตตอน 2 ชั้น 2 โทน สีน้ำตาล/ฟ้า
สลับสีได้ไม่จำเจ🤗
พร้อมให้เลือกสรรกันแล้วจ้า😇
มี 3 ขนาด คือ 70cm ราคา 150฿ 90cm ราคา 180฿ และ 110cm ราคา 200฿

ขนาด 70cm พกพาสะดวก เป็นผ้าโพกหัวก็ได้ เป็นผ้าพันคอก็ดี มัดเป็นถุงผ้าลดโลกร้อนทรงหยดน้ำก็ได้ขนาดพอเหมาะจุประมาณถุงขนาดกลาง พกพาได้ทุกวัน
ขนาด 90cm มัดเป็นถุงผ้าลดโลกร้อนก็จุมาก บังแดดก็ได้ ทำเป็นกระเป๋าหิ้วเฉพาะกิจก็เก๋ไปอีกนะ
ขนาด 110cm ทำได้เหมือนขนาดอื่น ๆ ทั้งยังมัดเป็นกระเป๋าเป้สะพายหลังเฉพาะกิจก็ได้ เป็นผ้าห่มจำเป็น ปูพื้นปิคนิคก็ได้
ประโยชน์หลากหลาย พกสำรองติดกระเป๋าไว้เผื่อใช้ประโยชน์ยามเดินทาง😉

Harirak Handmade ทำมือด้วยใจ😇✋💝

*ขนาดผ้าเป็นขนาดโดยประมาณ

สนใจสามารถดูวิธีประยุกต์ใช้ผ้าแบบต่าง ๆ และสั่งซื้อได้ที่
https://www.facebook.com/harirakhandmade/
https://www.facebook.com/harirakfarm/
http://harirakfarm.lnwshop.com/product/41/ผ้าอเนกประสงค์-furoshiki