Sponsor

08 ธันวาคม 2561

The Misty Mountains Cold - Sheet music

สวัสดีครับ ครั้งนี้มาแนะนำเพลงสั้นๆจากภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit เพลง The Misty Mountains Cold เป็นเพลงที่ Dwart ร้องในบ้านของ Hobbit และได้กลายเป็นเพลงยอดนิยมที่นักเล่นโอคาริน่า(Ocarina ขลุ่ยชนิดหนึ่ง)มักนำมาเป่าบรรเลงขับกล่อมกัน ล่าสุดนี้แฟนผมกำลังหัดเล่น Ocarina อยู่พอดี จึงเลือกเพลงนี้มาเป็นเพลงฝึกซ้อม ผมก็หาโน้ตมาแปลงคีย์เรียบร้อย ให้สามารถฝึกเล่นได้ง่ายๆกับทุกเครื่องดนตรีครับ โดยได้ทำเป็นโน้ตตัวอักษรทั้งอักษรอังกฤษและไทยไว้ให้ข้างล่างแล้วนะครับ ชาว Kalimba และ Harmonica เราก็เอามาฝึกซ้อมร่วมกันได้เลยครับ

ส่งท้ายปีเก่ากันด้วยการฝึกเพลงเย็นๆในบรรยากาศฝนพร่ำกันครับผม
ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า
สวัสดีครับ ^_^


The Misty Mountains Cold
EGA C'D'E'D'AGA EABB C'D'BA
EEGAA C'D'C'BGA EABBB C'D'C'BBB
BD'BE' C'D'AB EGBC'C' BGA

The Misty Mountains Cold
มซล ดํรํมํรํลซล มลทท ดํรํทล
มมซลล ดํรํดํทซล มลททท ดํรํดํททท
ทรํทมํ ดํรํลท มซทดํดํ ทซล



แถม
คาลิมบา📻🎶 และ โอคาริน่า(Ocarina 6 hole)🐚🎶
มีเครื่องดนตรีจิ๋วมาให้รู้จักกันอีกแล้วล่ะครับ กับเจ้าโอคารินาแบบ 6 รู
แต่เดิมโอคาริน่านั้นเป็นขุล่ยที่สร้างขึ้นมาแบบเดียวกับเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคครับ มาถึงปัจจุบันนี้ก็มีหลากหลายวัสดุและหลากหลายรูปทรง น้ำเสียงคล้ายฟลุ๊ตพิคโกโล่ผสมขลุ่ยเรคคอเด้อร์ จะให้อารมณ์เหงาๆ สันโดษ และผ่อนคลาย น่าจะเคียงคู่คาลิมบาได้เป็นอย่างดี และน้ำเสียงของมันทำให้ผมรู้สึกถึงความเวิ้งว้างของทะเลและรูปด้วยทรงของมันผมจึงเรียกมันว่าขลุ่ยหอย เหมือนเป่าเปลือกหอย น่ารักดีครับ😇🐚🎶


04 พฤศจิกายน 2561

Tap code - รหัสเคาะ

เมื่อพูดถึงการส่งรหัสเคาะ หลายฅนมักจะนึกถึง Morse code(รหัสมอร์ส)ซึ่งเป็นสัญญาณ . และ - หรือ เสียงสั้นและเสียงยาว แสงสั้นและแสงยาว แม้ในหนังหลายเรื่องชอบเคาะโต๊ะเป็นรหัสมอร์สก็ตามนะครับ แต่ถ้าทำเสียงที่ต่างกันสองเสียงไม่ได้ รหัสมอร์สก็จะใช้ไม่ได้ครับ ในหนังจะโม้ไปนิดนึงก็เรื่องนี้แหละ แต่มีรหัสแบบหนึ่งที่ง่ายกว่ารหัสมอร์สมากและใช้การเคาะเป็นหลัก นั่นคือ Tap code ครับ
Tap code บ้างก็อาจเรียกว่า Knock code หรือ รหัสเคาะ เป็นรหัสที่นิยมใช้ในหมู่นัก Survival เช่นกัน เป็นการส่งรหัสทีละตัวอักษร โดยว่ากันว่าเชลยศึกคิดขึ้นใช้ในการสื่อสารกันระหว่างห้องขัง ซึ่งใช้วิธีการเคาะแท่งเหล็ก ท่อ หรือผนัง

หลักการง่ายๆคือใช้ตาราง 5x5 แล้วใส่ตัวอักษรลงในตารางตามภาพครับ(ตัว C กับตัว K ใช้รวมกัน) จากนั้นก็เคาะพิกัดของตัวอักษร โดยเคาะแนวตั้งก่อน-หยุด-แล้วตามด้วยแนวนอน

เพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้เทียบกับตารางครับ
เช่น ต้องการส่งตัว B ก็จะ เคาะหนึ่งครั้ง-หยุด-เคาะสองครั้ง หรือ 1,2 หรือ . ..
ถ้าส่งเป็นคำ เช่น water ก็จะเป็นดังนี้
(W)5,2 (A)1,1 (T)4,4 (E)1,5 (R)4,2
หรือ ..... ..    . .    .... ....    . .....    .... ..
โดยช่วงเว้นของระหว่างตัวอักษรจะหยุดนานกว่าหน่อยนึง
ใช้ X เป็นตัวจบประโยค และใช้ K เป็นการตอบรับ

แน่นอนว่าถ้าส่งเป็นประโยคเต็มๆต้องเคาะนานมาก ดังนั้นเหล่าเชลยศึกจึงคิดค้นคำย่อขึ้น เช่น GN = Good Night (ราตรีสวัสดิ์) หรือ GBU = God bless you (พระเจ้าอวยพร) เป็นต้น (ยุคนี้คำย่อภาษาแชทก็น่าจะใช้ได้ 108 ตัวย่อภาษาอังกฤษ )
นอกจากการเคาะแล้ว ยังส่งเป็นสัญญาญมือแทนการเคาะก็ได้ ด้วยการชูนิ้วบอกพิกัดของตาราง เช่น ส่งตัว B ก็ใช้ ชู 1 นิ้ว แล้วเปลี่ยนเป็น 2 นิ้ว หรือจะใช้สองมือ โดยมือนึงชูนิ้วแนวตั้งอีกมือทำในนิ้วแนวนอน เป็นต้น

ถ้าเทียบกับรหัสมอร์สแล้ว Tap code จำง่ายกว่ามากครับ โดยสร้างตารางขึ้นในใจก็ได้ แล้วใช้เทคนิคช่วยถอดรหัสดังนี้ ถ้าได้ยิน 4 เคาะ ให้ค่อยๆนึกถึง A F L Q ตามการนับแถวแรกแนวตั้ง หลังจากหยุดชั่วคราวแล้วได้ยินอีก 3 เคาะ ก็ให้นับต่อจากตัวอักษรเดิมเป็น Q R และจบที่ S นั่นเองครับ พูดง่ายๆคือ ให้จำแถวตัวอักษร 5 ตัวแรกแนวตั้งให้ได้ ที่เหลือค่อยนับต่อเหมือนท่อง A-Z นั่นเอง

ลองมาฟังตัวอย่างจากคลิปกันดูครับ


ตาราง Tap code ยังสามารถเพิ่มอักษรได้อีกโดยเพิ่มแถวแนวตั้งต่อไปเรื่อยๆ อย่างในคลิปข้างบนที่เพิ่มแถว 6 เข้ามา ซึ่งเป็นอักษรภาษาสวีเดน ในบางครั้งแถวที่ 6 อาจเป็นตัวเลข 1-5 และแถวที่ 7 เป็นตัวเลข 6-0 ก็มีครับ แล้วแต่จะเพิ่มเติมได้เลย ถ้าจะใช้เป็นภาษาไทยก็คงต้องเทียบสระแบบเดียวกับรหัสอื่นๆ
รหัสเหล่านี้สามารถใช้สื่อสารขอความช่วยเหลือยามเกิดภัยพิบัติได้ในหลายกรณีที่ไม่สามารถติดต่อด้วยการพูดได้ หรือจะทำเครื่องส่งสัญญาณวิทยุง่ายๆขึ้นมา หรือแม้จะใช้เป็นรหัสลับเล่นกันในครอบครัวเพื่อนฝูงเหมือนในหนังก็ได้ครับ ในซี่รี่ย์เรื่อง The Flash มีตอนที่ Flash ใช้ Tap code สื่อสารด้วยล่ะครับ

แน่นอนว่ารหัสมอร์สนั้นมีจุดเด่นที่ส่งได้กระชับและเร็ว แต่ถ้าเรื่องการฝึกฝน การจำ และการใช้ รหัสเคาะง่ายกว่าและเป็นเร็วกว่ามาก ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะอยากเผยแพร่ให้รหัสเคาะหรือ Tap code นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะมันจำง่ายกว่ารหัสมอร์สมาก จะเขียนตารางขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ทำได้
และหากรหัสเคาะเป็นที่รู้จักกว้างขวางแล้วล่ะก็ หากเกิดเหตุการณ์ที่เครื่อข่ายสื่อสารอันทันสมัยเกิดล่มหมดด้วยเหตุสุดวิสัยใดใด เราก็ยังสามารถสื่อสารหรือขอความช่วยเหลือแบบ Low tech ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเสมอไป แค่ชาวบ้านอย่างเรานี่แหละ ก็สามารถเข้าใจรหัสได้เหมือนกัน

https://www.flickr.com/photos/isogloss/2316477358/sizes/h/

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจนะครับ
ไว้เจอกันบทความหน้า
สวัสดีครับ ^_^



อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Tap_code

02 พฤศจิกายน 2561

Viola jokes - ขำขันวิโอล่า

ครั้งหนึ่งผมเคยมีโอกาสได้ร่วมวงออร์เคสตร้าช่วงสั้นๆ ตอนแรกทางวงพาไปอยู่ในกลุ่มเครื่องทองเหลือง เพราะเคยเล่นทรอมโบนมาก่อน แต่ตอนนั้นผมอยากเล่นดับเบิลเบสมากกว่า จึงขอย้ายกลุ่มเครื่อง และในวงออร์เคสต้านี่แหละครับที่ผมได้ยินมุขวิโอล่าเป็นครั้งแรก
Violin vs Viola
วิโอล่า(Viola)เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายไวโอลิน(Violin)แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เสียงต่ำกว่าไวโอลินแค่สายเดียวเท่านั้นครับ(ไม่กี่โน้ต) แต่ให้น้ำเสียงที่ต่างกันเนื่องจากหลายอย่างครับ ขนาดที่ต่าง ระยะโน้ตก็ต่าง คันสีก็ต่างกันด้วย ส่วนตัวผมชอบเสียงวิโอล่านะครับ เสียงไม่หวานเท่าไวโอลินแต่กล่อมกลอม ถ้าใครถามว่า "จะเล่นไวโอลินหรือวิโอล่าดี?" ผมจะแนะนำวิโอล่าอย่างแน่นอน ๕๕๕บวก
สรรพคุณน่ารักขนาดนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแซววิโอล่ากันนัก เรามาดูกันดีกว่าว่ามุขวิโอล่าเป็นยังไง

Q: คอร์ดคืออะไร?
A: คือนักวิโอล่าสามฅนเล่นยูนิซัน(โน้ตเดียวกันพร้อมกัน)

Q: เก็บไวโอลินไม่ให้ถูกขโมยได้อย่างไร?
A: เก็บไว้ในกล่องวิโอล่าสิ

หัวหน้าวงแจ้งข่าวว่า "วันนี้คอนดักเตอร์ไม่ว่าง ใครคอนดักเป็นบ้าง?" นักวิโอล่าฅนนึงยกมือแล้วลุกออกมาคอนดักวง วันต่อมาเขากลับไปนั่งที่เดิม เพื่อนนักวิโอล่าหันมาถามเขาว่า "เมื่อวานไปไหนทำไมไม่เห็นมาซ้อม?"

Q: ฟ้าผ่ากับนิ้วของนักวิโอล่าเหมือนกันอย่างไร?
A: ทั้งสองไม่เคยลงซ้ำที่เดิม

Q: นักไวโอลินทำอะไรได้ดีกว่านักวิโอล่า?
A: เล่นวิโอล่าไงล่ะ

นักวิโอล่าเดินกลับบ้านในค่ำคืนหนึ่ง เจอรถดับเพลิง รถตำรวจ และมีควันโขมงออกจากบ้านของเขา ตำรวจเดินมาบอกเขาว่า "ตอนที่คุณออกไปข้างนอก คอนดักเตอร์มาบ้านคุณ ฆ่าครอบครัวคุณ และเผาบ้านคุณ" นักวิโอล่าตอบว่า "คุณล้อผมเล่นแล้ว! คอนดักเตอร์เนี่ยนะจะมาหาผมที่บ้าน?"

Q: ทำไมไม่ควรเล่นซ่อนแอบกับนักวิโอล่า?
A: เพราะไม่มีใครจะมองหานักวิโอล่าน่ะสิ

Q: ทำให้นักวิโอล่าเล่น spiccato(สีคันชักแบบเด้งไปเด้งมาบนสาย)ได้อย่างไร?
A: เขียนคำว่าว่า Solo ไว้บนโน้ตสิ

เอาให้สุดครับ มีทำคลิปแซวกันด้วยนะเอ้า!



หลังจากได้ยินมุขวิโอล่าผมก็ลองค้นหาเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ต(Viola joke) คือแบบมากมายครับ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าต้นกำเนิดเป็นมายังไง ทำไมต้องวิโอล่า จนกลายเป็นตัวบันเทิงของวงไปเลย แต่เท่าที่เห็นนักวิโอล่าเองก็ไม่ซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่(ส่วนมาก) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นมุขแบบมุขฝรั่ง และฅนนอกวงการอาจจะไม่เก็ตเท่าไหร่ ยังมีมุขเกรียนๆอีกมากมายเลยเกี่ยวกับวิโอล่า แต่อย่างที่บอกครับ ผมชอบวิโอล่านะ อยากให้มีฅนเล่นและเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า เพราะมุขวิโอล่านี่แหละที่ทำให้ฅนที่ไม่รู้จักวิโอล่าได้รู้จักมันมากขึ้นนะครับ หรือต้นกำเนิดมุขวิโอล่าคือกุศโลบายให้วิโอล่าเป็นที่จดจำ!(ว่าไปโน่น) แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าต้นกำเนิดมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องวิโอล่า ทำไม!!! ๕๕๕บวก เพื่อนๆท่านใดรู้ช่วยคอมเม้นแนะนำไว้หน่อยนะครับผม

นี่คือเรื่องราวหนึ่งในวงออร์เตสต้าครับ ลองค้นหาเพิ่มเติมได้ครับ ในสังคมดนตรียังมีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้
ปิดท้ายด้วยคลิปวิโอล่าครับ
ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า
สวัสดีครับ



19 ตุลาคม 2561

SKEMI 1134 - นาฬิกาทนถึกในราคาย่อมเยา

SKMEI 1134

SKMEI เอสเคไม เป็นนาฬิกาน้องใหม่จากจีนที่น่าจับตามองอย่างยิ่งครับ ด้วยคุณภาพหลักพันในราคาหลักร้อย แถมยังมีดีไซน์หลากหลายให้เลือกสรรมากมาย เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ บทความนี้เราจะมาคุยกันเกี่ยวกับรุ่น SKMEI 1134 โดยเฉพาะ ซึ่งรุ่นนี้มีต้นแบบจาก G-Shock DW5600 ซึ่งเป็นดีไซน์ต้นตำรับคลาสสิคของนาฬิกากันกระแทกทั้งหลาย
สำหรับเพื่อนๆที่ชื่นชอบนาฬิกาที่ทนถึกทนทาน SKMEI 1134 เป็นนาฬิกาที่ควรค่าครับ รุ่นนี้มีฟังชั่นการทำงานพื้นฐานครบถ้วน บอก เวลา-วัน-เดือน-วันที่, จับเวลา, ตั้งปลุก, สัญญาณเตือนชั่วโมง และกันน้ำ 50m ที่บอกเป็นเมตรไม่ได้ให้ไปดำน้ำขนาดนั้นนะครับ แต่หมายถึงการทนแรงดันน้ำได้เมื่อเทียบความลึก 50m นั่นเอง หรือเรียกอย่างอื่นอีกเช่น 5bar หรือ 5ATM ซึ่งระดับนี้สามารถใส่อาบน้ำ ล้างมือ ล้างรถ เล่นน้ำได้ พูดง่ายๆคือใส่โดนน้ำได้สบายๆไม่ต้องเป็นห่วง แต่ไม่ควรกดปุ่มตอนเปียกน้ำนะครับ นาฬิกาที่จะกดตอนเปียกหรือในน้ำได้ต้องเป็นรุ่นสำหรับดำน้ำเท่านั้นครับ
ดีไซส์สี่เหลี่ยมคลาสสิค ขอบหน้าปัดยกสูงเป็นกันชนกระจก ขอบข้างปุ่มกดก็เช่นกันครับไว้กันชนปุ่ม หากบังเอิญทำตก กระจกและปุ่มกดจะไม่โดนชนง่ายๆ โคนสายแน่นหนาไว้ป้องกันตัวเครื่อง และตัวเรือนขนาดใหญ่กันกระแทก(Shock Resistant)ปกป้องวงจรภายใน ตัวเรือนขนาด 50mm เป็นไซส์ใหญ่ ซึ่งใหญ่กว่า G-Shock DW5600 ไซส์นึง(ไซส์ใหญ่นี้กำลังเป็นที่นิยม) และความต่างอีกสองอย่างคือ SKMEI 1134 ไม่มีโหมดนับถอยหลัง และกันน้ำได้ที่ 50m ขณะที่ G-Shock DW5600 กันได้ 200m แต่ถึงกระนั้นเรื่องความทนทานในการใช้งาน SKMEI ก็นับเป็นน้องๆของ G-Shock ได้เลยในราคาแค่หลักร้อย

SKMEI 1134 นับว่าทนทาน และมีคุณสมบัติครบถ้วนในการใช้เป็นนาฬิกาลำลองหรือแม้กระทั่งเดินป่า ทั้งตั้งปลุกได้ ตั้งเตือนได้ทุกชั่วโมง สายทำจากเรซิ่น มีไฟดูตอนค่ำมืด อีกทั้งยังราคาถูกมาก เรียกได้ว่าคุ้มค่า และว่ากันว่ายี่ห้อนี้ไม่มีของปลอม? ใครที่ชอบนาฬิกาทรงนี้ต้องไม่พลาด

นี่ผมไม่ได้ค่าโฆษณาจาก SKMEI มานะครับ ถ้าทาง SKMEI เจอบทความนี้แล้วจะเลี้ยงข้าวผัดผมสักมื้อก็ยินดีครับ ๕๕๕บวก ;p



แถม
และแน่นอนว่านาฬิกาแบบนี้มีเกมคลาสสิคให้เราเล่นกัน นั่นก็คือ เกมจับเวลา (๕๕๕บวก) วิธีเล่นง่ายๆ แข่งกันกดหยุดเมื่อจับเวลา ใครกดได้เสี้ยววิน้อยสุด หรือ ได้ศูนย์ก็ชนะไป หรืออื่นๆตามแต่ตั้งกฏ เล่นแก้เบื่อได้ดี เป็นเกมยอดฮิตสมัยเด็กๆเลยทีเดียวเชียวล่ะครับ



ศึกษาเพิ่มเติม
http://www.skmeithailand.com/product/skmei-1134-%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%9b%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95-%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%88/
http://www.hablemosderelojes.com/forum/showthread.php?79017-Casio-5600e-VS-Skmei-1134

18 ตุลาคม 2561

KenKen - เกมเคนเคนเลขอัจฉริยะ

ศึกษาวิธีเล่นแล้วลองมาแก้โจทย์นี้ประเดิมได้เลยครับ

KenKen หรือ เคนเคน เป็นเกมแนว Logic Puzzle คิดค้นในปี 2004 โดยอาจารย์คณิตศาสตร์นาม Tetsuya Miyamoto โดยชื่อเกมมาจากคำว่า 賢 (Ken)ซึ่งแปลว่า ความฉลาดปราดเปรื่อง เกมนี้รู้จักในชื่ออื่นๆอีกครับเช่น KenDoku, Calcudoku Mathdoku และ Keen
ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเกมนี้มีวิธีการเล่นคล้าย Sudoku ผสมกับ Kakuro ใครที่ชอบแนวคำนวนหัวร้อนจะต้องชอบ KenKen อย่างแน่นอนครับ(มาชวนหัวร้อนไปด้วยกัน ๕๕๕บวก)

Ken​Ken​​ มีตาราง​หลาย​ขนาด​ เช่น​ 3​×​3, ​4​×​4, ​5​×​5, ​6​×​6​ และอื่นๆ
โดยจะมีกติกาการเล่นดังนี้
  1. เลขในแนวตั้งและแนวนอนต้องไม่ซ้ำกัน
  2. ตัวเลขที่ใส่ในกรอบเส้นทึบ(cages)จะต้องมีผลลัพธ์เท่ากับตัวเลขที่กำหนด เช่น 3+ หมายถึง ให้ใส่ตัวเลขที่ บวก(+) กันแล้วผลลัพธ์เท่ากับ 3 ลงในกรอบเส้นทึบ
แค่นี้เองครับ ในการใส่ตัวเลขนั้นก็แล้วแต่ว่าเราเล่นตารางขนาดเท่าไหร่ ถ้าเล่น 3x3 ก็จะใส่ตัวเลข 1ถึง3 ถ้าเล่น 4x4 ก็ใส่ตัวเลข 1ถึง4 ถ้าเล่น 7x7 ก็ใส่ 1ถึง7 ฯลฯ จะเห็นว่ายิ่งตารางใหญ่ก็จะยิ่งต้องคำนวนซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆครับ โดยตารางมาตราฐานในการแข่งกันจะอยู่ที่ 9x9 เลยครับ! OMG!

มาลองดูคลิปสอนเล่นแบบง่ายๆกันครับ เพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น




แล้วจะเล่น KenKen ได้จากที่ไหนกันบ้าง?
เว็บอย่างเป็นทางการก็ต้องที่ https://www.kenkenpuzzle.com มีให้เลือกหลายขนาด

อีกช่องทางคือแอปเล่นบนมือถือ Simon Tatham's Puzzles เป็นแอปเล็กๆที่มีเกมให้เล่นถึง 39 Puzzles โดยในแอปนี้ได้เปลี่ยนชื่อเพื่อเลี่ยงลิขสิทธิ์โดยเปลี่ยน KenKen เป็น Keen, Sudoku เป็น Solo, Hitori(เกมนี้ก็สนุกนะ) เป็น Singles ฯลฯ เป็นต้นครับ และเกมมี Puzzle อีกมากมายให้เลือกเล่นในขนาดไฟล์ไม่ถึง 10 MB แอปนี้มีให้ลงในคอมฯที่ใช้ Linux ด้วยครับ หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆก็สามารถเข้าไปเล่น KenKen (หรือ Keen ในเว็บนี้) หรือเล่นผ่านหน้าเว็บโดยตรงได้ที่ https://www.chiark.greenend.org.uk/~sgtatham/puzzles/js/keen.html

ในประเทศไทยก็เคยมีการเผยแพร่ KenKen กันอยู่พักนึงเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ ผมก็อยากเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยแนะนำเกม Puzzle ดีๆที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เกมที่ผมเล่นแล้วชอบก็อยากให้ฅนที่ชอบเหมือนกันได้รู้จักกับมันด้วย จะได้เป็นทางเลือกในนำไปเล่นเพื่อความบันเทิง(แบบหัวร้อน ๕๕๕บวก) และใช้เวลาว่างในการฝึกการคิดคำนวน เด็กก็เล่นได้ ผู้ใหญ่ก็เล่นดี โดยต่างประเทศมีการใช้ KenKen เป็นสื่อการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ด้วยนะครับ เด็กๆที่คิดว่าคณิตศาสตร์คือยาขม แต่เมื่อได้เล่น KenKen แล้ว ยาขมก็เป็นขนมหวาน...ที่อาจชวนหัวร้อนไปบ้างก็ตาม ๕๕๕บวก

โอเคครับ สำหรับบทความนี้เท่านี้ก่อนครับ
ไว้เจอกันบทความหน้า
สวัสดีครับ ^_^



ศึกษาเพิ่มเติม
https://en.wikipedia.org/wiki/KenKen
https://library.ipst.ac.th/bitstream/handle/ipst/1003/173_35_37_%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%20%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf?sequence=1&isAllowed=y

https://www.chiark.greenend.org.uk/~sgtatham/puzzles/
https://krazydad.com/inkies/

18 สิงหาคม 2561

เนื้อเรื่องของ Dream Theater อัลบั้ม The Astonishing


วง Dream Theater เป็นที่เลื่องชื่ออยู่แล้วในหมู่นักดนตรีว่ามีความเหนือชั้นระดับปรมาจารย์ในแนวดนตรี Progressive metal ผมคงไม่ต้องกล่าวถึงมากนัก เพราะมีอัลบั้มที่ได้รับความนิยมมากมาย กระทั่งในปี 2016 DT ได้ออกอัลบั้ม The Astonishing ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ผมชอบมากที่สุด ทั้งเพราะตัวเพลงเองที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าอัลบั้มอื่นๆ และด้วยความที่อัลบั้มนี้ไม่ใช่แค่บทเพลง แต่มันคือบทเพลงแห่งโรงละคร สมชื่อของ DT เพลงที่เป็นธรีมเป็นเรื่องราวแบบนี้ผมชอบเป็นพิเศษเลยล่ะครับ ทั้ง 34 เพลงในอัลบั้มนี้คือเรื่องราวต่อเนื่องร้อยเรียงเหมือนละครเพลง ซึ่งนักร้องของวงต้องร้องทั้งบทบรรยาย และบทพูดของตัวละครแต่ละตัวไปด้วยตามท่อนเพลง จึงเหมือนได้ดูภาพยนตร์แบบฟังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย ผมจึงได้นำเนื่อหาที่ได้สรุปย่อแล้วจาก https://pantip.com/topic/34787542 นำมาประกอบเพลงเพื่อให้เข้าถึงเนื้อเรื่องของแต่ละเพลงมากขึ้น ต้องของขอบคุณเจ้าของบทความไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

แนะนำตัวละคร


ในปี 2285 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ถูกปกครองโดยและกดขี่โดย G.N.E.A โดยมีจักพรรดิ์ทรราช นาฟาเรียส กับ จักพรรดินี อราเบล มีรัชทายาท ดาริอัส กับ เจ้าหญิงเฟท ซึ่งความบันเทิงทั้งหมดที่มีในอาณาจักร มีแค่เสียง Electronic Noise ปี๊บๆบี๊บๆ ของหุ่น NOMACS (Noise Machine) พวกนี้อยู่เป็นกองทัพเล็กๆ เห็นว่ามันเกิดจากความต้องการของประชาชนที่ต้องการดนตรีที่สมบูรณ์แบบ แต่มันกลับเปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่ร้ายกาจไป เลยกลับกลายเป็นตัวสร้างความบันเทิงเดียวที่เหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้ และดนตรีที่แท้จริง ก็ค่อยๆถูกลืมเลือนไป


เป็นบทนำใน Act แรก ที่เกริ่นหัวเรื่องได้บรรยากาศหลายๆเพลงมารวมกัน
(นำหลายท่อนเพลงในอัลบั้มนี้มาบรรเลงรวมกันในเพลงเดียว -ผู้เรียบเรียง)


ก็คงประมาณว่า ในหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป มีชื่อว่า "ราเวนสกิล" (ไม่รู้เกี่ยวอะไรกับนกราเวนรึเปล่า?)
มีชายหนุ่มนามว่า เกเบรียล ที่เกิดมาพร้อมกับ Gift (พรสวรรค์?) หรือความสามารถพิเศษ ที่สร้างสรรค์ดนตรี และเขาคือ "ผู้ถูกเลือก" ที่จะปลดปล่อยผู้คนจากอำนาจ ด้วยการปฏิวัติ และเป็นความหวังเดียวของชาวเมือง โดยจะมีผู้บรรยายเปิดเรื่อง กาลครั้งหนึ่ง ในที่ที่แสนไกลออกไป.....


คร่าวๆ หนุ่มเกเบรียล แกก็คงสับสนว่า ทำไมถึงเป็นผู้ถูกเลือกน่ะล่ะ ได้แต่ร้องเพลงโดยพรสวรรค์ที่มีมา ที่สวนสาธารณะกลางเมือง Ravenskill ในเวลากลางวัน
เท่าๆที่ฟังดู Part ของแกเบรียล ที่น้าเจมส์ร้องนี่ เป็น Part ที่เสียงใสที่สุดนะครับ เพลงช้าๆเพราะๆส่วนมาก ก็จะเป็นของตาคนนี้ เห็นตอนแต่ง น้า JP แกบอกว่าได้ inspire มาจาก Hunger Game ด้วย ไม่รู้ตาแกเบรียล จะอารมณ์คล้ายๆกันรึเปล่า?


ขอนับว่าเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัว อาริส ละกันครับ (ไม่รวม the gift of music) ว่ามีภูมิหลังความเป็นมา และสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
ฉากคือ ภายในศูนย์บัญชาการกองกำลังราเวนสกิล ภรรยาอาริส คือ อีแวนจีลีน (เขียนยังงี้รึเปล่า?) แต่เสียขีวิตไปแล้ว และมีลูกชายด้วยกันชื่อ แซนเดอร์​ อายุตอนนี้น่าจะ 7-8 ขวบ และอาริสก็มีน้องชายแท้ๆ คือแกเบรียล ผู้ถูกเลือกนี่ล่ะ และสถานะของอาริส ตอนนี้คือ "ผู้นำกองกำลังกบฏราเวนสกิล"
ซึ่งอาริสพยายามจะปลดแอก ให้ผู้คนรู้จัก true music (ดนตรีที่แท้จริง?) ที่ไม่ใช่แค่เสียงจากเครื่อง NOMACS เท่านั้น และความคดโกงของจักพรรดินาฟาเรียส และขุนนางที่เลวร้าย ทำให้ประชาชนอดอยาก เลยมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้ชีวิตลูกชายคนเดียวดีขึ้นให้คนรักของแกที่จากไปแล้วได้ดู เพื่อ "ชีวิตที่ดีขึ้น"
ไฟแห่งการปฏิวัติ ได้ลุกโชนขึ้นแล้ว


สถานที่ ในวังของจักพรรดิ
ข่าวลือเรื่องแกเบรียล"ผู้ปลดปล่อย" ได้กระจายไปทั่ว รู้ถึงหูขององค์ จักพรรดินาฟาเรียส จนนั่งไม่ติด แต่ด้วยความหยิ่งทรนง ก็เลยคิดดูถูกไว้ว่า แกเป็นใครมาจากไหน คิดจะตั้งตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหรอ รู้นะโว้ยว่าพวกแกมีแผนจะปฏิวัติ แต่รู้ไว้ด้วยว่าเมืองนี้ใครคุม?"
ช่วงท้ายๆ ก็มีกล่าวถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวจักพรรดินะ ทั้งเมีย ลูกชาย ลูกสาว ว่าคือทุกสิ่งทุกอย่าง ล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด จบที่ "ไป พวกเราไปดูหน้ามันให้เห็นกับตา !!"
จะไม่พูดถึงดนตรีของเพลงนี้ไม่ได้ กลองขึ้นมาอย่างกับเพลงเต้นรำแทงโก้! (เห็นเมืองนอกบางคนเรียกว่า Progressive Tango กันเลยทีเดียว) เพลงถูกประกอบด้วยหลายอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ช้าๆเร็วๆ แต่ก็ตอบโจทย์ที่บรรยายลักษณะนิสัยของตัวละครได้เป็นอย่างดี


สถานที่ จัตุรัส ของเมืองราเวนสกิล
ขณะที่ผู้คนก็ใช้ชีวิตตามปกติ แกเบรียลก็ได้ทำการแสดงของเขาเหมือนเช่นเคย แต่วันนั้นเป็นวันที่ไม่ปกติ เพราะขบวนของจักพรรดิได้มาถึงที่ ความจอแจก็เปลี่ยนไปเป็นความเงียบสงบทันที จักพรรดิได้เอ่ยว่า เล่นต่อไปสิ คณะเรามาไกล เพื่อจะดูการแสดงอันเลื่องลือของเจ้า พร้อมกับการสำทับขององค์รัชทายาท"ดาเรียส"​โอรสขององค์จักพรรดิ์ ในขณะที่ทำท่าจะมีเรื่องกันนั้น แกเบรียลก็ออกมากล่าวว่า อย่าได้เป็นห่วงเลย พี่ชายข้า เดี๋ยวจะแสดงถึงพลังแห่งดนตรีของข้า ให้พวกนั้นได้เห็นเอง พวกที่วันๆได้ยินแต่เสียง noise machine จะไปรู้อะไร ขณะที่กำลังจะร้อง แกเบรียลก็เกิดความประหลาดใจ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเขา "นางฟ้า" ....


ต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว สถานีที่และตัวละครคงยังเป็นที่เดิม แกเบรียลก็ได้แสดงการร้องเพลงขึ้น
(เพลงนี้มันเพราะจริงๆนะ นึกถึง the spirit carries on เลย) เนื้อเพลงก็ออกแนวชี้ทางสว่าง ว่าเมื่อเวลาได้มาถึง สิ่งที่ได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็เป็นสิ่งสำคัญ ปลดปล่อยใจคุณให้เป็นอิสระ เมื่อถึงทางที่ต้องเลือก ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ ด้วยพลังเสียงของฉันจะช่วยให้เธอรู้ว่าสิ่งในถูก แล้วบทของ Fayth ก็แทรกขึ้นมา... (ชอบเสียงเครื่องสาย,เสียงประสานของท่อนนี้จัง) เธอรู้สึกว่า เวลานี้เป็นช่วงที่มีความหมายมากๆ เสียงของแกเบรียล เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มให้กับชีวิตของเธอ ที่เติบโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว และตอนนี้ เธอได้พบกับ"ที่ของเธอ"แล้ว...


ยังคงเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เดิม แต่เป็นเรื่องราวของเฟธ หลังจากที่ได้ยินเสียงเพลงของแกเบรียล
เหตุการณ์ต่างๆในอดีต ที่เธอต้องเติบโตอย่างโดดเดี่ยวลำพัง อยู่อย่างคนแปลกหน้าภายในวังของเธอเอง แต่ตอนนี้ โอกาสของความหวังและชีวิตที่ดีกว่า อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจได้อย่างไร?
ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก เธอเติบโตมาแบบ"ไข่ในหิน" (แหงล่ะ เป็นเจ้าหญิงนี่นา)ในรั้วของกำแพงวัง
เธอเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นมาก และรักการผจญภัย สำรวจค้นหา จนไปเจอกับ"ห้องลับ"ใต้ดินขึ้น
และไปเจอ"ของลับ" น่าจะเป็นเครื่องเล่นดนตรีดิจิตอลโบราณ ที่รวบรวมเพลงนับพันจากศิลปินในที่ต่างๆ ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกเล่นโดย "มนุษย์" และเธอก็ได้เก็บเครื่องซ่อนเครื่องเล่นนั้นไว้กับตัว แอบเอามาฟัง ด้วยหูฟังที่ถูกซ่อนอย่างมิดชิดภายใต้ผมและหมวก(Hood)ของเธอ และก็ต้องระวังไม่ให้ใครเห็นโดยเฉพาะพ่อของเธอ(ไม่รู้ว่าเครื่องเล่นชิ้นนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เดาว่าอาจคล้ายๆ ipod นะ?)
นอกจากนั้น ด้านหลังเครื่องเล่นชิ้นนี้ ยังถูกแกะสลักว่า "To BUG" (หมายถึงข้อผิดพลาดหรือแมลงเหรอ?) และตั้งแต่วันนั้นมา ไม่มีวันไหนที่เธอจะไม่ได้ฟังเพลงจากเครื่องนี้ มันทำให้เธอคลั่งไคล้มากๆ
เหมือนกับวิญญาณได้ล่องลอยไปกับเพลงในสมัยโบราณนั้น (เพราะปัจจุบันมีแต่เสียงจาก NOMACS) พอมาเจอกับการร้องเพลงสดๆของแกเบรียล เลยเกิดความประทับใจขึ้นราวกับต้องมนตร์ ถึงกับรำพึงรำพันทีเดียว เหมือนกับว่าเธอเกิดมาเพื่อเจอเขาจริงๆ
ความเห็นส่วนตัว คนเรามักตามหาสิ่งที่ขาดเนอะ ขนาดมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว ยังอยากที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิต คงรวยและเบื่อมากตามประสาคนที่ไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากินล่ะมั้ง 55


ยังคงเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง หลังจากที่แกเบรียลร้องเพลงจบ จักพรรดินาฟาเรียส ก็ได้ชื่นชมว่า เก่งมากที่ทำให้พวกเราซาบซึ้ง จนถึงกับหลั่งน้ำตาได้ แต่ข้าเห็นตอนที่เจ้าแอบมองลูกสาวข้านะ เจ้าจงลงมาจากบัลลังก์สมมุติของเจ้า แล้วกลับมาสู่โลกความเป็นจริง และจักพรรดิเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเห็นว่าแกเบรียล และชาวเมืองที่สนับสนุนเขา เป็นอุปสรรคต่อการครองราชย์ของตนจริงๆ ถึงกับ"ร้อนรน นั่งไม่ติด" เลยประกาศออกไปอีกว่า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าวางแผนกบฏกันอยู่ จงส่งตัวแกเบรียล มาให้ข้า คุกเข่าต่อหน้า และสวามิภ้กดิ์ต่อข้า หาไม่แล้ว เมืองของเจ้าจะแหลกละเอียดมอดไหม้ จนไม่เหลือแม้แต่หินก้อนเดียว ว่าแล้วก็ยกกองกำลังกลับวัง และยังทิ้งท้ายว่า ข้าให้เวลาเจ้า "สามวัน"​ แล้วก็หัวเราะ หัวเราะ หัวเราะ
ชอบดนตรีเพลงนี้เช่นกัน พึ่งสังเกตุว่า part ของจักพรรดินี่ เพลงจะขึ้นๆลงๆตลอดเลย มีช่วงสวิงด้วย (แต่กลองยังกะ Blast Beat)


ปี๊บๆ ดู๊ดๆ เสียงโนแมค ที่ลอยอยู่เหนือเมืองราเวนสกิล (ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันรบได้รึเปล่า? หรือทำเสียงnoise ได้อย่างเดียว?)


กลับไปสถานที่ซ่อนตัวของแกเบรียล (ฐานทัพ?) ซึ่งถูกปกป้องโดยพี่ชายของเขา อาริส ซึ่งตั้งมั่นว่า
จะไม่ยอมส่งตัวและยอมแพ้ให้กับจักพรรดิแน่ๆ และได้บอกกับแกเบรียลว่า เจ้าน้องชาย เจ้าได้ยินข้าไหม ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ จงอย่าได้กลัวไปเลย แกเบรียลก็ได้ตอบไปเช่นกันว่า ข้าจะไม่กลัว และไม่ยอมแพ้เช่นกัน ด้วยพลังเสียงของข้าจะไม่มีวันทิ้งพี่ และไม่ทำให้พี่ชายผิดหวัง
ก่อนหน้านั้น แกเบรียลก็รำพึงว่า หนทางสู่การปฏิวัติต้องแลกมาด้วยราคาอันสูงลิบ อิสระคือเหตุผลที่ต้องเลือกว่าสู้หรือว่าจะยอมแพ้ และก็จะมีทั้งฝ่ายแพ้ ชนะ และเขาก็ยังสลัดภาพเจ้าหญิงเฟธ ที่ยังติดตรึงอยู่ไม่หลุด...


ย้อนกลับมาที่วังจักพรรดิ เจ้าหญิงเฟธต้องการที่จะกลับไปหาเกเบรียลที่เมืองเรเวนสกิลอีกครั้ง
(ในว่ามันอยู่สุดขอบชายแดน ทำไมเดินทางไปๆมาๆเร็วจัง? หรือว่าขี่โนแมคมา 55) จักพรรดิดินี อราเบล คงรู้ว่าไม่มีทางห้ามลูกสาวตัวเองได้ จึงได้เรียกลูกชาย เจ้าชายดาริอัส ให้ตามไปปกป้องเธอ และอย่าให้เธอรู้ว่าเข้าตามมา ซึ่งดาริอัส ก็รับคำว่าจะดูแลเธอไม่ให้คลาดสายตา และเฟธก็ได้เดินทาง โดยตั้งใจว่าจะทิ้งชีวิตที่ผ่านมาของเธอไว้เบื้องหลัง


เช้าวันที่สอง เฟธได้เดินทางมาถึงเมืองราเวนสกิล เที่ยวไปถามชาวเมืองถึงที่อยู่ของอาริส
ถามชาวเมืองไปทั่วแต่ก็ไม่มีใครยอมบอก (ก็แหงล่ะ) แต่ในขณะที่กำลังจะหมดหวังนั้น ร่างของเด็กชายคนนึงก็ได้ปรากฏขึ้น เขาคือแซนเดอร์ ลูกชายคนเดียวของอาริส ผู้นำกองกำลังฝ่ายกบฏเนี่ยล่ะ เหมือนแซนเดอร์จะรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่เขาก็เห็นลึกเข้าไปถึงจิตใจเธอผ่านแววตา ถึงพาเธอไปหาพ่อของเขา (ในขณะที่ดาริอัส พี่ชายเธอแอบดูอยู่และวางแผนต่อไปไว้)
ที่ค่ายฝึกทหารของกองกำลังกบฏ อาริสถึงกับตกใจที่เฟธโผล่มา แถมถามว่า กล้าดียังไง? ถึงได้มายืนอยู่ต่อหน้าตรงนี้?​ เธอก็เป็นพวกมันนั่นล่ะ จะให้ไว้ใจได้เหรอ? เฟธก็ตอบมา ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ความหวังเลือนลางไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านเลยไป แต่ฉันจะบอกเฉพาะแกเบรียลเท่านั้น อาริสก็เห็นดีเห็นงามด้วย ... แล้วเฟธก็ไปหาแกเบรียล เพื่อบอกว่า ฉันรอเวลานี้มาทั้งชีวิต เพื่อจะเจอหน้าเธอ แต่เราเหลือเวลาแค่วันเดียวเอง แต่ฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้พ่อฉันฟังให้หยุดการตามล่าเธอได้ และให้เธออยู่แบบนี้กับชาวเมืองเหมือนเดิมนี่ล่ะ แกเบรียลก็บอกว่า ฉันจำตอนที่ฉันร้องเพลงแล้วพ่อเธอ"เคลื่อนไหว"ได้ เราจะเดินไปด้วยกัน พ่อเธอจะต้องเข้าใจ ด้วยดนตรีและความรัก เราจะแพ้ไม่ได้ และในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ความฝันของเราเป็นจริง
ด้วยดนตรีของเพลงนี้ ก็ทำให้ซาบซึ้งได้นะ ...


แกเบรียลบอกเธอว่า เพียงแค่ฉันได้พบกับจักพรรดิ ฉันจะทำให้สันติสุขกลับคืนมาด้วยพลังของเพลงฉันให้ได้  ฉันเห็นสัญญาณบางอย่างในตัวเขา คิดว่าเสียงคงมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะฉันมีเธอที่อยู่อยู๋เคียงข้าง และจะทำไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ มาร่วมกันทำให้จักพรรดิคงตาสว่างกัน


ขณะเดียวกัน ที่เมืองเรเวนสกิลเวลากลางคืน ดาริอัส ก็เจอบ้านของอาริส เพราะแอบเดินตามแซนเดอร์กลับบ้านไป และบุกเข้าไปจับแซนเดอร์เป็นตัวประกันซะงั้น เขาบอกกับแซนเดอร์ว่าอย่าขัดขืนเลย แล้วก็รอจนทั้ง อาริสกลับถึงบ้าน(อาริสตกใจอีกแล้ว มีเรื่องให้ surprise บ่อยจังวุ้ยวันนี้) พร้อมกับบอกว่าอย่าทำอะไรลูกข้าเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิด อยากได้อะไร ข้าจะมอบให้ ดาริอัส"ยื่นข้อเสนอ" ต่ออาริสขอให้ส่งตัวแกเบรียลมาให้เขา และเขาจะรับรองความปลอดภัยของแซนเดอร์ให้ ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าตัดสินใจตอนนี้ ทางจักวรรดิจะแถมความร่ำรวยมั่งคั่งแบบที่อาริสไม่เคยคิดฝันมาก่อน เหมือนแซนเดอร์เป็นเจ้าชายลูกของจักพรรดินาฟาเรียสอีกคนเลยทีเดียว เห็นมั้ยล่ะ ง่ายๆแค่นี้เอง ทำไมต้องคิดอะไรมาก?​ พูดก็พูดเถอะ สุดท้ายแกเบรียลก็ต้องถูกจับไปอยู่ดี แต่สิ่งที่ดาริอัสทำลงไป ก็เพื่อต้องการได้รับการยอมรับจากจักพรรดินาฟาเรียส ผู้เป็นพ่อของเขานั่นแหละ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเขาอิจฉาน้องสาวตัวเอง ที่เป็นลูกคนโปรดซะงั้น?!


อื๊ดดดดดด ปี๊บๆ ปุ๊บๆ ปู่ดๆ เอเลี่ยนบุก


คืนนั้น ที่เมืองราเวนสกิล ดาริอัส ปล่อยให้อาริสตัดสินใจ โดยเขาจะรอคำตอบอยู่ที่นั่นจนถึงเช้า อาริสถูกบีบบังคับให้ตอบตกลงตามนั้น (ส่งตัวแกเบรียลให้ดาริอัส) เพราะคำสัญญาที่มีต่อ อีแวนจีลีน คนรักที่จากไป เขาคิดหนักมาก ว่าจะหันหลังให้น้องชายแท้ๆ ทรยศต่อกองกำลังและผู้ติดตามเขา และยกเลิกแผนการอย่างนั้นหรือ? การนัดหมายก็ได้ถูกกำหนดขึ้น
เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่มีการใช้เครื่องดนตรี Bagpipe (ปี่สก็อต?) ประกอบเพลงด้วยนะ


เช้าวันนั้น ที่วังจักรพรรดิ เจ้าหญิงเฟธ วิ่งโร่มาหาพ่อของเธอ แล้วบอกว่า พ่อๆ ได้โปรดฟังหนูก่อน
อย่าไปเชื่อคำว่า เขาเป็นศัตรู ขอโอกาสให้เราทั้งสองได้แสดงให้ดู เพื่อการ เริ่มต้นใหม่ ด้วยเถอะ
ตอนแรกพ่อก็ไม่ฟังนะ แถมด่ากลับว่า เจ้าไปเชื่อคนหลอกลวงพรรค์นั้นได้ยังไง เจ้าหญิงเฟธ ก็เลยขอให้แม่ช่วยพูดให้พ่อฟังอีกแรง กล่อมครั้งแรก จักพรรดิก็ไม่ฟังนะ  องค์จักพรรดินี อราเบล ก็เลยยกความหลังขึ้นมาว่า ไม่นานมานี้ คุณก็มีความปรารถนาแบบเดียวกับลูกของเรานี่นา คุณก็รู้ว่าเป็นอย่างไร เวลาที่รู้สึกว่าถูกมองไม่เห็น ตอนที่ดนตรีทำให้ใจคุณสงบเหมือนตอนกินยา จำเรื่องของ Bug ได้รึเปล่า?
เรื่องราวก็เปิดเผยขึ้นว่า สมัยที่จักรพรรดินาฟาเรียสยังเด็ก เป็นเจ้าชายอยู่ พ่อของเขาก็เคยมอบเครื่องเล่นเพลงนี้กับเขาเอง ส่วนชื่อ Bug นี่คิดว่ามาจากตอนนั้น นาฟาเรียสขอบไปวิ่งเล่นก่อกวนพ่อเขาผู้เป็นจักรพรรดิบ่อยๆ เลยตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า Bug คงหมายถึงแมลงที่ก่อกวน วิ่งไปวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังพ่อเค้าน่ะล่ะ ซึ่งพ่อของเขาก็ใช้เครื่องเล่นเพลงนี้เข้าสู่มุมสงบ เพื่อลืมเหตุการณ์ความวุ่นวายในการบริหารบ้านเมืองนี้เหมือนกัน และได้ถูกส่งต่อมาให้ลูกเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน จนเมื่อนาฟาเรียสเติบโตขึ้นก็รับช่วงต่อเป็นจักพรรดิ พ่อของเขาก็จากไป เครื่องเล่นนี้ก็ถูกลืมเลือน
เจ้าหญิงเฟธได้ยินชื่อนี้ เลยถามขึ้นมาว่า จริงเหรอ พ่อเคยเป็นเจ้าของเครื่องนี้จริงเหรอ? นาฟาเรียสถึงกับตะโกนออกไปว่า ไปได้มาจากไหน เด็กน้อย? แต่เฟธก็ตอบว่าไม่สำคัญหรอก แล้วบอกอีกว่า พ่อก็เคยฟังเพลงนี่นา อย่าทำตัวเป็นเผด็จการที่ไร้หัวใจเลย ขอโอกาสให้ลูกได้แสดงให้เห็นเถอะ ลูกโตเป็นสาวเกินกว่าจะเป็นเด็กน้อยของพ่อแล้ว ตอนนั้นเอง นาฟาเรียสถึงคิดได้ ว่าเขาเกือบจะสูญเสียลูกสาวของเขาไปแล้ว ก็ให้โอกาสมัน(แกเบรียล)หน่อยแล้วกัน ถ้ามันเป็นผู้ถูกเลือกและทำให้ตนหวั่นไหวได้จริง ก็จะให้อิสระและยกเลิกแผนการทำลายเมืองราเวนสกิลไป แต่ถ้ามันทำไม่ได้ เขาก็ให้แกเบรียลยอมรับความพ่ายแพ่ และทำให้แน่ใจว่า ลูกสาวของเขาจะไม่มีวันเห็นหน้ามันอีก !
เพลงนี้เป็นเพลงที่หนักสุดของอัลบั้มนี้แล้วมั้ง อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆตามสถานการณ์อีกแล้ว ตอนแรกที่ฟังดนตรีอย่างเดียว ก็แค่รู้สึกคร่าวๆ ว่าช่วงแรกจะร้อนรน แต่เวลาที่อราเบลกล่อมนาฟาเรียส เพลงก็ดูอ่อนโยนนิ่มนวล จนเฟธได้รู้ความจริง ดนตรีก็เปลี่ยนมามีชีวิตชีวาขึ้นทันใด! ตอนหลังคงเป็นการโชว์ของวง และบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้น


เมื่อจักรพรรดิตอบตกลงที่จะทำตามความต้องการของลูกสาวแล้ว เฟธก็มุ่งสู่ที่ซ่อนของแกเบรียล สถานที่ก็ถูกกำหนดขึ้นโดยแกเบรียล เป็นสถานที่ที่เป็นกลางที่perfectสุดต่อทั้งสองฝ่าย เป็นโรงมโหรสพร้าง ชื่อว่า Heaven's Cove ในตอนกลางคืน
ด้านของดาเรียส ก็เร่งรัดคำตอบจากอาริสว่า ตกลงว่ายังไง จะหมดเวลาแล้ว
ด้านจักพรรดินาฟาเรียส ก็พูดกับตัวเองว่า คิดจะเปลี่ยนใจข้าเหรอ เสียเวลาเปล่า! สุดท้ายเจ้าก็ต้องอยู่ในกำมือข้า


เพลงนี้เป็น Oveture ของ ACT II นะครับ(ภาคจบ) เรื่องราวที่ทิ้งปมไว้ตั้งแต่ ACT I กำลังจะถูกคลี่คลาย? ใน ACT นี้แล้ว


แกเบรียลแวะมาแจ้งข่าวกับอาริสที่บ้านของเขา ท่าทีของอาริสดูเครียด จนแปลกไป ทำให้แกเบรียลสงสัย แต่เขาก็ยังไม่รู้ถึงแผนการณ์ที่พี่ของเขาได้ตกลงกับเจ้าชายไว้ ตอนนี้ความคิดในหัวของอาริสตีกันอีกแล้ว ว่าจะทำเพื่อใคร จะทรยศต่อน้องชายได้หรือเปล่า แต่เพื่อลูกชายที่รักของเขา สุดท้าย ก็แจ้งข่าวให้เจ้าชายดาเรียสว่า ทั้งตัวเขา และแกเบรียล จะไปพบกับเจ้าชายที่ Heaven's Cove กัน และได้วางแผนดักจับแกเบรียลไว้


สถานที่นี้เป็นโรงมหรสพที่ถูกทิ้งร้างไว้ ไม่มีแสงไฟจากสิ่งใด มีก็เพียงแสงดาว และแสงจันทร์เท่านั้น และคืนนี้ตอนเที่ยงคืน ใต้แสงจันทร์(เต็มดวง?) เหตุการณ์ที่เป็นที่ต้องจดจำ จะกำเนิดขึ้น


จากที่เฟธเคยสิ้นหวัง ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆแบบซังกะตาย แต่เมื่อเธอได้มาเจอแกเบรียล ผู้ที่มาเติเต็มชีวิตให้เธอ เธอเลยเชื่อว่า เธอจะสามารถเริ่มต้นใช้ชีวิตได้ใหม่ ด้วยการเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง (ตรงนี้เหมือนเรื่องยังไม่เดินไปถึงไหนต่อ เฟธยังอยู่ที่วังเหมือนเดิม)


ตอนที่อาริสมารอที่โรงมหรสพ ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า เราทำอะไรลงไปนี่ เลยเกิดเปลี่ยนใจ ตัดสินใจว่า จะไม่ทรยศต่อน้องชายขึ้นมา โดยเรียกความกล้าจากเพลงที่แกเบรียลเคยร้องเมื่อ1-2 วันก่อน (เมื่อมาถึงถึงทางแยก ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ จงค้นหาความแข็งแกร่งในตัวเอง ด้วยพลังเสียงของฉัน แล้วเธอก็จะรู้ว่าข้อไหนเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง) จากเพลง When the times has come ตอนที่เจ้าชายดาเรียสปรากฏตัวขึ้น อาริสก็เริ่มต้นต่อสู้กับเจ้าชาย และบอกกับเจ้าชายว่าขอยอมตาย ดีกว่าทรยศต่อน้องชายและปวงชน เจ้าชายก็เลยตอบว่า เจ้ากล้าทรยศข้าเหรอ? เช่นนั้นแล้ว เจ้าจงตายเสียเถิด การต่อสู้เป็นไปแบบตัวต่อตัว สุดท้ายด้วยกำลังที่เหนือของเจ้าชายดาเรียส ก็สามารถฆ่าอาริสลงได้ โดยที่แซนเดอร์ ลูกชายของเขา ได้ซ่อนตัวแอบดูอยู่ในเงามืด ในขณะที่องค์จักพรรดินาฟาเรียส และคณะ ก็กำลังเร่งเดินทางมาถึง ...


หุ่น NOMACS คงกำลังคุยกันอยู่ ส่งเสียงตู๊ดต๊าด


แซนเดอร์เห็นเหตุการณ์ทั้งแต่ต้น เลยร้องไห้วิ่งเข้าไปหาร่างที่ไร้ลมหายใจของพ่อ ตะโกนด่าเจ้าชายว่า "ฆาตกร" เจ้าชายก็ตัดสินใจจะจบชีวิตของแซนเดอร์เหมือนกัน แต่ตอนนั้น เขาก็เห็นเงาดำๆของใครบางคนวิ่งเข้ามา และคิดว่าต้องเป็นเงาของแกเบรียลแน่ๆ จึงไปซ่อนในความมืด แล้วเตรียมลงมือโจมตี ขณะที่เงามืดของคนมาถึง เจ้าชายก็จู่โจม แต่พอถึงระยะที่เห็นหน้าประชิดแล้ว ปรากฏว่าเป็นเจ้าหญิงเฟธ น้องสาวของเขาเอง แต่สายเกินไปแล้ว ที่จะยั้งมือ อาวุธนั้นก็ถูกร่างของเฟธเข้าเต็มๆ


แกเบรียลเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เฟธที่กำลังจะสิ้นลม และแซนเดอร์ที่นั่งร้องไห้บนร่างไร้วิญญาณของพ่อเขา ส่วนเจ้าชายดาริส ยังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ วิญญาณของแกเบรียลเหมือนแตกสลายลงเดี๋ยวนั้น แกเบรียลได้เอามือปิดหูแซนเดอร์ไว้ แล้วส่งเสียงกรีดร้องสุดท้ายที่ดังมากๆ ออกมา เฟธจะไม่เป็นไรเพราะยังใส่หูหังอยู่ แต่เจ้าชายดาเรียสไม่โชคดีขนาดนั้น เสียงนั้นได้ทำลายความสามารถในการได้ยินไปทันที เสียงกรีดนั้น ได้ยินดังไปถึงจักพรรดินาฟาเรียสและอาราเบลที่กำลังเดินทางมาถึง และยังได้ยินไปทั่วทั้งเมือง!


จักพรรดินาฟาเรียสพร้อมจักพรรดินีมาถึงสถานที่เกิดเหตุพอดี ภาพที่เห็นนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมาก เจ้าหญิงเฟสที่ลมหายใจอ่อนระโหย ทอดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแกเบรียล เจ้าชายดาเรียสที่เอามือกุมหูอยู่ นาฟาเรียสได้นำตัวเฟธที่นอนไม่ไหวติงมาจากแกเบรียล และได้แต่โทษตัวเองว่าทั้งหมดเกิดขึ้นนั้นเพราะความโง่เขลา และหยิ่งผยองของตัวเอง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่อาราเบลก็ยังคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง เฟธยิ้มให้กับพ่อของเธอ และสติกำลังจะดับหายไป นาฟาเรียสได้หันไปหาแกเบรียลแล้วบอกว่า ถ้าเจ้าเป็นผู้ปลดปล่อยจริง ขอได้โปรดช่วยให้เฟธพ้นจากความตายนี้ด้วยเถิด เจ้าลูกชาย !


แกเบรียลอยากจะร้องเพลงอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากเสียงกรีดสุดท้ายที่เขาพึ่งปล่อยไปก่อนหน้านี้ เขาได้พยายามลองดูแล้ว แต่เสียงที่ออกมาเป็นแค่เสียงกระซิบเท่านั้น ความหวังได้สูญสิ้นลงแล้ว ...


ทุกอย่างเหมือนดูสิ้นหวัง
ด้วยเสียงของแกเบรียล ที่ก้องกังวานได้ยินไปทั่วทั้งเมือง ชาวบ้านต่างค่อยๆโผล่มาทีละคนสองคน เพิ่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จนมากันหลายร้อยคน พวกเขาได้รับรู้สิ่งที่แกเบรียลต้องการจะสื่อ จึงได้ช่วยกันเปล่งเสียงร้องแห่งความหวังออกมา เหมือนกับว่าเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง เสียงร้องของเหล่ามวลชนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และในที่สุด แกเบรียลก็หาเสียงของเขาเจอ! ทั้งเขาและชาวเมือง จึงได้ช่วยกันประสานเสียงสู่เบื้องบน เหมือนแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมา พร้อมกับเสียงจากฑูตสวรรค์นับพันเสียง นาฟาเรียสเป็นฝ่ายถูก เฟธค่อยๆลืมตาขึ้นมาจากความตาย ตอนนี้เองที่แกเบรียลได้รู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์นี้ แกเบรียล ผู้อัศจรรย์ !


เรื่องราวเหมือนจบลงด้วยดี แต่ยังคิดค้างเรื่องที่อารีส พี่ของแกเบรียล และพ่อของแซนเดอร์ แต่แกเบรียลกับเฟธ ก็พร้อมใจกันรับแซนเดอร์มาอุปการะเหมือนลูกของตัวเอง และพร้อมจะสร้างโลกใหม่ไปด้วยกัน และอาริสก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะดูแลลูกของเขากับอีแวนจีลีนได้อยู่


นาฟาเรียส ยอมยุติเรื่องทั้งหมดกับแกเบรียล และปิดการทำงานของ NOMACS ลง.
โนแมค กำลังจะโดนปิดแล้วจ้า ลาก่อยยยยยยย


จักพรรดินาฟาเรียส ให้สัญญาว่าปกคองทุกอย่างอย่างเป็นธรรม และโลกใหม่จะเป็นโลกที่ซาบซึ้งไปกับเสียงเพลงอีกครั้ง มีเสียงกระซิบจากวิญญาณของอาริส (บรื๋อออ) ฝากไปยังแกเบรียลว่า ฝากดูแลลูกชายของข้าด้วย และแซนเดอร์ ก็ตั้งมั่นไว้ว่า จะทำให้พ่อของเขาภาคภูมิใจ เหมือนแกเบรียลจะได้คำตอบกับตัวเขาแล้ว ว่าทำไมต้องเป็นเขา เฟธก็ซาบซึ้งในความดีของแกเบรียลที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา
ทั้งเธอและแกเบรียลได้เต็มใจให้อภัยกับความผิดพลาดที่เจ้าชายดาเรียสได้ทำขึ้น ในที่สุด สันติสุข และความมหัศจรรย์ ก็กลับคืนสู่ชาวเมืองอีกครั้ง ...
จบบริบูรณ์


Dream Theater - The Astonishing - Full album


อ้างอิง
https://pantip.com/topic/34787542
https://pantip.com/topic/34733286


รวมเพลลิสต์ฟังต่อเนื่อง

06 สิงหาคม 2561

ทำถุงผ้าเองได้ง่ายนิดเดียว - วิธีทำถุงผ้าแบบไม่ต้องเย็บ

สามารถดาวโหลด/พิพม์ใบปลิวนี้เพื่อนำไปเผยแพร่ได้ตามอัธยาศัยเลยจ้า ใบปลิวนี้ทาง Harirak Handmade ทำขึ้นเผื่อเผยแพร่การทำถุงผ้าใช้เองได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเย็บตามสไตล์ฟุโรชิกิ #furoshiki และพิมพ์แจกจ่ายตามกำลัง มาช่วยกันนะ ลดการใช้ถุงพาสติก และใช้ถุงผ้าใช้ซ้ำกันเถอะ😉

ทำถุงผ้าเองได้ง่ายนิดเดียว
วิธีทำถุงผ้าโดยไม่ต้องเย็บ

ใช้ผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือพับให้ใกล้เคียง เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ

วิธีทำ
1. พับผ้าเป็นสามเหลี่ยม
2. ผูกปมทั้งซ้ายและขวา
3. พลิกในออกนอกและเก็บปม(จะไม่เก็บก็ได้น้า แต่เก็บจะสวยกว่าจ้า)
4. ใส่ของ
5. ผูกเงื่อนพิรอด(ขวาทับซ้าย ซ้ายทับขวา)เล็กๆที่ยอดผ้า
เสร็จ!

ถุงทรงหยดน้ำนี้เป็นวิธีการมัดผ้าแบบฟุโรชิกิ(Furoshiki)สามารถทำได้ทั้งผ้าเล็กและใหญ่เลยจ้า ใช้เป็นถุงลดโลกร้อนได้ดี ใส่ของได้มาก และทำได้ง่าย ลองทำกันดูน้า และขอให้สนุกกับการมัดถุงผ้าฟุโรชิกิกันจ้า
ยังมีการมัดแบบอื่น ๆ อีกสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/harirakhandmade หรือ  www.facebook.com/harirakfarm

ด้วยความปราถนาดีจาก
Harirak Handmade
ทำมือ ด้วยใจ
😇✋💝

ลองมาดูแบบวิดีโอกันจ้า


เตรียมแจกจ่าย เพื่อช่วยกันลดการใช้ถุงพาสติก มาใช้ถุงผ้าใช้ซ้ำกันเถอะ

03 สิงหาคม 2561

ผ้าอเนกประสงค์ Furoshiki by Harirak Handmade


ผ้าอเนกประสงค์นำมามัดฟุโรชิกิได้หลากหลาย ได้ทั้ง ถุงผ้าลดโลกร้อน เสื่อปิคนิค เป้สะพายหลัง(เป้ซามูไร) กระเป๋าถือสุดเก๋ และอื่น ๆ อีกมายตามแต่จิตนาการณ์เลยจ้า

ผ้าอเนกประสงค์ฟุโรชิกิผ้าคอตตอน 2 ชั้น 2 โทน สีน้ำตาล/ฟ้า
สลับสีได้ไม่จำเจ🤗
พร้อมให้เลือกสรรกันแล้วจ้า😇
มี 3 ขนาด คือ 70cm ราคา 150฿ 90cm ราคา 180฿ และ 110cm ราคา 200฿

ขนาด 70cm พกพาสะดวก เป็นผ้าโพกหัวก็ได้ เป็นผ้าพันคอก็ดี มัดเป็นถุงผ้าลดโลกร้อนทรงหยดน้ำก็ได้ขนาดพอเหมาะจุประมาณถุงขนาดกลาง พกพาได้ทุกวัน
ขนาด 90cm มัดเป็นถุงผ้าลดโลกร้อนก็จุมาก บังแดดก็ได้ ทำเป็นกระเป๋าหิ้วเฉพาะกิจก็เก๋ไปอีกนะ
ขนาด 110cm ทำได้เหมือนขนาดอื่น ๆ ทั้งยังมัดเป็นกระเป๋าเป้สะพายหลังเฉพาะกิจก็ได้ เป็นผ้าห่มจำเป็น ปูพื้นปิคนิคก็ได้
ประโยชน์หลากหลาย พกสำรองติดกระเป๋าไว้เผื่อใช้ประโยชน์ยามเดินทาง😉

Harirak Handmade ทำมือด้วยใจ😇✋💝

*ขนาดผ้าเป็นขนาดโดยประมาณ

สนใจสามารถดูวิธีประยุกต์ใช้ผ้าแบบต่าง ๆ และสั่งซื้อได้ที่
https://www.facebook.com/harirakhandmade/
https://www.facebook.com/harirakfarm/
http://harirakfarm.lnwshop.com/product/41/ผ้าอเนกประสงค์-furoshiki

22 กรกฎาคม 2561

Back At One for Kalimba - โน้ตเพลง Back At One สำหรับคาลิมบา



สวัสดีครับ บทความนี้เรามาฝึกหัดกับเพลงโปรดของผมกันครับ ด้วยเพลง Back At One ของ Brian McKnight เพลงนี้ถูกนำมาร้องใหม่หลายนักร้องมาก ๆ ครับ(และหลากหลายคีย์) เป็นการรับประกันถึงความนิยมได้ในระดับนึงเลยทีเดียว โดยโน้ตเพลงนี้ได้แปลงเป็น key C ไว้แล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการเล่น โดยผมได้เรียบเรียงจากโน้ตเปียโนของ freepianosongs.blogspot.com มาใช้เล่นกับคาลิมบา โดยเรียบเรียงในรูปแบบง่าย ๆ แต่ครบถ้วนทั้งคอร์ดและทำนอง(เท่าที่จะเล่นได้ง่าย ๆ)  จึงขอนำมาแบ่งปันไว้กับเพื่อน ๆ ณ ที่นี้ด้วยครับ เอาล่ะ ไปลุยกันเลยครับ! :D
ปล. ก่อนเล่นให้ฟังทำนองให้ติดหูก่อน จะช่วยได้มากครับ ;)

C=โด=1 D=เร=2 E=มี=3 F=ฟา=4 G=โซ=5 A=ลา=6 B=ที=7



เคล็ดลับในการอ่านโน้ตสากลสำหรับคาลิมบา

การอ่านโน้ตได้หลายแบบจะทำให้เราหาโน้ตเพลงมาเล่นได้มากมายโดยเฉพาะสำหรับฅนที่แกะเพลงไม่ค่อยเป็นแบบผม(๕๕๕บวก) ทั้งโน้ตแบบตัวเลข ตัวอักษรไทย ตัวอักษรอังกฤษ และอื่น ๆ  โดยเฉพาะโน้ตสากลซึ่งได้รวบรวมเพลงไว้มากมายในรูปแบบนี้  เพราะตัวมันบันทึกทั้งโน้ตและจังหวะเอาไว้ ทำให้เป็นการบันทึกที่ดนตรีสมบูรณ์ที่สุดในรูปแบบการเขียน แต่มันอาจดูเป็นยาขมสำหรับมือใหม่ เพราะเหมือนการฝึกภาษาใหม่กันเลยทีเดียว แต่บทความนี้ผมจะแนะนำเคล็ดลับสำหรับคาลิมบาในการอ่านโน้ตสากลอย่างง่าย ๆ กันครับ


หลักการก็คือ ลองสังเกตโน้ตที่ทับเส้นดูนะครับ โน้ตทับเส้นทั้งหมด จะเป็นโน้ตฝั่งขวา เป็นแบบเรียงตามลิ่มเลยจากล่างขึ้นบน
ส่วนตัวโน้ตระหว่างเส้นทั้งหมด จะเป็นโน้ตฝั่งซ้าย ซึ่งก็เรียงตามลิ่มอีกเช่นกันครับ จากล่างขึ้นบน
โน้ตจะขยับขึ้นไปที่ละเส้นทีละช่อง ตามระดับเสียง อยู่ต่ำก็เสียงต่ำ อยู่สูงก็เสียงสูง
แต่ละโน้ตชื่ออะไร ให้ลองเทียบดูจากชื่อดูนะครับ ;)

C=โด=1 D=เร=2 E=มี=3 F=ฟา=4 G=โซ=5 A=ลา=6 B=ที=7

แค่นี้เองล่ะครับเคล็ดลับในการนำโน้ตสากลมาเล่นกับคาลิมบา ไม่ยากใช่มั้ยครับ ลองทำความเข้าใจดูอีกครั้งสั้น ๆ กันครับ คือ โน้ตทับเส้นฝั่งขวา โน้ตระหว่างเส้นฝั่งซ้าย

ทีนี้เพื่อน ๆ ก็สามารถอ่านโน้ตไมากขึ้นอีกแบบนึงแล้วครับ ;)
ไม่ต้องรอให้ใครแปลงโน้ตให้อีกต่อไป(แปลงเองเลย!)
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ
สำหรับบทความนี้เท่านี้ก่อน
ไว้เจอกันบทความหน้า
สวัสดีครับ ^_^

Canon in Kalimba - โน้ตเพลงแคนน่อนสำหรับคาลิมบา

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวคาลิมบาทุกท่าน ครั้งนี้ผมได้เรียบเรียงเพลงแคนน่อนแบบย่อ ๆ คัดมาเฉพาะท่อนหลัก ๆ ให้ได้ลองฝึกหัดกัน เป็นเพลงคุ้นหูของทุกท่าน ๆ แน่นอน นั่นคือ Canon in D ของ Johann Pachelbel ซึ่งผมได้แปลงเป็นคีย์ C สำหรับคาลิมบาแล้ว ไม่พูดพล่ามแต่ไปทำเพลงกันเลยดีกว่าครับ ;)
ผมเรียบเรียงมากจากโน้ตนี้นะครับ ใครที่อยากได้โน้ตเว่อร์ชั่นเต็มคีย์ C ดูได้จากที่นี่เลยครับ Canon in D for Quartet Harmonica - เพลงแคนน่อนสำหรับวงฮาร์โมนิก้าสี่ชิ้น

เพลงนี้เป็นเพลงที่มีโน้ตเยอะและเร็วมาก ให้เริ่มเล่นจากช้า ๆ ก่อนนะครับ จนจำโน้ตจำตำแหน่งได้แล้วจึงค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้นมา ต้องอาศัยเวลาพอสมควรครับ

C=โด=1 D=เร=2 E=มี=3 F=ฟา=4 G=โซ=5 A=ลา=6 B=ที=7



สำหรับบทความนี้เท่านี้ก่อนครับ
ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า
สวัสดีครับ ^_^

07 กรกฎาคม 2561

Kalimba Basic Chord Guide - แนะนำคอร์ดเบื้องต้นสำหรับคาลิมบา

สวัสดีครับ หลังจากเขียนบทความเรื่อง Kalimba Thumb Piano for Beginner - วิธีเล่น คาลิมบา เปียโนนิ้วโป้ง สำหรับผู้เริ่มต้น และตั้งกลุ่ม Kalimba Club Thailand - คลับคนรักคาลิมบา ซึ่งก็มีสมาชิกเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งเกินคาดมาก ๆ ครับสำหรับเจ้าคาลิมบานี้ มีฅนเก่ง ๆ มากมายเลยครับในกลุ่ม และได้มีเพื่อน ๆ มือใหม่หลายท่านสอบถามถึงเรื่องการเล่นคอร์ดเข้ามามาก ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องนี้ก็อาจเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจท่านอื่นด้วย จึงได้เรียบเรียงเป็นบทความนี้ขึ้นมาครับ

อันดับแรกเพื่อน ๆ ต้องรู้ชื่อโน้ตบนลิ่มของคาลิมบาก่อนนะครับ ซึ่งก็ดูได้ตาม Chart ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ แล้วทีนี้เรามาดูกันว่า แต่ละคอร์ดประกอบด้วยโน้ตอะไรกันบ้าง โดยคอร์ดเบื้องต้นสำหรับคาลิมบามีดังนี้ครับ

C=โด=1 D=เร=2 E=มี=3 F=ฟา=4 G=โซ=5 A=ลา=6 B=ที=7

ชื่อคอร์ด = โน้ตในคอร์ด

C = CEG
Dm = DFA
Em = EGB
F = FAC
G = GBD
Am = ACE
Bm = BD
Bdim = BDF
Cmaj7 = CEGB
Dm7 = DFAC
Em7 = EGBD
Fmaj7 = FACE
G7 = GBDF
Am7 = ACEG

ลองดูตำแหน่งโน้ตในคอร์ดต่าง ๆ บนลิ่มคาลิมบา ส่วนใหญ่จะเรียงติดกันครับ ทีนี้ก็สามารถนำชุดโน้ตเหล่านี้ไปใช้เล่นได้แล้วล่ะครับ

หมายเหตุ บทความต่อจากนี้อาจทำให้ปวดหัวจนถึงขั้นนอนซมได้! ใครสนใจศึกษาก็สามารถอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ควรเตรียมยาแก้ปวดไว้ด้วยนะครับ(ฮา) หากไม่ต้องการปวดหัวจากการอ่านบทความต่อจากนี้ก็สามารถข้ามไปอ่านช่วงท้ายได้เลยครับ(ฮา)
============================

ทีนี้เรามาลงลึกเกี่ยวกับคอร์ดกันอีกสักนิดครับเพื่อความเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์เองได้ต่อไปครับ
คอร์ดในทางดนตรีหมายถึงกลุ่มโน้ตตั้งแต่ 3 ตัวขึ้นไป อย่างเช่น คอร์ด C ก็จะมีโน้ต C E G (โด มี โซ) เป็นกลุ่มโน้ตที่เล่นออกมาประสานเสียงกัน
โดยตัวคอร์ดนั้นไม่ได้สนใจว่าโน้ตไหนจะสูงหรือจะต่ำ เพียงแค่ขอให้มีโน้ตตามสูตรก็เพียงพอ เช่น จะเล่นคอร์ด C เป็น CEG, EGC, GCE หรือจะสลับกันยังไงก็ได้ครับ ก็ยังถือเป็นคอร์ด C อยู่นั่นเอง(ถ้าอยากรู้ว่าหาโน้ตในคอร์ดอย่างไร แล้วทำไมคอร์ดนี้ถึงชื่อแบบนี้ ต้องศึกษาสูตรคอร์ดครับ ซึ่งค่อยข้างลงไปลึกพอสมควร ยังไม่ขอพูดถึงในที่นี้นะครับ ถ้าสนใจสามารถศึกษาได้จาก ทฤษฎีดนตรี ครับ) อย่างเช่นกีต้าร์ 6 สาย เวลาเล่นคอร์ด C กีต้าร์ก็จะเล่นโน้ต C E G C E G สายละโน้ตจนครบทุกสายเสียงสูงต่ำต่างกันไป ในคอร์ด C ก็มีโน้ตเท่านี้แหละครับ ให้ดีดคอร์ด C ทีละเส้นเสียงที่ได้ก็ไม่พ้นโน้ต C E G ครับ ไม่ว่าจะมีกีสิบสายก็เล่นคอร์ด C แค่ 3 โน้ตนี้ครับ ถ้าเป็นวงโยทวาธิตก็แบ่งโน้ตกันเป่าครับจะเล่นกี่เสียงสูงต่ำยังไงก็ได้ของให้มีโน้ตตามนี้เท่านั้นเอง
ในการเล่นคอร์ด เราจะเล่นพร้อมกันทุกโน้ตหรือจะเล่นทีละโน้ตก็ตามแต่ต้องการหรือตามความเหมาะสม แต่ในการเล่นจริง ๆ อาจไม่จำเป็นต้องเล่นครบโน้ตในคอร์ดก็ได้ครับ บางโน้ตอาจจะละไว้บ้างก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้เล่นแล้วลงตัวก็เพียงพอครับ เช่น ถ้าเจอคอร์ดนอกคีย์อย่าง Cm = C Eb G ซึ่งเราไม่มีโน้ต Eb เราก็จะเลือกเล่นแค่ C และ G ก็ได้ หรือเล่น C อย่างเดียวก็ได้(การเลือกเล่นโน้ตคอร์ดแค่ตัวเดียว ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกโน้ตที่เป็นชื่อคอร์ด) โน้ตไหนไม่มีหรือเล่นไม่ได้ก็ละไปได้ไม่เป็นไรครับ

โน้ตในคอร์ดก็เป็นโน้ตเดียวกับคอร์ดสากลของเครื่องดนตรีอื่น ๆ  แม้ของคาลิมบาจะดูเหมือนมีน้อย แต่จริง ๆ ยังเล่นได้มากกว่านี้อีกครับ ซึ่งสามารถศึกษาได้จากทฤษฎีดนตรี นอกจากนี้เราสามารถยังสามารถเล่นได้แทบทุกคอร์ดเลยล่ะถ้าศึกษาเทคนิคการใช้คอร์ดแทนเพิ่มเติมด้วยครับ

============================

เพียงคอร์ดที่ได้แนะนำไว้นี้ก็สามารถเล่นได้ครอบคลุมสำหรับคาลิมบาแล้วล่ะครับ ลองดูแนวคิดการเล่นคอร์ดเพิ่มเติมได้จาก Music Basic for Kalimba - โน้ตเพลงเบื้องต้นสำหรับคาลิมบา

แบบฝึกหัดสำหรับบทความนี้ ให้ลองเล่นคอร์ดตามนี้ครับ ชุดคอร์ดยอดนิยม

C/Am/F/G
C/Am/Dm/G7
C/Em/F/G

เมื่อมึนกันพอสมควรแล้วผมก็ขอตัว(ฮา)
ไว้เจอกันบทความหน้าครับ
สวัสดีครับ ^-^

25 มิถุนายน 2561

Music for Reading - เพลงสำหรับอ่านหนังสือ

สวัสดีครับ จากที่เราได้เคยนำเสนอบทความ Classical music for brain - รวมเพลงคลาสสิคสำหรับเพิ่มพลังสมอง ไปแล้วในครั้งกระนู้น ครั้งนี้เรารวบรวมเอาเพลงแจ๊สที่ไพเราะ และเรามักใช้ฟังเพื่อช่วยเพิ่มพลังในการกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะฟังตอนอ่านหนังสือ เราเห็นว่ามันดีมาก เลยอยากมาแนะนำเพื่อน ๆ ให้ได้ฟังกัน จึงรวบรวมมาไว้ ณ ที่นี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจต่อไปนะครับ เอาล่ะ ว่าแล้วก็ไปฟังกันเลยดีกว่า ;)









 

เป็นบทเพลงที่เราคัดสรรมาสำหรับเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่าน หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะชื่นชอบ บทความนี้เราแนะนำให้ Bookmark เอาไว้เลยครับ จะได้กลับมาเปิดฟังได้ทุกวันไงล่ะครับ ;)

ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
สวัสดีครับ ^-^

Goregrind - บทเพลงแห่งการบดขยี้

แนวเพลงในโลกนี้มีมากมายจนเราอาจนึกไม่ถึง ช่วงนี้ชอบหาเพลงแปลก ๆ มาฟังครับ ปกติก็ฟังเกือบทุกแนว แต่ไม่ค่อยก้าวข้าม Power Metal ไปในจุดที่ดุดันกว่านั้นเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ผมข้ามไปแล้ว! และมันบันเทิงทีเดียวครับ!
แนวเพลงที่ผมจะกล่าวถึงในบทความนี้คือแนว Goregrind และ Brutal เป็นสายหนึ่งของ Death metal ซึ่งเขาว่ากันว่าแนว Gore กับ Brutal เนี่ย(ต่อไปจะเรียกว่า Gore อย่างเดียวนะครับ) จะเป็นแนวที่หนักมากที่สุดแล้วในแนวดนตรีทั้งหลายทั้งปวง ณ ขณะนี้! ด้วยเสียงกีต้าร์เยี่ยงเลื่อยยนตร์ เสียงเบสกดดันเยี่ยงห้องปิดตาย เสียงกลองรัวเยี่ยงประทัดตรุษจีน เสียงร้องเยี่ยงหมูถูกเชือด! มันช่างลงตัวเสียงนี่กระไร!
โดยทั่วไปเนื้อหาหรือธรีมของเพลงจะเป็นแนวฆาตกรรม ทรมานฅน ทำร้ายฅน กินหรือชำแหละศพ ในลักษณะความวิปริตทางจิตแบบสุดขั้ว ซึ่งมักมีซาวด์สยองขวัญประกอบอยู่ด้วย ปกก็จะโหด ๆ หน่อย แต่ยังมีชื่อเรียกแนวย่อย ๆ ตามเนื้อหาหรือธรีมของเพลงที่ต่างออกไป เช่น Porngrind ที่จะเกี่ยวกับความวิปริตทางเพศ ความอุจาด ต่าง ๆ นานา และมักมีซาวด์โป๊ ๆ ประกอบอยู่ด้วย ปัจจุบันนี้แนว Gore มีหลายธรีมมาก แต่ส่วนใหญ่จะฟังไม่ค่อยเป็นภาษาเพราะเทคนิคการร้องเสียงหมูที่เข้มข้นมาก ส่วนใหญ่อาจไม่มีเนื้อร้อง แต่เพลงที่มี ซึ่งถ้าเอามาแปลแล้ว ศัพท์ที่พี่ท่านทั้งหลายใช้จะเป็นศัพท์สูงศัพท์ยากที่ฝรั่งทั่วไปก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะมักเป็นศัพท์ทางการแพทย์ทั้งนั้นครับ ว่ากันว่าต้นตอของการใช้ศัพท์เหล่านี้เกิดจากวงที่บุกเบิกแนวนี้เนี่ย ที่บ้านเขามีดิกชันนารีศัพท์ทางการแพทย์ แล้วปิ๊งไอเดียที่จะเขาศัพท์พวกนี้ใส่ไปในเนื้อเพลง ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมต่อ ๆ กันมา ที่มาต่าง ๆ ก็ขอเล่าไว้เป็นสังเขปประมาณนี้นะครับ

แต่มีเรื่องต้องส่งท้ายนิดหน่อย ภาคดนตรีแนวนี้ไม่ต้องกล่าวให้มากความ เพราะแทบทุกฅนต้องลงมติว่ามันสุดยอดอย่างแน่นอน แต่สำหรับเสียงร้องแบบหมู มือใหม่ที่เริ่มฟังหลายฅนรับไม่ได้ ผมให้แนวคิดอย่างนี้ครับว่า ให้คิดซะว่านักร้องเป็นผู้ทำซาวด์ประกอบเพลง ไม่ต้องไปจับคำร้องอะไรให้มากนัก ฟังเอาธรีม บรรยากาศ และความบันเทิงจากความแปลกใหม่ก่อนจะดีที่สุดครับ เพราะจะได้ลองฟังซะทียังไงล่ะครับ ๕๕๕บวก บางเพลงจะมีหลากหลายอารมณ์ ท่อนโหดก็จะรัวกลองอย่างกับทำหมูสับสองปังตอ ท่อนหดหู่ก็จะหนืดช้าพอให้นักดนตรีหายเมื่อย แล้วก็สับหมูต่อ! ภาคดนตรีจะเปลี่ยนตามบรรยากาศของธรีม เพลงหนึ่งก็นับเป็นเรื่องสั้นเรื่องนึงได้เลย เรื่องสั้นโหด ๆ สับ ๆ ที่เสพได้ด้วยการฟัง นี่นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเหมือนกันครับที่ทำให้มันสุดยอด
ผมได้คัดสรรอัลบั้มที่น่าสนใจและคิดว่ามือใหม่น่าจะพอฟังได้เอาไว้ข้างล่างนี้แล้ว ที่สำคัญที่สุดถ้าอันไหนฟังแล้วรู้สึกไม่ไหว อย่าฝืน ให้ลองหาวงอื่น ๆ ต่อไป สำคัญคือ ขอให้บังเทิงกับ Goregrind ครับ

ค้นหาเพลงแนวนี้เพิ่มเติมลองใช้คำค้นเหล่านี้ goregrind, porngrind, brutal death, slamming death, slamming brutal



เพลงแนวนี้ฟังโหด ๆ ก็จริง แต่ลองดูคอนเสิร์ตครับ แต่ละฅนอย่างฮาเลย


ต่อกันแบบน็อนสต๊อปให้เมาดิบกันไปข้างนึงเลย!


ใครที่ชอบดูหนังแนวสัตว์ประหลาดอวกาศไซไฟอาจชอบวงนี้




สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักเพลงแนวนี้ก็เหมือนเปิดโลกใหม่เลยทีเดียว มันมีอะไรแบบนี้อยู่ด้วยเว้ย! เป็นไงครับ โดนใจบ้างรึเปล่า

เอาล่ะ เมาดิบกันพอสมควรแล้ว
ไว้เจอกันบทความหน้าครับ
สวัสดีครับ ^-^

มีบทความภาคสองแล้วนะ ตามไปอ่านกันได้ครับ ;D

ศึกษาเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5
https://fxxknoevil.wordpress.com/2006/10/17/carcass-in-and-out-of-context-the-possibility-of-post-death-metal/
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=94621

24 มิถุนายน 2561

Poker Assault - เกมไพ่จู่โจม

อาจประยุกต์เล่นแก้ขัดกับสำรับไพ่มาตราฐานได้นะครับ ดูวิธีเล่นแล้วน่าจะมันส์ ;)

Solfeggio Frequency - ความถี่บำบัด


ช่วงนี้ชอบค้นหาเพลงแปลก ๆ มาฟังครับ หลังจากที่ค้นไปค้นมาก็เจอเรื่อง Solfeggio Frequency หรือที่ผมเรียกว่า ความถี่บำบัด นอกจากช่วยผ่อนคลายใช้ทำสมาธิแล้ว ยังช่วยก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจด้วย ถึงตรงนี้ผมว่ามันชักจะน่าสนใจแล้วแฮะ เดียวผมจะเล่าให้ฟังครับว่าผมค้นเจออะไรน่าสนใจมาบ้าง

ความถี่บำบัดนำมาจากความถี่ของโน้ตสากลโบราณ(Solfeggio) ซึ่งก็คือโน้ต โดเรมีฯ นี่แหละครับ แต่ความถี่ในการตั้งเสียงจะต่างออกไปจากปัจจุบัน ด้วยความเชื่อที่ว่าความถี่เสียงมีผลต่อร่างกายของมนุษย์เรา การสั่นสะเทือนที่สอดคล้องกันอย่างสมดุลจะช่วยบำบัดรักษาและกระตุ้นร่างกายได้ไปจนถึง DNA เลยทีเดียว

คลื่นความถี่ Solfeggio พื้นฐานทั้ง 6 คือ

UT or DO – 396Hz – Liberating Guilt and Fear
ช่วยปลดปล่อยความรู้สึกผิด และความกลัว
RE – 417Hz – Undoing Situations and Facilitating Change
ช่วยลบล้างสถานภาพและพลังงานเชิงลบต่างๆ และช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง
MI – 528Hz – Transformation and Miracles (DNA Repair)
ช่วยในการเปลี่ยนรูปแบบ และนำปาฏิหาริย์มาสู่ชีวิต – ช่วยซ่อมแซม DNA เรียกกันว่า คลื่นเสียงพลังงานความรัก ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด
FA – 639Hz – Connecting/Relationships
ช่วยในด้านการประสานสัมพันธ์ / ความสัมพันธ์กับผู้อื่น สร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลได้อย่างกลมกลืน ปลดปล่อยความโกรธและความริษยา
SOL – 741Hz – Awakening Intuition
ช่วยปลุกให้สัญชาติญาณหยั่งรู้ตื่นขึ้น ชำระล้างพิษและทำความสะอาดเซลในร่างกาย
LA – 852Hz – Returning to Spiritual Order
ช่วยพากลับไปสู่ความเป็นจิตวิญญาณ ยกระดับพลังงานให้กับเซล ปลดปล่อยความวิตกกังวล

จากเดิมที่มีแค่ 6 ความถี่ ภายหลังได้มีการวิจัยค้นพบความถี่อื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก 3 ความถี่ คือ

174Hz – Frequency is natural anesthetic. It relieves pain and gives your organs a sense of safety, love and security and encourages them to do their best.
เป็นยาชาธรรมชาติ ช่วยลดความเจ็บปวดและช่วยให้อวัยวะของคุณมีความรู้สึกปลอดภัย ความรักและมั่นคง และกระตุ้นให้อวัยะทำงานได้ดีที่สุด
285Hz – Solfeggio Frequency - Heals and Regenerates Tissues , Restructures damaged organs by sending message to Tissues, Bringing them to original form.
เยียวยาและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ปรับโครงสร้างอวัยวะที่เสียหายโดยการส่งข้อความไปยังเนื้อเยื่อ นำไปสู่รูปแบบดั้งเดิม
963Hz or TI – Frequency helps in Pineal Gland Activation and is associated with awakening intuition.
ช่วยในการเปิดใช้งานต่อม Pineal Gland (เปิดตาที่สาม) และเกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณการตระหนักรู้

รวมเป็น 9 ความถี่หลัก เรียกว่า 9 Solfeggio Frequencies
เว็บไซท์ของเขามี file เสียงทั้ง 9 เสียงให้ดาวน์โหลดฟรีครับ http://www.solfeggiotones.com/


แต่เดิมเสียงพวกนี้คือเสียงโน้ตเดียว ๆ เลยครับ(Raw tone) ลองนึกถึงเสียง ตู๊ดดดดดดดดดด ค้างยาว ๆ นั่นแหละครับ ปัจจุบันได้นำมามิกซ์ความดังเบา จังหวะสั้นยาว และเพิ่มดนตรีสร้างเสียงให้น่าฟังยิ่งขึ้นในแนวภวังค์ แต่โดยหลักแล้วก็คือมีเสียงความถี่หนึ่ง ๆ เป็นแก่นเสียงเบา ๆ อยู่เบื้องหลัง สามารถหาฟังได้ทั่วไปใน youtube ด้วยการนำความถี่ไปค้นหาได้เลยล่ะครับ

เนื่องจากดั้งเดิมเป็นเสียงเดียว ๆ เพียว ๆ แนวคิดนี้จึงเชื่อมโยงกับการสวดสมาธิภาวนาด้วย เช่นการสวด โอมมมมมม ลากเสียงยาว ๆ แบบนี้ ก็ถูกนำมาเทียบเคียงเช่นกันว่า นอกจาก ความถี่ แล้ว คำ ก็ใช้ได้ในแบบเดียวกัน เรียกว่า มนตรา ซึ่งจับคู่ดังนี้ครับ

UT = Lam แลม
RE = Vam วัม
MI = Ram รัม
FA = Yam ยัม
SOL = Ham ฮัม
LA = Aum อุม
TI = Om โอม

ทำให้เข้าใจว่าถ้าไม่มีความถี่ให้ฟัง สวดคำเองก็ได้อะไรแบบนี้? ซึ่งการสวดเท่าที่ทราบมาคือลากเสียงคำนั้นให้ยาว ๆ แล้วเริ่มใหม่ไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เราเคยได้ยินในหนังกันมาบ้างนั่นแหละครับ โดยให้สรรพคุณเดียวกันกับการฟังความถี่บำบัดเลยทีเดียวเชียวนะครับนี่ บ้างก็บอกว่าสวดคำเองให้ผลดีกว่าเปิดความถี่เสียอีก

ตั้งแต่ Dr. Joseph Barber ผู้ริเริ่มค้นหาความถี่ของตัวโน้ตโบราณ จนถึงตอนนี้ได้มีการค้นพบความถี่บำบัดอีกมากมายไม่รู้กี่คลื่นต่อกี่คลื่นครับ มีสรรพคุณต่าง ๆ นานา แต่หลัก ๆ ก็คือการช่วยผ่อนคลายและทำสมาธิ ดูได้ที่นี่ http://lunarsight.com/freq
แต่โดยทั่วไปจะใช้กันแค่ 9 ความถี่ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นเป็นหลัก เปิดคลอเบา ๆ ตอนทำสมาธิ ตอนนอน หรือตอนทำงาน ก็ได้ ตามแต่สะดวก หาฟังได้ตาม youtube หรือสำหรับ App บนมือถือเดี๋ยวนี้ก็มี ผมแนะนำ Chakra Meditation ตัวนี้กินพื้นที่น้อย มี 6 ความถี่ เสียง Solfeggio จะเป็นเสียงดิบเพียว ๆ  แต่มีให้เลือกหลายแบบ(ตั้งค่าเสียงให้เป็น Binaural ก็ยังได้! แต่ต้องใช้หูฟังนะ) มีแบบเสียงสวดมนตราด้วย แต่ต้องปรับแต่ง Loop ของมันให้เหมาะสมกับเราก่อน เพราะค่าเริ่มต้นของมันเปลี่ยนความถี่ไปเรื่อยทุก ๆ 5 วินาที ถ้าอยากฟังแค่ความถี่เดียวต้องตั้งค่าให้วนซ้ำอันเดิม ก็เลือกปรับแต่งได้ตามต้องการ พวกเสียงดิบมีข้อดีอย่างนึงคือสามารถเปิดคลอได้ตลอดในทุกกิจกรรม ทีนี้ก็พกพาไปฟังได้แล้วสิ! แต่ก็มีคำเตือนนิดนึงว่า ไม่ควรฟังขณะขับรถหรือขณะทำงานกับเครื่องจักรนะครับ

ก็ประมาณนี้ล่ะครับสำหรับ Solfeggio Frequency - ความถี่บำบัด ไม่ว่าสรรพคุณที่กล่าวอ้างจะได้ผลตามนั้นแค่ไหนก็ตาม การวิจัยก็ยังคงต้องทำการพิสูจน์กันต่อไป แต่เสียงแนวภวังค์ก็ช่วยให้เรามีสมาธิและผ่อนคลายได้อยู่เหมือนกันนะครับ นั่นก็นับเป็นประโยชน์ที่เราสามารถใช้ได้เหมือนเพลงประกอบบรรยากาศ และดนตรีย่อมช่วยจรรโลงใจของเราได้เสมอใช่มั้ยล่ะครับ

หากเพื่อน ๆ มีอะไรต้องการแนะนำแก้ไขเพิ่มเติมโพสในคอมเม้นต์ได้เลยนะครับ
สำหรับบทความนี้ เท่านี้ก่อนครับ
ไว้เจอกันบทความหน้า
ด้วยรัก
สวัสดีครับ ^_^

ถ้าไม่รู้จะฟังคลื่นไหนก็คลิปนี้เลยครับ 9 คลื่นสลับไปสลับมาอย่างแนบเนียน จัดเต็มไปเลย ๕๕๕บวก



10000 Hz Frequency Series



แถม
ทางตะวันออกเองก็มีดนตรีบำบัดตามหลักปรัชญาจีน น่าสนใจไม่แพ้กัน

ลิ้งค์ศึกษาเพิ่มเติมและอ้างอิง ที่ผมรวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
http://powerthoughtsmeditationclub.com/how-to-use-solfeggio-frequencies/
http://powerthoughtsmeditationclub.com/what-is-the-solfeggio-frequencies/
meditativemind.org/relief-stress-and-wipe-out-negativity-with-music-based-on-ancient-solfeggio-frequencies/
http://meditativemind.org/category/solfeggio-frequencies/
https://www.facebook.com/chayutt.deejaroen/notes?lst=100000190650420%3A100001209252293%3A1529764378
https://chokedeemak.wordpress.com/2015/12/29/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%9f%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b9%86-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2/
http://topicstock.pantip.com/siam/topicstock/2010/11/F9887583/F9887583.html

01 พฤษภาคม 2561

นักศึกษาจอมขบถ

มหาวิทยาลัยเป็นวัยที่กำลังมีไฟ มีความหวัง มีความฝัน และมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ ข้าพเจ้าเชื่อว่านักศึกษาเหล่านี้เป็นฅนฉลาด มีความคิดเป็นของตนเอง จึงมีคำถามที่แตกต่างจากฅนมากหลาย แต่ใช่ว่าทุกคำถามจะเป็นคำถามอันพึงใจต่อผู้ฟังก็หามิได้ คำถามของนักศึกษาเหล่านี้ก็เช่น ทำไมเกรดจึงสำคัญนัก? ทำไมต้องใส่เครื่องแบบ? ทำไมต้องกำหนดทรงผม? ทำไมต้องเกณฑ์ทหาร? ทำไมการปกครองและระบบจึงเป็นเช่นนี้? และอีกร้อยแปดพันคำถาม เหลือวิสัยผู้ที่ไม่เคยใคร่รู้จะตอบได้ เมื่อมิได้คำตอบอันพึงประสงค์แล้วไซร้ พวกเขาเหล่านั้นจึงท้าทายเพื่อหาคำตอบ นักศึกษาเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า นักศึกษาจอมขบถ แต่ก็ใช่ว่าฅนเหล่านี้จะแค่ท้าทายขนบก็หามิได้ ด้วยความที่เป็นนักศึกษา เขาจึงขวนขวายความรู้ในแนวทางเลือก อันมิได้เป็นกระแสหลัก และออกไปในทางต้องห้ามอยู่สักหน่อย เบื้องต้นก็เพื่อนำมาโต้เถียงต่อคำตอบอันไร้แก่นสารที่ได้รับมา แต่อันว่าเมื่อเวลาผ่านไป จากการศึกษาและท้าทาย ได้ตกผลึกจนเข้าใจแก่นสารสาระแล้วนั้น นักศึกษาจอมขบถเหล่านี้ก็จะเริ่มประนีประนอม มีความคิดที่จะผสมผสานความรู้ของตนเข้ากับความเป็นจริง เพื่อพัฒนาให้เป็นแนวทางที่ดียิ่งขึ้นในภายภาคหน้าต่อไป
นักศึกษาจอมขบถเหล่านี้ จะมองว่าเป็นฅนฉลาดก็ใช่ จะมองว่าเป็นฅนโง่ก็ได้เหมือนกัน ด้วยว่าพวกเขานั้นเข้าใจความเป็นจริงได้ยาก และไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ จนกว่าจะรู้ได้อย่างถ่องแท้ ในความเห็นของฅนทั่วไป เรื่องเหล่านี้ไม่เห็นต้องถามเลย ก็น่าจะเข้าใจเองได้มิใช่หรือ แต่กระนั้นเราย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องเช่นนี้ไปมิได้ ในทุกยุคทุกสมัย ยังต้องพบเจอนักศึกษาจอมขบถเลือดใหม่เสมอ และผู้ที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็มิใช่ใครอื่นเลย ก็คือเหล่านักศึกษาจอมขบถรุ่นก่อนนั่นเอง
ท่านทั้งหลายอย่าได้กลัวนักศึกษาจอมขบถเลย วันหนึ่งเมื่อพวกเขาเหล่านั้นท้าทายและศึกษาจนถึงที่สุดแห่งความรู้แล้วไซร้ พวกเขานี่เองที่จะทุ่มเททั้งกายและใจ ในวิถีทางที่เขาเลือกอย่างแท้จริง ด้วยสายตาแห่งความรู้ในมุมมองที่ลึกซึ้งกว้างขวาง และพลังใจอันเต็มเปี่ยม ทว่าหากยังเหลือที่ยืนไว้ให้เขาเหล่านี้...
บางครา เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาถึง เราอาจต้องการความคิดแบบขบถบ้างก็เป็นได้...

20 เมษายน 2561

Easy Transposition - การเปลี่ยนคีย์เพลงอย่างง่าย

สวัสดีครับ บทความนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องที่ถูกถามมาบ่อยที่สุด คือ ถ้าเครื่องดนตรีที่เราเล่นไม่มีโน้ต #,b แล้วเราจะเล่นมันยังไง!? ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยว่า ไม่มีก็เล่นไม่ได้สิคร้าบ แต่... แต่เราสามารถเล่นเพลงนั้นได้ ด้วยการเปลี่ยนคีย์ให้อยู่ในคีย์ C ครับ ;)

เครื่องดนตรีแต่ละชนิดจะมีข้อจำกัดเรื่องโน้ตของมันอยู่ โดยเฉพาะเครื่องดนตรีพกพาที่ถูกกำหนดคีย์ตายตัวมาแล้ว อย่างเช่น ฮาร์โมนิก้า คาลิมบา ฯลฯ กระทั่งนักร้องเองแต่ละคนก็มีคีย์เสียงเฉพาะ ที่ใช้ร้องได้สบายที่สุด การเปลี่ยนคีย์จึงจำเป็น เพื่อให้สามารถเล่นเพลงนั้นๆได้หรือร่วมวงได้นั่นเอง เมื่อเปลี่ยนคีย์แล้ว เพลงที่เราเล่นก็ยังคงฟังเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้นแต่ความถี่เสียงที่เปลี่ยนไป เหมือนให้ผู้ชายร้องเพลงผู้หญิง หรือ ให้ผู้หญิงร้องเพลงผู้ชาย ประมาณนั้นล่ะครับ เอาล่ะ พล่ามเยอะแล้ว งั้นเราไปดูวิธีการเปลี่ยนคีย์อย่างง่ายๆกันเลยดีกว่าครับ

สำหรับเครื่องดนตรีที่ไม่มีโน้ต #,b ให้เปลี่ยนเพลงต้นฉบับเป็นคีย์ C ให้หมดทุกเพลง เทคนิคนี้ฮาร์โมนิก้าควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราเล่นเพลงนั้นๆด้วยฮาร์ปคีย์ C ได้แล้ว เมื่อจะเปลี่ยนคีย์ก็แค่เปลี่ยนฮาร์ปตามคีย์ที่ต้องการ ความถี่เสียงก็จะเปลี่ยนไปเองโดยที่เรายังคงเล่นช่องเดิมเหมือนเดิม

โอเค อันดับแรก ให้เราดูก่อนว่าเพลงต้นฉบับนั้นน่ะ มันเป็นคีย์อะไร ถ้าเป็นโน้ตสากลบรรทัดห้าเส้นก็ดูไม่ยาก แต่ถ้าเป็นโน้ตตัวอักษรหรือตัวเลข อันนี้ต้องใช้ความชำนาญสักหน่อย ลองจับหลักจากตารางคีย์นะครับ เมื่อเรามีโน้ตอยู่แล้วจะบอกได้ง่ายเลยว่าเพลงนั้นคีย์อะไร โดยใช้หลักจากทฤษฎีดนตรีนั่นเอง(ลองศึกษาเพิ่มเติมดูครับ)

การอ่านโน้ตตัวอักษรและตัวเลข
C=โด D=เร E=มี F=ฟา G=โซ,ซอล A=ลา B=ที
ด ร ม พ ฟ ซ ล ท ดํ
C D E F G A B C'
1 2 3 4 5 6 7 1'

http://www.howtosingsmarter.com/transposition-chart/

เอาเป็นว่าสมมติว่าเรารู้คีย์เพลงต้นฉบับแล้ว เราก็มาเทียบจากตารางข้างต้นกันเลยครับ หากเราต้องการเปลี่ยนจากคีย์ G เป็นคีย์ C ก็ให้เราดูเฉพาะช่องของคีย์ G และ คีย์ C ในตารางเท่านั้นครับ ช่องอื่นไม่ต้องไปสนใจตอนนี้ แล้วเทียบกันแบบช่องต่อช่องเลย โดยดูโน้ตในช่อง I ii iii IV V vi vii ของตารางคีย์ G เทียบกับตารางคีย์ C ถ้าเพลงต้นฉบับมีโน้ต G A B C D E F# G' เทียบกันช่องต่อช่องแบบนี้เลยครับ G=C A=D B=E etc.เรื่อยไปจนจบเพลง ซึ่งเมื่อแปลงเป็นคีย์ C เรียบร้อยแล้ว โน้ตก็จะเป็น C D E F G A B C' นั่นเอง(เทียบดูแบบในตารางเบลอ)
ตารางเบลอ เน้นคีย์ C และ G ให้เห็นชัดๆ เทียบช่องต่อช่อง


แบบฝึกหัด
ให้เปลี่ยนคีย์เพลง Ode to joy จากคีย์ G เป็นคีย์ C
B B C D D C B A G G A B B A A
(เฉลยข้างล่าง)

เฉลย
Ode to joy - Key C
E E F G G F E D C C D E E D D

แบบฝึกหัดสุดท้าย
อันนี้ไม่เฉลยนะครับ ให้ลองแปลงเองดูครับ
ให้เปลี่ยนคีย์เพลง Amazing Grace จากคีย์ G เป็นคีย์ C
D G B G B A G E D D G B G B A D' B D' B D' B G D E G G E D D G B G B A G

http://recordersupport.weebly.com/amazing-grace.html

การเปลี่ยนคีย์ด้วยตารางนี้ก็จะช่วยให้เปลี่ยนได้ง่ายๆ นำไปเล่นได้เลย สำหรับฮาร์โมินก้าก็สามารถใช้คีย์ที่ตรงกับเพลงมาเล่นโดยสมมติว่ามันเป็นคีย์ C ได้เลย ด้วยวิธีนี้ก็สามารถเล่นฮาร์ปได้ทั้ง 12 คีย์โดยจำโน้ตแค่คีย์ C เท่านั้นเอง และเมื่อเล่นรวมวงก็สามารถปรับเปลี่ยนคีย์ให้ตรงกันทั้งคอร์ดและทำนองได้แล้ว แต่ถ้าต้องการเข้าใจหลักการว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ให้ศึกษาทฤษฎีดนตรีเพิ่มเติมครับ จะสามารถเปลี่ยนคีย์ได้โดยไม่ต้องใช้ตาราง แค่เห็นโน้ตก็คำนวนได้เลยตามสูตรการสร้างบันไดเสียงนั่นเอง

หากได้ประโยชน์จากบทความนี้
แล้วอยากจะเลี้ยงน้ำชา ข้าวผัด หรือมอบสินน้ำใจเป็นค่าครู
สามารถสนับสนุนได้ที่

ธนาคารกรุงไทย
9090619704
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา

ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจนะครับ
ขอบคุณครับ🙏😇

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย รวมถึงสร้างความมึนงงพอสมควร(ฮา)
งั้นไว้เจอกันบทความหน้า
ขอให้มีความสุขกับการเล่นดนตรีนะครับ
สวัสดีครับ


แถม
บางครั้งเมื่อเราเจอโน้ต #,b แล้วเล่นมันไม่ได้(เพราะเครื่องที่เล่นไม่มี) ถ้าขี้เกียจเปลี่ยนคีย์บางครั้งนักดนตรีก็จะเล่นด้วยวิธีลักไก่ คือเล่นโน้ตอื่นมันซะเลย ใช้โน้ตแทน โน้ตอะไรก็ได้แถวๆนั้นแหละ หาโน้ตที่เล่นแทนแล้วฟังดูเข้าท่า เข้ากับเพลง หรือไม่เพี้ยนจนเกินไป การลักไก่นี้ไม่กำหนดตายตัวว่าต้องเป็นโน้ตไหน สูงต่ำ ไม่มีผิดถูก ขอแค่ให้เล่นแล้วลงตัวก็พอครับ หรือถ้าต้องการความแม่นยำแบบฟังเข้าแน่นอนก็ให้ใช้โน้ตที่เป็นเสียงฮาร์โมนิกของโน้ตนั้น หรือโน้ตในคอร์ดของท่อนนั้นมาสักตัวนึง ตรงนี้ก็ลองศึกษาทฤษฎีดนตรีเพิ่มเติมดูครับ

อ้างอิง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต