Sponsor

25 พฤศจิกายน 2566

เกลือ เสริมฮวงจุ้ย ขับไล่สิ่งอัปมงคล

Photo by monicore: https://www.pexels.com/photo/close-up-photo-of-himalayan-salt-2624400/

เกลือเป็นสิ่งที่ทุกบ้านน่าจะมีกันอยู่แล้ว และในหลายๆวัฒนธรรมทั่วโลกก็มีความเชื่อว่าเหลือสามารถขับไล่สิ่งอัปมงคลได้

หากอยู่ดีๆแล้วชีวิตมีปัญหา ดวงตกไม่ทราบสาเหตุ หรือเกิดจากสิ่งอัปมงคล เช่น เข้าใกล้คนเล่นของหรือโดนคนทำของใส่ หรือเข้าใกล้สถานที่ที่มีพลังงานลบมากๆ เช่น บริเวณที่กำลังเกิดอุบัติเหตุ, บ่อนการพนัน, หรือเขตที่กำลังก่อสร้างหรือต่อเติมผิดฤกษ์, ฯลฯ เนื่องจากการเข้าใกล้คนเล่นของหรือเข้าใกล้สถานที่ที่มีพลังงานลบมากๆอาจจะทำให้มีสิ่งไม่ดีติดตัวติดบ้านได้ ซึ่งอาจทำให้ดวงตกได้เลยถ้าไม่พกฮู้หรือเครื่องรางหรือสวดมนต์ป้องกันไว้

หากรู้สึกว่ามีพลังงานลบอยู่ในบ้าน ในการกำจัดพลังงานลบที่มองไม่เห็นเหล่านั้น:

ให้นำกระดาษแผ่นใหญ่พอประมาณ(กระดาษหนังสือพิมพ์)มาปูไว้บนพื้นบ้าน แล้วเทเกลือพูนๆไว้สักหย่อมนึง ทิ้งไว้ 1 คืน เช้ามาก็รวบกระดาษห่อเกลือนั้นไปทิ้ง เป็นอันเสร็จพิธี

ว่ากันว่า การใช้เกลือขับไล่สิ่งอัปมงคลด้วยวิธีนี้ให้พุทธคุณเกือบใกล้เคียงกับยันต์เจียงไท่กงเลยทีเดียว
บางสำนักบอกว่าสามารถนำเกลือใส่ถ้วยเล็กๆวางตามมุมบ้านไว้เป็นปีเลยก็ได้ อาจช่วยเรียกโชคลาภได้ด้วย

ยังมีการใช้เกลือขับไล่สิ่งอัปมงคลอีกวิธีหนึ่ง:
หากรู้สึกว่ามีพลังงานลบติดตัว ในการกำจัดพลังงานลบที่มองไม่เห็นเหล่านั้น เรียกกว่า การล้างซวย ทำวันไหนก็ได้ แต่มักแนะนำกันว่าควรทำในวันมงคล(ดูได้จากปฏิทินจีน) และทำช่วงกลางวันขณะที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ทำในห้องน้ำหรือกลางแจ้งก็ได้

นำน้ำสะอาดใส่ถังผสมเกลือเข้มข้นพอประมาณ(หรือ 3 กำมือ) คนให้เกลือละลาย (มักแนะนำกันว่าควร ท่องนะโมฯ 3 จบ บอกชื่อ-นามสกุล ยามวันเดือนปีเกิด ที่อยู่ปัจจุบัน แล้วอธิฐานขอพรและขอล้างซวย) จากนั้นตักน้ำเกลืออาบให้ทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า อาบช้าๆ ~3-5 นาที แล้วอาบน้ำต่อตามปกติ
จะแช่ตัวในอ่างน้ำเกลือก็ได้ หรือจะไปเล่นน้ำทะเลก็ได้ แต่ควรให้เปียกทั้งหัวจรดเท้า
ทำได้บ่อยตามต้องการ
*คนที่แพ้เกลือไม่ควรทำ

หากมีเรื่องผิดปรกติ หงุดหงิดง่ายพิกล น้อยเนื้อต่ำใจ จิตตก ดวงตก ที่รู้สึกแปลกๆ อึดอัดไม่ทราบสาเหตุ อะไรอะไรก็แย่ไปหมด หรืออะไรทำนองนี้ ให้ลองนึกถึงการใช้เกลือก่อนเป็นอันดับแรกได้เลย(เกลืออะไรก็ได้) บางพิธีก็มีการสาดเกลือไล่อัปมงคลเหมือนการสาดข้าวสารเสกเลยก็มี
การใช้เกลือเป็นเหมือนการเซ็ตซีโร่ ทั้งสิ่งดีและไม่ดี จะถูกขจัดออกไป หลังจากทำเสร็จจึงควรรับพลังดีๆเข้ามาทดแทน เช่น นั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระ อธิฐานขอสิ่งดีๆ ทำพิธีเสริมศิริมงคล ฯลฯ และควรเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดีอย่าเข้าใกล้ อย่าทำ หรืออย่ารับมาอีก ถ้ารับมาอีกก็ล้างอีก (บางสำนักเชื่อว่าเกลือไล่สิ่งร้ายและดึงดูดสิ่งดีได้)

การใช้เกลืออาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่เป็นวิธีขจัดพลังงานลบที่ทำได้ด้วยตัวเองที่ง่ายที่สุด

Photo by Monstera Production: https://www.pexels.com/photo/wooden-brush-with-bowl-of-salt-on-shabby-surface-6621190/

แถม

05 พฤศจิกายน 2566

5 วิธีปฏิบัติเพื่อเลี่ยงโชคร้าย

Photo by Miguel Á. Padriñán: https://www.pexels.com/photo/photo-of-maneki-neko-figurine-932263/

ทุกยุคทุกสมัยผู้คนพยายามค้นหาวิธีการรับโชคเลี่ยงเคราะห์กัยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยการดูดวง การทำนายทายทัก ถ้าหากคำทำนายบอกว่าดีก็ดีไป แต่ถ้าคำทำนายบอกว่าร้ายล่ะ เราก็ควรใส่ใจกับคำทำนายเหล่านั้นเป็นพิเศษ เพื่อทำเรื่องใหญ่ให้เล็ก ทำเรื่องเล็กให้หายไป หรือทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อช่วยให้ผ่านพ้นจากช่วงยากลำบากไปได้ด้วยดี
จากการศึกษาในสิ่งเหล่านี้ ข้อปฏิบัติทั้งหมด ไม่พ้น 5 ประการนี้ 
  1. ใช้หลักแห่งจิต คือการคิดบวก รักษาความสงบในจิตใจ เชื่อว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้น หากรู้ว่ากำลังจะเกิดเคราะห์กรรมก็ต้องเชื่อว่าเราสามารถรับมือหรือบรรเทามันได้ และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เช่น ผู้ป่วยควรจะคิดว่าเขาสามารถหายได้ และให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างเต็มที่ ถ้าตัวเขาเองคิดว่ายังไงก็ไม่หาย แพทย์และผู้ดูแลก็ต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่าเพื่อที่จะทำให้อาการดีขึ้น เพราะหลายครั้งคนเราก็ป่วยด้วยความคิดของตัวเอง การตั้งจิตให้ถูกต้อง มีทัศนคติที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งพื้นฐานในการบรรเทาเคราะห์กรรมต่างๆ
  2. ใช้หลักแห่งฟ้า คือตระหนักถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ออกไปไหนในเวลาเสี่ยง เช่น ไม่ออกจากบ้านในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงที่ดวงตก หรือหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่คาดว่าอาจจะเกิดอันตราย
  3. ใช้หลักแห่งดิน คือการตระหนักถึงสถานที่ที่เหมาะสม ไม่ไปในสถานที่ที่เสี่ยงอันตราย หรือสถานที่ที่กำลังเกิดอันตราย โดยเฉพาะในช่วงที่ดวงตกต้องระวังเป็นพิเศษ
  4. ใช้หลักแห่งคน คือการขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก เช่น การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง การใช้เทคโนโลยีช่วยทุ่นแรง หรือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้เครื่องราง การจัดฮวงจุ้ย การออกกำลังกาย การกินอาหารให้สมดุล การสวดมนต์ การอ่านหนังสือดีๆเพื่อรับคำแนะนำหรือกระตุ้นแรงบันดาลใจ ฯลฯ เป็นต้น
  5. ใช้หลักแห่งชี่ คือการเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงพลังงาน และพลังงานไม่ได้ดีหรือร้ายด้วยตัวตนเอง เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นก็คือพลังงานที่ไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสม และเราสามารถจัดการพลังงานภายนอกให้เหมาะสมได้ เช่น ถ้าคำทำนายบอกว่าต้องสูญเสียเงิน ก็ต้องระวังเรื่องการให้ยืมหรือการลงทุน เรียนรู้การทำรายรับรายจ่าย หรือไม่ก็ไปทำบุญบริจาคทาน เป็นการแปลงพลังงานที่อาจร้ายให้เรื่องที่ดีไปเลย หรือถ้าคำทำนายบอกว่าจะเลือกตกยางออก ก็ให้ไปบริจาคเลือด เป็นการแปลงพลังงานที่อาจร้ายให้เป็นบุญได้ เป็นต้น
ควรตระหนักไว้อยู่เสมอว่า "คำทำนาย" ไม่ใช่ "คำลิขิต" และตัวเราเองที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจในท้ายที่สุด ลองนำหลักการทั้ง 5 ประการนี้ไปวางแผนและปรับใช้กันดูนะครับ ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นและพบสิ่งดีๆดั่งใจปรารถนานะครับ

อ้างอิง

21 ตุลาคม 2566

ฮู้ ยันต์จีน - อักขระปัดเป่าเภทภัย เสริมดวงชะตา แก้ฮวงจุ้ย


บทความก่อนได้พูดถึงฮู้หรือยันต์จีนไป 2 อัน คือ กุ้ยนั่งฮู้เทพอุปถัมภ์ กับ จ้าวกงหมิงเทพแห่งโชคลาภสายบู๊ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ครั้งนี้ก็มาพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับฮู้ต่างๆไว้ในบทความนี้เลยละกันครับ

ฮู้ (符 จีนกลาง ฟู๋) แปลตรงตัวว่า เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ ใช้เป็นเครื่องหมายแทนสัญลักษณ์ของสิ่งศักสิทธิ์ สิ่งมงคล ซึ่งทำหน้าที่เหมือนยันต์ในภาษาไทย คำว่า ฮู้ จึงหมายถึง ยันต์จีน

ในสมัยโบราณนานไกล คนจีนเวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็จะใช้ฮู้กระดาษนี่แหละครับเป็นเครื่องรางหลัก ใช้พกติดตัวให้อุ่นใจ ป้องกันอันตราย เหมือนกับที่คนไทยนิยมคล้องพระเครื่องแบบนั้นเลยครับ จีนในสมัยนั้นเครื่องรางแบบอื่นๆอาจยังไม่มีหรือหายากเกินไป มีแต่ฮู้ และคนจีนเองให้ความสำคัญกับตัวอักขระมาก ยกย่องและเคารพตัวหนังสือและคัมภีร์ต่างๆ เชื่อว่าตัวอักษรมีพลังอำนาจ ฮู้จึงมักเป็นอักษรจีนที่เขียนในแบบต่างๆ
平安符
ฮู้คุ้มภัย
ฮู้มักเปิดยันต์ด้วยคำว่าว่า 勅令 ซึ่งแปลว่า บัญชาประกาศิต ประมาณว่าเป็นคำสั่งเด็ดขาดจากสวรรค์ (และยังมีคำเปิดยันต์อื่นๆอีกมากมาย) จากนั้นข้างล่างก็จะเขียนคำมงคลหรือคำประกาศขอให้เทพเจ้ามาพิทักษ์ช่วยเหลือ หรืออาจเป็นอักษรจีนแบบพิเศษหรือสัญลักษณ์พิเศษที่ไม่ใช่ภาษาก็ได้ ตามแต่ละชนิดของฮู้นั้นๆครับ บางแบบก็จะมีรูปภาพวาดมาด้วย
โดยจุดประสงค์ของฮู้นั้น หลักๆใช้เพื่อเสริมดวงชะตา, ปกป้องภยันตราย, ป้องกันคุณไสย, ไล่ผีหรือสิ่งอัปมงคล, รักษาโรคภัย, เรียกโชคลาภความสำเร็จ, ใช้ในการสอบ, แก้ฮวงจุ้ย, ฯลฯ
การใช้ฮู้ ก็อาจนำไปแปะไว้เหนือประตูหน้าต่าง, วางหรือแปะไว้หัวเตียง, สอดไว้ใต้หมอน, บูชาไว้บนหิ้งพระ, บูชาไว้บนพานหรือแท่นบูชาเทพ, ไว้ในลิ้นชักเก็บเงิน/โต๊ะทำงาน, ไว้ในรถ, พกติดตัว, แก้ฮวงจุ้ย(แปะในทิศที่โดนปะทะ), ฯลฯ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมในการใช้ บางฮู้หรือบางกรณีใช้เผาเอาเถ้าผสมน้ำดื่มหรืออาบหรือทำน้ำมนต์ก็มี บางฮู้ใช้เผาส่งให้เทพเจ้าก็มี

เอาล่ะ เรามาดูฮู้ที่น่าสนใจกัน ส่วนหน้าตาฮู้นั้นๆเป็นอย่างไรก็สามารถกดเข้าไปดูได้ที่ชื่อฮู้เลยครับ

  • 百解消災符 ฮู้แก้ชง ชื่อฮู้แปลว่า ยันต์ร้อยแก้ขจัดภัย เป็นฮู้ที่ใช้อย่างกว้างขวาง ช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆในชีวิต และป้องกันอุบัติภัย เช่น อุบัติเหตุ ภัยพิบัติ โจรกรรม โรคภัยไข้เจ็บ น้ำไฟ ความบาดหมางในครอบครัว ลางร้ายและข้อห้ามของดวงชะตาหรือฤกษ์ยาม(การชง) ร้อยเรื่องไร้ข้อห้าม(百無禁忌) ใช้แก้ฮวงจุ้ยสิ่งปะทะได้ เช่น บ้านอยู่ใกล้ทางสามแพร่ง สันโค้ง ตรงจั่วแหลม เหล็กแหลม มุมแหลม ฯลฯ แต่สำหรับการแก้ฮวงจุ้ยบ้านเหล่านี้นิยมใช้กระจกนูนร่วมกับน้ำเต้าใหญ่มากกว่า หรือ 山海鎮 ยันต์น้ำภูเขา
  • 轟斬陰邪妖魔符 ฮู้ปัดเป่า ชื่อฮู้แปลว่า ยันต์พิฆาตพลังงานมืดภูติผีปิศาจ เป็นฮู้ที่ช่วยป้องกันภัยจากสิ่งอัปมงคล และสิ่งชั่วร้าย เช่น วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจ สิ่งเร้นลับ และคุณไสยมนต์ดำ ใช้แก้ฮวงจุ้ยพลังงานลบได้ เช่น บ้านอยู่ใกล้ศาลเจ้า วัด สุสาน โรงพยาบาล บ้านร้าง ฯลฯ แต่สำหรับการแก้ฮวงจุ้ยบ้านเหล่านี้นิยมใช้กระจกนูนร่วมกับน้ำเต้าใหญ่มากกว่า หรือ 山海鎮 ยันต์น้ำภูเขา
  • 觀音佛祖招財符 ฮู้เจ้าแม่กวนอิมนำโชค เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตาที่ทุกคนรู้จักกันดี ช่วยปัดเป่าเภทภัย เสริมโชคลาภ ความสุข สุขภาพแข็งแรง ธุรกิจการค้าเจริญมั่งคั่ง ขอพรสมหวัง
    • มนต์พระแม่กวนอิม : ॐ मणि पद्मे हूँ : 唵嘛呢叭咪吽 : โอม มณี ปัทฺเม หูม
  • 关公斩妖灭鬼符 ฮู้เจ้าพ่อกวนอู ชื่อฮู้แปลว่า ยันต์เจ้าพระยากวนอูปราบปิศาจปรามภูตผี ช่วยคุ้มครอง ปกปักรักษา ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และท่านเป็นหนึ่งในเทพแห่งทรัพย์สิน จึงช่วยในเรื่องโชคลาภ การค้าขาย ธุรกิจการลงทุน เสริมอำนาจวาสนาบารมี การเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และการคุมบริวาร เหมาะสำหรับพ่อค้านักลงทุน ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง เพื่อให้ร่ำรวยจากรางวัลพิเศษหรือได้ยศฐาบรรดาศักดิ์จากการทำงานอย่างสุจริต
  • 趙光明招旺財符 ฮู้จ้าวกวงหมิงมหาโชค ช่วยเรียกโชคลาภเงินทอง และทำให้เก็บเงินอยู่ ป้องกันการโดนโกง อ่านรายละเอียดในบทความ จ้าวกงหมิง(趙公明) - เทพแห่งทรัพย์สินสายบู๊ผู้พิทักษ์ทรัพย์
  • 五路財神招財符 เทพแห่งทรัพย์สินห้าทิศทางเรียกทรัพย์ เป็นทีมเทพโชคลาภที่ผู้คนนิยมบูชากันมากที่สุด โดยมีจ้าวกงหมิงเป็นหัวหน้าทีม ให้คุณด้านโชคลาภเงินทอง การค้า การลงทุน อ่านรายละเอียดส่วนแถมในบทความ จ้าวกงหมิง(趙公明) - เทพแห่งทรัพย์สินสายบู๊ผู้พิทักษ์ทรัพย์
  • 八路財神符 เทพแห่งทรัพย์สินแปดทิศทาง รวมทีมเทพโชคลาภประจำทั้ง 8 ทิศ มีเทพทั้ง 4 ทิศหลักเหมือนกัน(ไม่นับเจ้ากงหมิงที่อยู่ตรงกลาง) เพิ่มทิศเฉียงมาอีก 4 องค์ คือ หานซิ่น(韓信爺) เทพแห่งนักพนัน(大賭神 ในที่นี้หมายถึงการเก็บสถิติความน่าจะเป็น) ตะวันออกเฉียงใต้, เสินว่านซาน(沈萬山) เทพแห่งนักธุรกิจ(金財神) ตะวันออกเฉียงเหนือ, หลิวไห่(劉海) เทพแห่งลาภลอย(偏財神) ตะวันตกเฉียงใต้, และ เถาจูกง(陶朱公) เทพแห่งการค้า(文財神 เทพโชคลาภสายบุ๋น) ตะวันตกเฉียงเหนือ ไปมาแปดทิศพบแต่ความมั่งคั่ง ให้คุณด้านการค้า โชคลาภ ลาภลอย การเงิน ความร่ำรวย
  • 買賣興隆符 ฮู้โชคลาภขายดี เสริมโชคทางการค้า การธุรกิจ ให้ขายดีมีลูกค้า กิจการเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มั่งคั่ง
  • 五方福德運財符 ฮู้ภูมิเทวดา ชื่อฮู้แปลว่า ยันต์เทพฟู่เต๋อห้าทิศนำโชค เป็นฮู้ถูตี่กง เจ้าที่เจ้าทางประจำท้องถิ่นต่างๆ ช่วยอำนวยพรให้การค้าเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่งร่ำรวย คุ้มครองผู้เดินทางให้แคล้วคลาด จะเดินทางไปเจรจาการค้าสิ่งใด ย่อมสมปรารถนา มีเงินมีทองและประสบผลสำเร็จ
  • 太歲符 ฮู้คุ้มครองดวงชะตา ฮู้ไท่ส่วย ฮู้นี้เป็นพระมารดาของไท่ส่วยทั้ง 60 องค์ ใช้คุ้มครองดวงชะตา อวยพรวาสนา สืบต่ออายุ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย แก้ดวงตก ช่วยให้ดวงดีขึ้น แก้ปีชง
  • 太上老君旺財符 ฮู้ไท่ซ่างเหล่าจวินเรืองทรัพย์ ไท่ซ่างเหล่าจวินเป็นอีกพระนามหนึ่งของท่านเหล่าจื่อผู้รจนาคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงนั่นเอง ถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาเต๋า การบูชาท่านจะช่วยปัดเป่าเภทภัย แก้ชง อวยพร ให้มีโชคลาภ มีปัญญา สุขภาพแข็งแรงอายุยืน คุ้มครองดวงชะตาในทุกๆด้าน
  • 藥王治病符 ฮู้หมอยา ใช้ปัดเป่าโรคภัย ช่วยคุ้มครองและอวยพรให้หายป่วย แข็งแรง ไร้โรคาพยาธิ ให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ป่วยต่อสู้กับอาการป่วยให้หายดี
  • 延壽吉祥符 ฮู้อายุวัฒนะ ใช้อวยพรให้มีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคภัย มีอายุยืนนาน และจิตใจเบิกบาน เหมาะแก่การให้กับผู้อาวุโสเพื่ออวยพร
  • 文昌符 ฮู้เทพปัญญา ฮู้นี้คือเทพเหวินชางตี้จวิน เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา วิชาการ การสอบ ชิงทุน งานเขียน และการสอบตำแหน่งข้าราชการ ครู ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการศึกษา การสอบ และหน้าที่การงาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องไปสอบแข่งขัน
  • 姻緣符 ฮู้รักสมหวัง ชื่อฮู้แปลว่า ฮู้วิวาร์ ซึ่งก็คือเทพเย่ว์เหล่า(月老) หรือผู้เฒ่าจันทรา ซึ่งเป็นกามเทพของจีน ท่านจะมีสมุดบันทึกรายชื่อของผู้ที่เป็นเนื้อคู่ และจะนำด้ายแดงผูกให้ทั้งคู่พบรักกัน ฮู้นี้ควรพกติดตัว จะช่วยให้เจอเนื้อคู่ ถ้ามีคู่แล้วก็จะทำให้รักกันตราบนานเท่านาน
  • 貴人扶持符 ฮู้เมตตามหานิยม ชื่อฮู้นี้แปลว่า ยันต์ผู้สูงศักดิ์ค้ำชู ใช้ขอให้มีผู้ใหญ่มาอุปถัมภ์ในชีวิตและหน้าที่การงาน ไปไหนมาไหนก็เจอแต่คนดีคอยช่วยเหลือเกื้อกูล อ่านรายละเอียดในบทความ กุ้ยนั่งฮู้(貴人符) - ฮู้เทพอุปถัมภ์ เมตตามหานิยม
  • 合家平安符 ฮู้อยู่เย็นเป็นสุข ชื่อฮู้แปลว่า ยันต์บ้านกลมเกลียวสงบสุข ช่วยในด้านความสุขความเจริญกับทุกคนในครอบครัว รวมถึงด้าน สุขภาพ โชคลาภ การค้า ตรงกลางฮู้มีคำว่า 麒麟在此 แปลว่า กิเลนยู่ที่นี่ ซึ่งกิเลนเป็นสัตว์เทพที่มีความเมตตา ช่วยคุ้มครองในบ้านและป้องกันอัคคีภัย ทำให้บ้านสงบสุข และหากเจ้าของมีจิตใจดีกิเลนจะรักใคร่ ช่วยออกไปนำเงินนำทองมาให้
  • 五鬼運財符 ฮู้ห้าภูตนำโชค ฮู้นี้เป็นสายหยิน(สายมืด สายนรก) สายนี้มักช่วยเรื่องลาภลอย, เสี่ยงโชค, เกร็งกำไร, หวย, พนัน, ฯลฯ ห้าภูตแต่ละตนจะเป็นสีของธาตุทั้งห้า(เขียว แดง เหลือง ขาว และดำ) ซึ่งถูกเจียงไท่กงบัญชาให้ทำความดีเพื่อชดเชยความผิดที่เคยก่อไว้ บางแบบจะมีเทพจงขุย(鍾馗)มาด้วย ซึ่งเป็นหัวหน้าของห้าภูตนี้ ท่านมีภูตผีเป็นทหารอยู่ในสังกัดกว่าสามพันตน ซึ่งมีห้าภูตเป็นบริวาร ท่านเป็นกึ่งเทพกึ่งปิศาจ เป็นหัวหน้าแห่งภูติผีทั้งปวง ช่วยป้องกันและขับไล่ภูติผีปิศาจได้
  • 大二爺伯 ตั่วยี่แปะ หรือ ต้าเอ้อเย๋ป๋อ รู้จักกันในชื่อ ลุง 7 ลุง 8 หรือยมทูตขาวยมทูตดำ เป็นเทพเจ้าสายนรก ให้คุณเกี่ยวกับลาภลอย, หวย, พนัน, ฯลฯ, และขับไล่ภูตผีปีศาจ ยมทูตขาวเป็นเจ้าหน้าที่รับวิญญาณผู้เสียชีวิตโดยทั่วไป ส่วนยมทูตดำเป็นเจ้าหน้าที่จับวิญญาณผู้เสียชีวิตที่ทำกรรมชั่วไว้มาก และนำดวงวิญญาณไปพิพากษา หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วลุง 1 ถึงลุง 6 ล่ะ? ลุง 1 ถึงลุง 6 นั้นประจำการอยู่ในนรกภูมิ ไม่ได้มีหน้าที่ออกมาบนโลกมนุษย์เหมือนลุง 7 ลุง 8
  • 山海鎮 ซานไห่เจิ้น ยันต์น้ำภูเขา เป็นยันต์ชั้นสูงของฮวงจุ้ย ใช้ติดภายนอกบ้าน แก้ฮวงจุ้ยสิ่งปะทะและสิ่งชั่วร้ายได้ทุกรูปแบบ ปรับสมดุลบ้าน ป้องกันสิ่งชั่วร้าย นำพาโชคลาภ อ่านรายละเอียดในบทความ ซานไห่เจิ้น 山海鎮 - ยันต์น้ำภูเขา(มหามงคล)
  • 四大天王符 ยันต์ท้าวจตุโลกบาล หรือ จาตุมหาราชิกา นิยมติดแถวประตูทางเข้าตัวบ้าน เพื่อให้ปกป้องคุ้มครอง เรียกทรัพย์ ป้องกันสิ่งไม่ดีเข้าบ้าน และมีสี่เทพเจ้าคอยคุ้มครอง คือ 多聞天王 ตัวเหวินเทียนหวาง หรือ ท้าวเวสสุวรรณ (ถือร่ม) ประจำทิศเหนือ, 增長天王 เจิงจ่างเทียนหวาง หรือ ท้าววิรุฬหก (ถือดาบ) ประจำทิศใต้, 持國天王 ฉือกว๋อเทียนหวาง หรือ ท้าวธตรฐม (ถือพิณ) ประจำทิศตะวันออก, และ 廣目天王 กว่างมู่เทียนหวาง หรือ ท้าววิรูปักษ์ (ถืองู) ประจำทิศตะวันตก
  • ยันต์พญาเต่าเรือน ยันต์นี้คนไทยน่าจะคุ้นชื่อกันดี เพราะเป็นยันต์ของไทย มีที่มาจากนิทานชาดก ทางจีนเองก็เชื่อเรื่องเต่าที่เป็นสัตว์เทพด้วย เช่น เต่ามังกร เป็นต้น ยันต์พญาเต่าเรือนมีพุทธคุณกว้างขวาง เป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ช่วยเสริมโชคลาภ การค้าขาย แก้คดีความ แก้คนนินทาว่าร้าย เป็นเมตตามหานิยม ถูกนำไปใช้ทั้งสายสว่างและสายมืด
    • คาถาพญาเต่าเรือน : นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ
  • 姜太公神 เทพเจ้าเจียงไท่กง เดิมท่านเป็นแม่ทัพผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์โจว และเป็นผู้บัญชาแต่งตั้งตำแหน่งให้กับเทพเจ้าทั้งหลาย แต่ลืมแต่งตั้งให้ตัวเอง จนกลายเป็นเจ้าไม่มีศาล เทพทั้งหลายเห็นถึงคุณธรรมของท่านจึงตกลงกันว่าให้ทุกที่ที่ท่านไปเป็นศาลเจ้าสำหรับท่าน ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด เทพเจ้าหรือภูตผีปีศาจทั้งหลายต้องหลีกทางให้ท่านได้พำนัก เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้เทพเจ้าแต่ละองค์ละเลยหน้าที่ของตน และไม่อนุญาตให้เทพเจ้าและผีชั่วร้ายบางตนกระทำการตามอำเภอใจ จึงมีคำกล่าวว่า 太公在此 百無禁忌 ไท่กงอยู่ที่นี่ ทำการใดไร้ข้อห้าม คือ ไม่มีชง ไม่ผิดผี ไม่ผิดเทพ เพราะเทพทั้งหลายหลีกทางให้แล้ว ฮู้เจียงไท่กงนิยมพกหรือติดไว้เมื่อทำกิจกรรมที่อาจจะหรือจำเป็นต้องละเมิดการชง ช่วยแก้ชงดวงชะตา; ฤกษ์ยาม; ทิศทาง; ฯลฯ ไปงานศพดวงไม่ตก กระทำการสิ่งใดก็ปราศจากอุปสรรค ประสบผลสำเร็จได้โดยราบรื่น ขจัดอัปมงคล เจียงไท่กงอยู่ที่ใด การชงจะหมดไปจากที่นั่น ใช้แก้ฮวงจุ้ยได้ ช่วยคุมพลังงาน เป็นฮู้ที่ใช้บ่อยที่สุด สำหรับบ้านมักใช้เป็นยันต์กระจกเจียงไท่กง
  • 灶君 เทพเจ้าเตาไฟ เป็นเทพที่อวยพรให้ครอบครัวอุดมสมบูรณ์ กินดีอยู่ดี ไม่ขาดแคลนอาหารการกิน ได้กินอาหารที่สมดุลห้าธาตุ ระบบการย่อยดี สุขภาพแข็งแรง เงินทองไม่ขาดมือ ใช้แก้ฮวงจุ้ยห้องครัวได้ เช่น ถ้าเตาไฟตั้งผิดหลักฮวงจุ้ย ให้ติดฮู้เจ้าเตาไว้เหนือเตาไฟ ส่วนคนที่ขายของกิน(อะไรก็ตามที่กินได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ขนม น้ำดื่ม ผักผลไม้ ข้าวสารอาหารแห้ง วัตถุดิบในการทำอาหาร ฯลฯ)ควรพกติดตัว ช่วยเสริมให้ค้าขายคล่อง
  • 車公廟 แชกงหมิว หรือ เชอกงเมี่ยว ในสำเนียงจีนกลาง เดิมท่านเป็นแม่ทัพผู้ไร้พ่ายในสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้คนจึงยกย่องให้ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จมีชัยชนะเหนืออุปสรรคทั้งปวง มีศาลเจ้าของท่านอยู่ที่ฮ่องกง ผู้คนนิยมไปกราบไหว้ คนไทยเรียกกันว่าวัดกังหัน ให้พรในเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน ธุรกิจ โชคลาภ ความสำเร็จ เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี นอกจากฮู้แล้วก็มีแบบแผ่นทองแชกงหมิวด้วย สัญลักษณ์ประจำตัวของท่านคือ กังหัน 4 ใบพัด ซึ่งท่านมักนำติดตัวทุกครั้งที่ออกศึก ความหมายของใบพัดแต่ละใบ คือ
    • ใบที่ 1 เดินทางปลอดภัย
    • ใบที่ 2 สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว
    • ใบที่ 3 โชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา
    • ใบที่ 4 คิดหวังสิ่งใดสมปรารถนาทุกประการ
  • 玉皇上帝 อวี้หวงซ่างตี้ หรือ เง็กเซียนฮ่องเต้ หรือ ทีกง(天公 เทียนกง ปู่ฟ้า เป็นการเรียกแบบใกล้ชิดเสมอญาติ) เป็นเทพผู้ใหญ่ในสวรรค์ ผู้ดลบันดาลทุกอย่างบนโลก ทั้งธรรมชาติ ดวงชะตา และความเป็นไปของมนุษย์ อวยพรให้มีความสุขความเจริญ เดินทางปลอดภัย เทพเจ้าทั้งปวงคุ้มครอง ใช้แก้ฮวงจุ้ยบ้านได้ ช่วยควบคุมพลังงานร้ายในบ้าน โดยเฉพาะดาว 5 ภูติที่ให้โทษ
    • หากต้องการไหว้ท่านที่ศาลเจ้า ส่วนมากแท่นบูชาเทียนกงจะอยู่หน้าศาลเจ้า โดยจะมีป้ายภาษาจีนว่า 天官賜福(เทียนกวนซื่อฝู๋) หรือ 天地父母(เทียนตี้ฟู้หมู่) หรือป้ายภาษาไทยว่า ฟ้าดิน ซึ่งตามธรรมเนียมก่อนที่จะทำการบูชาเทพเจ้าองค์อื่นในศาลเจ้าต้องบูชาเทียนกงเป็นอันดับแรกเพื่อเป็นการให้เกียรติ และเปิดทางฟ้าดินเพื่อขอพร
  • 九尾狐 นางพญาจิ้งจอกเก้าหาง ช่วยเสริมเสน่ห์ให้คนรักใคร่หลงใหล บูชาได้ทั้งหญิงและชาย เหมาะสำหรับคนค้าขาย ทำให้ลูกค้าชอบพอและกลับมาซื้อซ้ำ โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ความสวยความงาม หรือเรื่องเพศ นอกจากฮู้แล้ว แบบแผ่นทองจิ้งจอกเก้าหางก็มี
  • 緑度母 ลวี่ตู้หมู่ พระแม่ตาราเขียว เป็นพระโพธิสัตว์ที่ชาวทิเบตนับถือกันมาก เชื่อกันว่าหากสวดบูชาจะปราศจากอุปสรรค ป้องกันสิ่งชั่วร้าย โชคร้าย ภัยพิบัติ ข้ามพ้นความทุกข์ มีความมั่งคั่งและอายุยืนยาว ขอบุตรได้บุตร ขอบุตรีได้บุตรี ขอทรัพย์ได้ทรัพย์ คิดสิ่งใดสมปรารถนา บรรลุผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว อานิสงส์เหลือคณานับ
    • มนต์พระแม่ตารา : ॐ तारे तुत्तरे तुरे स्वाहा : 嗡 答列 都答列 都列 梭哈 : โอม ตาเร ตุตตาเร ตุเร สฺวาหา
  • श्री सम्पूर्ण यन्त्रम् (Shree Sampoorna Yantra) ศรี สัมปูรณา ยันตรา (สัมปูรณา แปลว่า สมบูรณ์) ยันต์นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งยันต์ของฮินดูทั้งปวง เป็นยันต์ที่มีพลังสูงมาก ซึ่งรวม 13 ยันต์ไว้ในอันเดียว โดยมียันต์พระแม่ลักษมีเป็นประธานอยู่ตรงกลาง ช่วยขจัดปัญหาทางโลกทั้งหมดและช่วยให้สมปราถนา เสริมสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ สมาธิ และพลังทางจิตวิญญาณ ประทานความมั่งคั่ง ความงาม ขจัดอุปสรรค ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ได้รับชื่อเสียง อำนาจ การงาน การเงินที่มั่นคง ความสำเร็จในอาชีพ ความสงบสุข และความกลมเกลียว ปกติยันต์ฮินดูมักจะเป็นรูปเคารพ แต่ก็มีที่เป็นอักขระยันต์แบบนี้
  • श्री सम्पूर्ण कालसर्प यन्त्रम् (Shree Sampoorana Kaalsarp Yantra) ศรี สัมปูรณา กาลเษป ยันตรา เป็นยันต์ที่มีรูปงูกาลเษปขดเป็นยันต์อยู่ตรงกลาง รวม 13 ยันต์ เสริมความกล้าหาญ ป้องกันสิ่งชั่วร้าย ขจัดโรคภัย แก้ชงกาลเษปในจักราศี
  • श्री नवग्रहयन्त्रम् (Sri NavagrahaYantra) ศรี นวคระหะยันตรา หรือ ยันต์ดาวนวเคราะห์ ใช้เสริมดวงชะตา รวม 9 ยันต์ ดาวนวเคราะห์ทั้ง 9 ของฮินดู (ซึ่งตรงกับ 九皇大帝 จิ่วหวงต้าตี้ ของพุทธมหายานจีน) คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ เป็นที่รู้กันว่าในดวงเกิดของแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องของดาวเคราะห์ในดวงชะตาอยู่บ้างเป็นธรรมดา และดาวเคราะห์ก็โคจรเปลี่ยนตำแหน่งดีร้ายอยู่ตลอดเวลา ยันต์นี้จะช่วยหนุนดวงชะตา ให้ดวงขึ้น ไม่ตกอับ บรรเทาผลของดาวเคราะห์ที่ให้โทษ ให้ดาวนวเคราะห์คุ้มครอง พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย มีโชคลาภ บังเกิดมงคล ความสุขสวัสดิ์
  • श्री सम्पूर्ण सर्व कष्ट निवारण यन्त्रम् (Shree Sampoorna Sarv Kasht Nivaran Yantra) ศรี สัมปูรณา สรรพ กัษฏะ นิวารัน ยันตรา ชื่อยันต์แปลว่า ยันต์บรรเทาความทุกข์ยากทั้งปวง รวม 16 ยันต์ ขจัดปัญหาทั้งหมดในชีวิต ทำให้อาชีพและธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ปกป้องผู้บูชาจากพลังงานลบ ขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางงานมงคลหรืองานครอบครัว
  • श्री सम्पूर्ण व्यापारवृद्धि यन्त्रम् (Shree Sampoorna VyapaarVriddhi Yantra) ศรี สัมปูรณา วยาปาร์วริทธี ยันตรา ยันต์ค้าขายร่ำรวย ขจัดอุปสรรคทางธุรกิจ พลิกฟื้นธุรกิจ ช่วยให้มีกำไร กิจการเจริญรุ่งเรือง
  • 南斗星君,北斗星君 หนานโต่วซิงจวิน,เป่ยโต่วซิงจวิน หรือที่คนไทยเรียกว่า หน่ำเต้าแชกุง, ปักเต้าแชกุง บูชาเป็นคู่ย่อมดี หน่ำเต้าแชกุนเป็นเทพประจำดาวกระบวยใต้(กลุ่มดาวหมีเล็ก)มีหน้าขาว ปักเต้าแชกุนเป็นเทพประจำดาวกระบวยเหนือ(กลุ่มดาวหมีใหญ่)มีหน้าดำ เทพหน่ำเต้าฯถือบัญชีเกิด เทพปักเต้าฯถือบัญชีตาย คุมดวงชะตาของมนุษย์บนโลก ช่วยขจัดอุปสรรค เคราะห์ร้าย โรคภัย ขอให้อายุยืนสุขภาพดี(ต้องขอเทพหน่ำเต้าฯผู้ถือบัญชีเกิด ให้เจ้าตัวขอเอง กลุ่มดาวนี้มี 6 ดวง ไหว้บูชาต้องจุดธูป 6 ดอก) และขอต่ออายุขัย(ต้องขอกับเทพปักเต้าฯผู้ถือบัญชีตาย ให้เจ้าตัวขอเอง กลุ่มดาวนี้มี 9 ดวง แต่มองเห็นเพียง 7 ดวง ไหว้บูชาต้องจุดธูป 7 ดอก) ในการขอต่ออายุควรให้เจ้าตัวขอเอง เพราะเชื่อกันว่าถ้าขอเทพปักเต้าฯต่ออายุให้คนอื่นจะอายุสั้นเอง ถือว่าเป็นการยกอายุตัวเองให้ หากต้องการทำพิธีต่ออายุสำหรับผู้ที่ป่วยหนักใกล้ตายหมดทางเยียวยารักษาต้องให้ซินแซผู้รู้ทำให้ (ในการทำพิธีต่ออายุ ต้องจุดตะเกียง 7 หรือ 9 ดวงและกินเจตลอด 7 วัน 7 คืน อุปกรณ์และรายละเอียดมีอีกมาก ถ้าสนใจลองอ่านเรื่องพิธีต่ออายุ) ตอนขงเบ้งทำพิธีต่ออายุก็บูชาต่อเทพปักเต้าฯนี่แหละครับ ใช้แก้ฮวงจุ้ยบ้านได้ ให้ไว้บนหิ้งพระ ช่วยควบคุมพลังงานในบ้าน
    • มีเรื่องเล่านึงที่น่าสนใจ มีนักพรตคนหนึ่งได้บอกให้เตียหงัน เด็กหนุ่มที่อีก 2 วันจะอายุครบ 19 ปี ซึ่งเป็นวันถึงฆาตร ให้นำเนื้อและสุราไปให้ชายชราสองคนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินเขาในตอนเที่ยง เมื่อนำไปให้และหลังจากชายชราทั้งสองกินของที่ให้เสร็จแล้ว เตียหงันจึงขอร้องให้ชายชราช่วยต่ออายุ ชายชราทั้งสองก็ปรึกษากันว่า เราได้กินของเค้าไปแล้ว ชายชราคนหนึ่งเลยเอาบัญชีคนตายออกมาแก้เลข 1 เป็นเลข 9 ทำให้เตียหงันอยู่ต่อมาได้ถึง 99 ปี แล้วชายชราก็บอกว่าห้ามเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แล้วทั้งสองก็แปลงเป็นนกกระเรียนบินหายไป ชายชราทั้งสองท่านนั้นคือหน่ำเต้าแชกุนและปักเต้าแชกุนนั่นเอง
  • ยันต์ฟ้าประทานพร เซียนแปะโรงสี เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ นิยมอย่างยิ่งในผู้ที่ทำมาค้าขายและผู้ที่ประสบปัญหาหนี้สิน ช่วยเสริมโชค ลาภ เงิน ทอง การค้า ความสำเร็จ เสริมดวง แก้ฮวงจุ้ย ป้องกันโชคร้าย ภยัตราย ปลดหนี้สิน แบบแผ่นทองยันต์ฟ้าประทานพรก็มี (อ่านรายละเอียดยันต์ฟ้าประทานพร) สามารถรับผ้ายันต์ฟ้าประทานพรและรูปเซียนแปะได้ฟรีที่ ศาลานที ทองศิริ เซียนแปะ วัดมะขาม ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
  • 鬥戰勝佛 โต้วจ้านเซิ่งฝ๋อ เทพเจ้าเห้งเจีย ชื่อภาษาจีนแปลว่า พระแห่งชัยชนะในการสู้รบ หรือ ยุทธวิชัยพุทธะ ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งของ เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง จากเรื่องไซอิ๋วนั่นเอง หรือที่คนไทยเรียกท่านว่า ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว(大聖佛祖 ต้าเซิ่งฝ๋อจู่), เจ้าพ่อเห้งเจีย, เทพเจ้าเห้งเจีย, อากงเห้งเจีย เป็นต้น ก็แล้วแต่จะเรียกขานตามความคุ้นเคย ช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสติปัญญาเป็นเลิศ เฉลียวฉลาด รอบรู้ รอบคอบ ปฏิภาณไหวพริบและความกล้าหาญ หาหนทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้เสมอ เปลี่ยนร้ายกลายดี ใช้แก้ฮวงจุ้ยบ้านได้ สามารถขอพรได้ทุกเรื่อง แต่ห้ามบน ให้ขออย่างเดียว ท่านเป็นเทพ ไม่ต้องบนบาน ท่านยินดีเมตตาช่วยเหลือถ้าคนนั้นเป็นคนดี ขอเรื่องดี เคล็ดลับในการขอ คือ ให้จ้องตาของอากงเห้งเจีย ทำสมาธิพร้อมเรียกชื่อของท่านในใจไปเรื่อยๆ("อากงเห้งเจีย อากงเห้งเจีย ...ๆ" หรือชื่ออื่นๆของท่านที่ตนคุ้นเคย)จนกว่าจะเชื่อมต่อกับท่านได้(รู้สึกขนลุกซาบซ่าน) แล้วจึงขอในเรื่องที่ต้องการแค่ครั้งละหนึ่งเรื่อง จากนั้นให้ขอบคุณท่านที่ช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จ แล้วรีบกลับไปเตรียมหรือทำเรื่องที่ขอให้เร็วที่สุด ถ้าต้องการบูชาท่านให้บูชาด้วยอาหารเจ ผลไม้ ทำบุญถวายท่านด้วยการกินเจ
  • कलश Kalasha หม้อกลัศ หม้อแห่งความอุดมสมบูรณ์ แหล่งกำเนิดชีวิต และภูมิปัญญา ภายในบรรจุน้ำอมฤตและทรัพย์สินมีค่าเอาไว้มากมาย หม้อกลัศ(กะ-ลัด)เป็นตัวแทนขององค์เทพทั้งปวง เป็นวัตถุมงคลในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งหากไม่มีรูปองค์เทพก็สามารถใช้หม้อกลัศแทนองค์เทพใดก็ได้ ชาวพุทธรับมาเป็นหนึ่งในอัษฏมงคล(สัญลักษณ์มงคล 8 ประการ 八吉祥 ปาจี๋เซี๋ยง) เรียกว่า โถรัตนะ(แจกันสมบัติ 寶瓶 เป่าผิง) ซึ่งบรรจุทรัพย์สินมีค่า หยิบไปก็ไม่พร่อง เปรียบเป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล ความอุดมสมบูรณ์ และโชคลาภ แต่ในแบบของพุทธอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไป
  • 九天娘娘 กิวเทียนเนี่ยเนี้ย หรือ จิ่วเทียนเหนียงเหนียง ในภาษาจีนกลาง แปลว่า พระแม่สวรรค์ชั้นเก้า หรือรู้จักในนาม 九天玄女 จิ่วเทียนเสวียนหนี่ว์ เป็นเทพสตรีที่ได้รับความเคารพในลัทธิเต๋า เป็นเทพโบราณจีน ตามตำนานโบราณระบุว่า ท่านได้ให้คำแนะนำฮ่องเต้หวงตี้ในการรบ ด้วยระบบห้าธาตุแปดทิศและค่ายกล จนชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าถึงร้อยเท่าได้ และยังทรงเป็นเทพผู้ประทานบุตรแก่นางเจียนตี๋ให้กำเนิดเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาง เทพจิ่วเทียนฯเป็นเทพแห่งความรู้ วิชาการ ศาสตร์การทำทาย และพิชัยสงคราม ช่วยให้ร่มเย็นเป็นใหญ่ไร้ศัตรู ชนะอุปสรรค เปลี่ยนร้ายกลายดี แก้ดวงตก ต่อชะตาชีวิต(สำหรับคนชะตาขาด พกฮู้ท่านติดตัว อย่างน้อยต้องกินเจทุกวันพระ ต่ออายุได้ อย่างมากไม่เกิน 10 ปี) แก้โรคภัย ช่วยเปิดตาที่สาม ทำให้คาดเดาอนาคตได้แม่นยำมากขึ้น เหมาะมากสำหรับอาชีพที่ต้องใช้การพยากรณ์ เช่น เปิดไพ่ดูดวง ทำนายชะตา เทรดหุ้น ฯลฯ หรืออะไรที่ต้องใช้การคาดการณ์ จะช่วยให้แม่นยำขึ้น เทพจิ่วเทียนฯชอบคนทำบุญ ถ้าบูชาท่านต้องหมั่นทำบุญไหว้พระ
    • บทสวดรำลึกเทพจิ่วเทียนฯ : 南無九天玄女慈悲救世大慈尊 (三稱) : นำ มอ จิ่ว เทียน เสวียน หนี่ว์ ฉื่อ เปย จิ้ว ซื่อ ต้า ฉื่อ จุน (3 จบ); แปลว่า : ขอนอบน้อมแด่จิ่วเทียนเสวียนหนี่ว์ ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา อันทรงด้วยมหาเมตตากรุณาต่อโลก (3 จบ)
  • พระอมิตาภพุทธ เป็นพระพุทธเจ้าในกาลก่อนองค์หนึ่งของมหายานที่ยังคงอยู่ ณ แดนสุขาวดี เพื่อเทศนาให้ทุกคนที่นั่นได้ตรัสรู้ธรรม ทางมหายานเชื่อว่า หากแม้ชาตินี้ยังไม่อาจบรรลุธรรม แต่ถ้าสวดพระนามของท่าน ท่านจะมาฉุดช่วยให้ได้เกิดในแดนสุขาวดีและบรรลุธรรมแน่นอนในชาตินั้น และยังเชื่อว่าการสวดพระนามท่านยังเป็นการสร้างบุญกุศลแก่ตนเองและใช้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่สรรพสัตว์ได้อีกด้วย ใช้แก้ฮวงจุ้ยได้ ช่วยปรับสมดุลพลังงาน เนื่องจากเป็นบทสวดสั้นๆที่มีอานิสงส์มากเช่นนี้ เราจึงได้ยินพระจีนกล่าวพระนามท่านอยู่บ่อยครั้ง บทสวดมนต์พระอมิตาภพุทธเจ้า : नमोऽमिताभा ; 南無阿彌陀佛 ; นำมออามีทอฝอ ; นะโมอมิตาภพุทธ, อามีทอฝอ ; อมิตาภพุทธ
และฮู้อื่นๆที่น่าสนใจลองเข้าไปดูที่ https://shope.ee/6UwaDnz9YY และ https://shope.ee/7zlUqf1poG และ https://shope.ee/2L7QTRBdVg

[หากเจอฮู้อะไรดีๆที่น่าสนใจทั้งไทยจีนแขกก็จะนำมาอธิบายไว้พอสังเขปและอัพเดทเพิ่มเติมกันต่อไปนะครับ]

ก็ประมาณนี้ครับ กับฮู้ต่างๆ น่าจะพอจุใจกันบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ฮู้ชนิดเดียวกันยังมีอีกหลายรูปแบบที่การเขียนแตกต่างกันไปมากมาย ฮู้อื่นๆที่อาจจะมีพุทธคุณเหมือนกันหรือต่างกันไปก็มากมายตามแต่ละสำนัก ศาลเจ้าหลายแห่งมีฮู้เฉพาะเป็นของศาลเจ้าเอง เราสามารถสอบถามพุทธคุณของฮู้จากศาลเจ้าและนำมาบูชาได้ครับ

ก่อนนำมาแปะหรือไว้ในบ้าน
แนะนำว่าควรไหว้บอกพระประธานในบ้านและเจ้าที่เจ้าทางก่อน ตัวอย่างเช่น "ข้าแต่เจ้าที่เจ้าทาง บ้านเลขที่......(ที่อยู่ของบ้านหลังนั้น) วันนี้วันดี ข้าพเจ้า......(ชื่อ-นามสกุล) ขออนุญาตนำฮู้หรือยันต์มาไว้ในบ้าน เพื่อคุ้มครองและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว ......(ขอพรตามใจปราถนา)"

วิธีอธิษฐานครั้งแรกในการพกเครื่องรางหรือฮู้ยันต์
  • แบบไทย คือ ท่องนะโมฯสามจบ แล้วอธิฐานขอพร และระลึกถึงพระรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ช่วยประทานพร
  • แบบจีน คือ แจ้งชื่อ-นามสกุล, ยามวันเดือนปีเกิด, และที่อยู่ จากนั้นอธิษฐานขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอาฮู้วนรอบกระถางธูปสามรอบตามเข็มนาฬิกา บ้างก็แนะนำให้หยิบผงขี้ธูปเล็กน้อยมาโรยบนฮู้ด้วย (ซึ่งการโรยผงขี้ธูปส่วนใหญ่มักจะใช้ผงขี้ธูปที่ศาลเจ้า)
  • นิยมวางไว้ที่หิ้งพระหรือใต้ฐานพระหรือแท่นบูชาเทพ(หรือหัวเตียง)หนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อเสริมพุทธคุณ
ก็สามารถนำมาพกได้เลย ไม่ว่าจะพกในกระเป๋าถือ, กระเป๋าสตางค์, กระเป๋าเสื้อ, ใส่ไว้ในเคสโทรศัพท์มือถือ, นำไปเลี่ยมกรอบกันน้ำมาห้อยคอ, ฯลฯ ได้หมด ตามที่เห็นว่าเหมาะสม
ในการพกติดตัวควรจะทำการพับฮู้ก่อน(เพราะมันใหญ่ไม่ใช่อะไร แต่ถ้าฮู้มีขนาดพอดีก็ไม่จำเป็นต้องพับก็ได้) ซึ่งก็มีการพับฮู้หลายรูปแบบเพื่อความสวยงามหรือตามแบบเฉพาะของแต่ละฮู้ แต่โดยทั่วไป แนะนำให้พับโดยเอาแถวๆบริเวณครึ่งบนของฮู้ขึ้นจะดีที่สุด ตรงที่แถวๆใต้อักขระประกาศิต หรือรูปหน้าเทพเจ้า(ถ้ามี) ตามตำแหน่งในคลิปข้างล่าง จะพับเป็นสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมก็แล้วแต่ชอบ แต่ส่วนตัวแนะนำพับเป็นสี่เหลี่ยมดีกว่าเพราะมันจะไม่หนาเกินไป คือถ้าหนามากๆฮู้จะขาดเอา และแนะนำให้ใส่ฮู้ในซองซิปล็อค จะได้กันน้ำกันเหงื่อหรือกันการแปดเปื้อนมลทิณ เพื่อป้องกันไม่ให้ชำรุดเสียหาย และที่สำคัญ ในการพกฮู้ไม่ควรเอาออกมาอวดหรือให้ใครจับต้อง

ก่อนพับฮู้จริงแนะนำให้ตัดกระดาษขนาดเท่าฮู้มาลองทำจนคล่องก่อนแล้วค่อยพับจริง เพราะการพับๆแกะๆจะทำให้ฮู้ขาดได้ครับ

วิธีการพับฮู้แบบง่ายๆ แบบสี่เหลี่ยม(แนะนำ) และสามเหลี่ยม

วิธีพับฮู้แบบหกเหลี่ยม

วิธีพับฮู้แบบปากว้า

เมื่อพกฮู้แล้วก็ให้ตั้งจิตระลึกถึงฮู้และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆให้ช่วยคุ้มครองหรือขอพร และควรหมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว ปฏิบัติธรรม เจริญภาวนา รักษาศีล ทำบุญ ทำทาน ช่วยเหลือผู้อื่น ประพฤติดีด้วยกาย วาจา ใจ ต่อผู้อื่น เพราะหากไร้ฐานบุญที่เพียงพอ ต่อให้เทพเจ้าอยากจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้

ในการพกฮู้ ว่ากันว่า ถ้าฮู้จู่ๆสั่นหรือจู่ๆก็รู้สึกมึนๆตึงๆแปลว่าฮู้กำลังเตือนภัย หากกำลังจะทำอะไรหรือจะไปที่ไหนให้หยุดก่อน แต่ถ้าจู่ๆฮู้ไหม้หรือจู่ๆก็ชำรุดเสียหาย นั่นแปลว่าฮู้รับเคราะห์แทนเราแล้ว ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เบาเป็นไม่มี แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ ควรไปทำบุญสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลเพื่อล้างเคราะห์ที่อาจมีเหลือให้หมด บางครั้งการที่ฮู้เตือนหรือไหม้อาจจะเป็นเพราะเรากำลังเข้าใกล้คนเล่นของหรือโดนคนทำของใส่ หรือกำลังเข้าใกล้สถานที่ที่มีพลังงานลบมากๆ เช่น บริเวณที่กำลังเกิดอุบัติเหตุ, บ่อนการพนัน, หรือเขตที่กำลังก่อสร้างหรือต่อเติมผิดฤกษ์, ฯลฯ เนื่องจากการเข้าใกล้คนเล่นของหรือเข้าใกล้สถานที่ที่มีพลังงานลบมากๆอาจจะทำให้มีสิ่งไม่ดีติดตัวติดบ้านได้ ซึ่งอาจทำให้ดวงตกไป 3 วัน 7 วันได้เลยถ้าไม่พกฮู้หรือเครื่องรางหรือสวดมนต์ป้องกันไว้ ถ้าแรงมากฮู้จะเตือน ถ้าเกินขีดจำกัดฮู้อาจไหม้ ซึ่งเป็นการรับเคราะห์แทนเจ้าของฮู้ (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)

โดยปกติฮู้จะไม่มีวันหมดอายุ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ถ้าไม่ชำรุดมากๆ แต่บางความเชื่อบอกว่านานไปพลังอาจเสื่อมได้ วิธีประจุพลังใหม่ คือ ให้ไปไหว้เจ้าเพื่อขอประจุพลัง ไม่มีระยะเวลาที่แน่ชัดว่าควรไปประจุพลังใหม่เมื่อไหร่ แต่ว่ากันว่า ควรประจุพลังใหม่อย่างน้อยที่สุดทุกๆ 3 เดือน หรือทุกๆ 1 ปี (เคยได้ยินบางคนบอกว่าสามารถสวดมนต์ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาช่วยประทานพรก็สามารถประจุพลังเองได้? หรือเพียงประพฤติดี ทำบุญทำทาน สวดมนต์ตั้งจิตในทางที่ดี ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ประจุพลังก็จะเพิ่มเองได้?) หรือบางฮู้ก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกปี
หากฮู้ชำรุดเสียหายอย่างหนัก หรือไม่ต้องการบูชาแล้ว ให้หาวันมงคล(ดูได้จากปฏิทินจีน)หรือวันไหว้ตรุษจีน ทำการเผาฮู้ที่ชำรุด พรมน้ำ แล้วโปรยขี้เถ้าลงดิน เป็นอันเสร็จพิธี

คำว่าโชคลาภทรัพย์สินในทางจีนมักหมายถึงโชคลาภในทางการค้าขายหรือการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นข้าราชการหรือเป็นพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป ไม่ใช่พนักงานขาย โชคลาภจะช่วยได้ไม่มากนัก เพราะเมื่อเทพเจ้าท่านหาลูกค้ามาให้แล้วก็ไม่มีอะไรจะขายเพื่อเป็นรายได้ ดังนั้น การขอเสริมโชคลาภจะได้ผลดีที่สุดเมื่อมีธุรกิจเป็นของตัวเองครับ สำหรับพนักงานประจำอาจจะเปิดขายของออนไลน์ยามว่างเสริมก็ได้ หรือถ้ายังคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำธุรกิจอะไรดีก็ขอให้เทพเจ้าช่วยชี้ช่องทางให้ก็ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม การที่มีสิ่งศักดิ์คอยช่วยเหลือหรือเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็ต้องทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดด้วย แล้วที่ส่วนเหลือให้เป็นพระประสงค์ของสิ่งศักดิ์ตามที่ท่านเห็นควร

เมื่อเสริมโชคลาภหรือเสริมดวงชะตาจนสมดุลดีแล้ว ก็เหมือนร่างกายที่สมดุลแข็งแรง การมีร่างกายที่แข็งแรงหรือมีดวงชะตาที่แข็งแรงก็ย่อมได้เปรียบ เสมือนกองทัพที่มีกุนซือ อาวุธ และชัยภูมิที่ดี แต่จะชนะศึกสงครามหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความอุตสาหะและความไม่ประมาทของตัวแม่ทัพเอง
อย่างไรก็ตาม ก็ควรตระหนักไว้อยู่เสมอว่า การเสริมดวงหรือขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้านั้นเป็นเรื่องทางโลก และเพื่อความสมดุล เรื่องทางธรรมซึ่งคือคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ก็ควรระลึกถึงเป็นสรณะและนำมาปฏิบัติบูชาอยู่เสมอ เพื่อให้ชีวิตสมดุลทั้งเรื่องทางโลกและทางธรรม ทั้งภายในและภายนอก ทั้งกายและจิต ทั้งหยินและหยาง ฯลฯ ท้ายที่สุด หากประคองจิตให้บริสุทธิ์อยู่ในทุกช่วงปัจจุบันขณะได้ ก็อาจเสริมดวงและเปลี่ยนชะตาของตนด้วยตนเองได้ก็เป็นได้

ขอให้ทุกท่านพบแต่สิ่งดีๆ พบแต่คนดีๆ ประสบความสำเร็จ และร่ำรวยมั่งคั่งดั่งฝันครับ
สวัสดีครับ

หากท่านเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ผมอยากขอเชิญชวนให้ท่านทำบุญที่ไหนก็ได้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ท่านสะดวก แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับ ฟ้าดิน บุตรสามีภรรยา บิดามารดา พี่น้อง ญาติ มิตร และสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยเถิด สาธุ

ปล. เนื้อหาเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ผมได้ทราบมาจากการอ่านการฟัง และเล่าออกมาจากความทรงจำซะส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นความรู้อีกแขนงหนึ่งที่น่าสนใจ โปรใช้วิจารณญาณในการรับชม หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


แถม
คาถาบูชาดวงชะตา (คาถาพิชัยสงคราม) เป็นของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ที่ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอุปอันตรายต่างๆในคราวปราบศัตรูกู้บ้านเมืองไทย (ลาภมาก-แคล้วคลาด-ชนะศัตรู-เมตตามหานิยม ผูกดวงชะตา ฯลฯ) หมั่นสวดเช้าเย็นหลายๆจบ

บทสวดหนุนดวงชะตา
คาถาพิชัยสงคราม

ตั้งนะโม ๓ จบ

นะโม เม สัพพะเทวานัง
สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง
สุริยัญจะ ปะมุญจะถะ
สะสิ ภุมโม จะ เทวานัง
วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ
ชีโว สุกะโร จะ มะหาลาภัง
โสโร ราหูเกตุ จะ มะหาลาภัง
สัพพะ ภะยัง วินาสสันติ
สัพพะทุกขัง วินาสสันติ
สัพพะโรคัง วินาสสันติ
ลักขะณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา
สัพเพเทวา มัง ปาละยันตุ สัพพะทา
เอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ เมฯ

*เกตุ ในบทสวดให้อ่านว่า เก-ตุ

การบูชาดวงชะตา เป็นการบูชาเทพเทวาทั้งหลาย และดาวนพเคราะห์ คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัส พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ให้มาคุ้มครองให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย ให้มีโชคมีลาภ บังเกิดมงคล ความสุขสวัสดีแก่ผู้บูชาดวงชะตานี้

รวมบทสวดมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ

อ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติม

20 ตุลาคม 2566

จ้าวกงหมิง(趙公明) - เทพแห่งทรัพย์สินสายบู๊ผู้พิทักษ์ทรัพย์


จ้าวกงหมิง (趙公明 หรือ 趙光明 จ้าวกวงหมิง) เทพแห่งทรัพย์สินสายบู๊ (เทพเจ้าแห่งทรัพย์จีนสินมี 28 องค์ครับ) มาในภาพลักษณ์ของเทพเจ้าจีนขี่เสือ มือข้างหนึ่งถือแส้เหล็ก(กระบองเหล็กที่เป็นข้อปล้องๆ) อีกข้างถือตำลึงทอง (เรื่องราวของท่านอยู่ในพงศาวดารห้องสิน อ่านสนุกมากทีเดียว อยากให้ทุกท่านลองหามาอ่านกันดูครับ) ท่านเป็นเทพผู้เฝ้าคลังสมบัติ จึงเป็นเทพสายบู๊ที่ต้องเข้มงวดดุดันต่อผู้ที่จะมาเอาสมบัติในคลังไปใช้ ท่านจะช่วยให้คุณเก็บออมมากขึ้นใช้จ่ายน้อยลง เก็บไว้แต่สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตจะถูกนำออกไป เพราะคลังสมบัติในชีวิตมีพื้นที่จำกัด จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างวินัยทางการเงิน ต้องการเก็บเงินเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่เปย์แหลก ช้อปแหลก ช่วยให้ขยันอดออม ลดหนี้เก็บหนี้ทวงหนี้ ท่านจะทำให้เรามีสติมีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้นในการใช้จ่ายหรือให้เงินคนอื่น(ขี้เหนียวมากขึ้น ว่างั้นเหอะ) หรือคนที่มีดวงแบบ พอมีเงินทีก็จะต้องมีนั่นมีนี่พังทุกที คือมีเรื่องให้ต้องเสียเงินตลอด การบูชาท่านก็ช่วยเสริมดวงได้ ทั้งยังช่วยให้ควบคุมบริวารให้อยู่ในระเบียบวินัย ป้องกันคนที่จะมาคดโกง ป้องกันคนที่จะมาหลอกเอาเงิน เป็นการพิทักษ์คลังสมบัติของคุณไม่ให้ใครมาเอาไปได้ง่ายๆอีกด้วย (อาจใช้ช่วยป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ก็ได้นะครับ?) และมักจะบูชาร่วมกับเจ้าพ่อกวนอู(ซึ่งท่านก็เป็นหนึ่งในเทพแห่งทรัพย์สิน โดยเฉพาะสำหรับสายตำรวจ ทหาร ข้าราชการฝ่ายปกครอง การค้าการลงทุน)

ในการบูชาจ้าวกงหมิงก็ทำได้หลายวิธี เช่นบูชาเทวรูปจ้าวกงหมิงภาพจ้าวกงหมิง(ในขั้นต้นอาจหาภาพแล้วปริ้นสีออกมาก็ได้) แล้วไหว้บูชา หมั่นตั้งจิตระลึกถึงท่านบ่อยๆ ถ้าเป็นในบ้านพักอาศัยหรือร้านค้าต้องวางไว้ไม่ให้ใครเห็นจากภายนอก(ยกเว้นศาลเจ้า) แต่วิธีที่สะดวกที่สุดคือการพกเครื่องรางเกี่ยวกับท่าน เช่น พวงกุญแจจ้าวกงหมิงฮู้เจ้ากงหมิง, ฯลฯ เพื่อให้ท่านช่วยคุ้มครอง ไม่ว่าจะพกติดตัวหรือบูชาบนหิ้งพระก็แล้วแต่ความสะดวก และควรพกให้มิดชิด ไม่ควรให้คนอื่นเห็นเช่นกัน (จริงๆไม่ว่าจะพกฮู้อะไรก็ตามก็ไม่ควรให้ใครเห็นหรือจับ)
วิธีอธิษฐานในการพกเครื่องรางหรือฮู้ยันต์ แบบไทย คือ ท่องนะโมฯสามจบ แล้วอธิฐานขอพร และระลึกถึงพระรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ช่วยประทานพร แบบจีน คือ แจ้งชื่อ-นามสกุล, ยามวันเดือนปีเกิด, และที่อยู่ จากนั้นอธิษฐานขอพร แล้วเอาฮู้วนรอบกระถางธูปสามรอบตามเข็มนาฬิกา ก็สามารถนำมาพกได้เลย

การหาเงินกับการเก็บเงินเป็นหยินหยางของกันและกัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ จะมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ได้ ต้องมีทั้งสองในสัดส่วนที่ควรจะเป็น หากใครหาเงินได้แต่เก็บเงินไม่อยู่ หรือต้องการเลิกนิสัยเปย์แหลกช้อปสนั่น หรือมีดวงให้เสียเงินกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทุกทีที่ได้เงินมา หรือให้ช่วยป้องกันการโดนโกงเบี้ยวหนี้(แก๊งคอลเซ็นเตอร์? เห็นข่าวคนโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเอาเงินแล้วสงสารมากครับ โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ เศร้าครับ) ก็ควรให้จ้าวกงหมิงมาช่วยเฝ้าคลังสมบัติของคุณให้แล้วล่ะครับ และเหมาะกับอาชีพทุกสายงาน แต่ยกเว้นธุรกิจสีเทาๆดำๆ, การเกร็งกำไร, ลาภลอย, หวย, พนัน, ฯลฯ (ถ้าเป็นสายลาภลอยส่วนใหญ่ต้องบูชาเทพหยิน(陰神)หรือสายนรกครับ เช่น กิมจี่แปะ(金錢伯 จินเฉียนป๋อ เทพพระคลังแห่งนรก), ฮ่าวจื่อเอี๊ย(孝子爺 เสี้ยวจื่อเย๋ เทพเจ้าแห่งโชคลาภสายนรก), โหงวกุ้ย(五鬼 อู่กุ้ย ห้าภูตนำทรัพย์) เป็นต้น)

เพื่อนๆที่สนใจพวกเครื่องรางหรือฮู้ยันต์จีนดีๆน่าสนใจ เช่น ฮู้แก้ชง(ป้องกันอุบัติเหตุ), ฮู้ปัดเป่า(ป้องกันคุณไสย), ฯลฯ ฮู้เสริมดวงชะตาต่างๆ ลองดูร้านนี้ได้ครับ https://shope.ee/6UwaDnz9YY มีฮู้และเครื่องรางน่าสนใจมากมาย ราคาย่อมเยาว์ด้วยครับ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การมีเทพเจ้าคอยช่วยเหลือเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจย่อมนับเป็นเรื่องดี แต่ถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เช่นกัน และให้สิ่งศักดิ์ช่วยเหลือในส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ตามแต่ท่านเห็นควร ในสภาพเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัดประหยัดสุดตัวแบบนี้ ขอให้ทุกท่านโชคดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปในสิ่งที่รักที่ฝันนะครับ


แถม

อู่ลู่ไฉเสิน (五路財神) เทพแห่งทรัพย์สินห้าทิศทาง หรือ ไฉซิงเอี้ยะทั้งห้า ประกอบด้วย
  1. จ้าวกงหมิง (趙公明) หรือเทพอู่ไฉเสิน (武財神) เทพแห่งทรัพย์สินสายบู๊ เป็นหัวหน้าคณะห้าเทพนี้ คุ้มกันภัยอันตราย พิทักษ์ทรัพย์ เป็นเทพธาตุดิน ประจำอยู่ทิศศูนย์กลาง
  2. เซียงเซิง (蕭升) หรือเทพเจาเป่าเทียนจุน (招寶天尊) เทพแห่งการเรียกหาของวิเศษ ของหายากที่มีไม่กี่ชิ้นในโลก เป็นเทพธาตุไม้ ประจำทิศตะวันออก
  3. เฉาเป่า (曹寶) หรือเทพน่าเจินเทียนจุน (納珍天尊) เทพแห่งการรวมสิ่งล้ำค่า ของมูลค่าสูง เป็นเทพธาตุทอง ประจำทิศตะวันตก
  4. เฉินจิ่วกง (陳久公) หรือเทวทูตเจาไฉสื่อเจ่อ (招財使者) เทพแห่งการเรียกความมั่งคั่ง ความสุข เป็นเทพธาตุไฟ ประจำทิศใต้
  5. เหยาเส้าซือ (姚少司) หรือขุนนางสวรรค์ลี่ซื่อเซียนกวน (利市仙官) เทพแห่งการค้าขาย เจริญก้าวหน้า เป็นเทพธาตุน้ำ ประจำทิศเหนือ
เคล็ดในการไหว้เทพแห่งทรัพย์สินห้าทิศทางต้องเริ่มจากการไหว้จ้าวกงหมิงก่อน

บางครั้งเทพแห่งทรัพย์สินบางท่านอาจจะหาภาพหรือองค์เทพมาบูชาเป็นการเฉพาะยาก ก็อาจบูชาเป็นคณะเทพทรัพย์สินแบบนี้ก็ได้ครับ จะมีเทพที่เราต้องการขอพรประจำอยู่ในกลุ่มด้วย ก็ขอพรจากท่านได้

ชี้เป้า
ฮู้เจ้ากงหมิง https://shope.ee/7Up7PhKbLf
ฮู้เทพทรัพย์สินห้าทิศทาง https://shope.ee/10bdnu3o76
ฮู้เทพทรัพย์สินแปดทิศทาง https://shope.ee/9UaBwshVvq

หรือดูฮู้อื่นๆที่ https://shope.ee/6UwaDnz9YY

บทความรวมฮู้แบบอื่นๆที่น่าสนใจ สามารถเข้าไปดูได้ที่ ฮู้ ยันต์จีน - อักขระปัดเป่าเภทภัย เสริมดวงชะตา

17 ตุลาคม 2566

กุ้ยนั่งฮู้(貴人符) - ฮู้เทพอุปถัมภ์ เมตตามหานิยม


ฮู้เทพอุปถัมภ์
ขจัดภัยแก้พิบัติดึงดูดผู้อุปถัมภ์
เรียกผู้สนับสนุนทั้งเรียกโชคลาภ, เงินทองไหลมาเทมา,
ทรัพย์สินเพิ่มพูน, ไปไหนก็มีคนช่วยเหลือ,
ทำธุรกิจเรียกผู้มีอุปการคุณ, เปิดกิจการเจริญรุ่งเรือง.

贵人符开运法
​消灾解难引贵人
招贵人又招财,财源滚滚 ,
财源广进,出门贵人,
做生意招贵人,开张旺市。

กุ้ยนั่งฮู้ (貴人符 กุ้ยเหรินฟู๋ ยันต์ผู้สูงศักดิ์) หรือ เจียหยิ่งกุ้ยเหรินฟู๋ (接引貴人符  ยันต์ดึดดูดผู้สูงศักดิ์) หรือ ฮู้เทพอุปถัมภ์ บ้างก็เขียนว่า กุ่ยหนั่งฮู้ กุ้ยนั้งฮู้ แล้วแต่วิธีเขียนของแต่ละคน แต่หมายถึงยันต์เดียวกัน เป็นยันต์กระดาษแผ่นใหญ่ๆสีแดง(จริงๆมีหลายสี สีเหลืองมักใช้ในเทศกาลกินเจ แต่สีแดงนิยมแบบทั่วไป) เป็นตารางแปดช่อง มีช่องนึงเป็นอักขระยันต์ ส่วนช่องที่เหลือเป็นภาพคณะเทพอุปถัมภ์ทั้งเจ็ดพร้อมชื่อ ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด หรือบางแบบเป็นภาพเทพเจ้าหลายองค์ขี่ม้า หรือบางแบบเป็นเทพเจ้ายืนยกมือแบบต่างๆ และยังมีรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย
ฮู้นี้ในภาษาไทยเรียกว่าฮู้เทพอุปถัมภ์ เนื่องจากใช้อธิษฐานเพื่อเสริมผู้อุปถัมภ์ ให้ผู้สูงศักดิ์มาช่วยอุปถัมภ์ค้ำชู คอยส่งเสริมในหน้าที่การงานให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป เรื่องร้ายกลายเป็นดีมีผู้ใหญ่คอยเกื้อหนุน ไปไหนมาไหนก็จะเจอแต่คนดี จะทำอะไรก็จะมีแต่คนคอยช่วยเหลือ มีโชคมีลาภ สรุปสั้นๆคือเสมือนเมตตามหานิยมนั่นเอง ฮู้นี้มักไม่ค่อยนิยมพกเนื่องจากแผ่นฮู้ค่อนข้างใหญ่(ใหญ่กว่า A4 ซะอีก แต่จะพับพกหรือพับบูชาไว้บนหิ้งพระ หรือจะแปะผนังก็ไม่ได้ผิดอะไร อย่างไรก็ตามกุ้ยนั่งฮู้แบบสำหรับแปะหรือพับพกก็มี) มักจะเผาพร้อมกับกระดาษเงินกระดาษทองในการไหว้เจ้าต่างๆ

วิธีการใช้ จากที่ค้นคว้ามา บางสำนักบอกว่าก่อนเผาควรเขียน ชื่อ-นามสกุล, ยามวันเดือนปีเกิด, และที่อยู่ปัจจุบัน ลงบนฮู้ด้วย(ถ้าเผาฮู้ที่บ้านไม่ต้องเขียนที่อยู่ก็ได้ แต่ถ้าเผาที่อื่น เช่นที่ศาลเจ้า ต้องเขียนที่อยู่) ฮู้บางรูปแบบมีเว้นช่องว่างไว้ก็ให้เขียนตามช่องที่กำหนด แต่โดยทั่วไปมักจะไม่มี ก็ให้เขียนตามขอบที่ว่างๆของฮู้ ผู้หญิงเขียนมุมซ้าย ผู้ชายเขียนมุมขวา (จะมุมบนมุมล่างก็ได้) เพื่อให้เทพเจ้าส่งผู้อุปถัมภ์มาหาเราได้(ถ้าเคร่งหน่อยต้องเขียนชื่อจีนและวันเกิดจีนแบบปาจื่อ) จากนั้นอธิษฐานแล้วจึงเผา นิยมเผาตอนกลางวัน
ตามธรรมเนียมว่ากันว่า เพื่อให้ได้อานิสงส์สูงสุดควรทำการเผากุ้ยนั่งฮู้ในทุกๆวันขึ้น 1 ค่ำ และขึ้น 15 ค่ำ (วันพระจีน) แต่โดยทั่วไปเผาวันไหนก็ได้ บางคนที่อยากให้ได้อานิสงส์มากขึ้นก็อาจเผาทุกวันก่อนออกจากบ้านไปทำงานก็มี! (ไม่ธรรมดาจริงๆ!) บ้างว่ากันว่ายิ่งเผามากยิ่งได้ผลมาก! (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม!)

แบบทั่วไป ให้เขียนชื่อฯตามมุมที่ว่างๆ
ผู้หญิงมุมซ้าย ผู้ชายมุมขวา
จะมุมบนมุมล่างก็ได้

แบบเว้นช่องว่าง ให้เขียนชื่อฯตามช่องที่กำหนด

ฮู้นี้ใช้เสริมดวงสำหรับผู้ที่ต้องการผู้เกื้อหนุนในชีวิตและหน้าที่การงาน ซึ่งจะช่วยเสริมกำลังใจที่จะก้าวผ่านอุปสรรคนานาไปได้ บางที ผู้อุปถัมภ์อาจจะเป็นมนุษย์ หรือเป็นเทพเจ้าก็ได้ ใครจะไปรู้
อย่างไรก็ตาม การที่มีสิ่งศักดิ์คอยช่วยเหลือหรือเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็ต้องทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดด้วย แล้วที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของสิ่งศักดิ์ เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนผ่านพ้นทุกเรื่องราวไปได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปดั่งใจปรารถนานะครับ

แถม

ในส่วนของอักขระยันต์ต้องดูให้ดี ทั้งสองแบบนี้มีความหมายต่างกัน โดยปกติจะใช้แบบทางซ้าย (ลักษณะเป็นเส้นเดี่ยว) ซึ่งเป็นการไหว้เทพเจ้าโดยทั่วไป(陽神 หยางเสิน เทพหยาง สายสว่าง) ส่วนแบบทางขวา (ลักษณะคล้ายหัวแม่กุญแจโบราณ) บางสำนักบอกว่าอักขระยันต์ไม่ถูกต้องใช้ไม่ได้ผล แต่บางสำนักบอกว่าเอาไว้สำหรับไหว้เทพเจ้าสายหยิน(陰神 หยินเสิน เทพหยิน สายมืด สายนรก) เช่น ลุง7ลุง8(七爺八爺 ชีเย๋ปาเย๋ ยมทูตขาวยมทูตดำ), กิมจี่แปะ(金錢伯 จินเฉียนป๋อ เทพพระคลังแห่งนรก), ฮ่าวจื่อเอี๊ย(孝子爺 เสี้ยวจื่อเย๋ เทพเจ้าแห่งโชคลาภสายนรก), โหงวกุ้ย(五鬼 อู่กุ้ย ห้าภูตนำทรัพย์), ราหู เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เทพเจ้าสายหยินจะเกี่ยวกับลาภลอย, เสี่ยงโชค, เก็งกำไร, หวย, พนัน, ฯลฯ ดังนั้นการเผากุ้ยนั่งฮู้ในเทศกาลพิธีต่างๆจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับเทพเจ้าที่เรากำลังไหว้ด้วยนะครับ หากบูชาโดยทั่วไปก็ให้ใช้แบบทางซ้าย

บทความรวมฮู้อื่นๆที่น่าสนใจ สามารถเข้าไปดูได้ที่ ฮู้ ยันต์จีน - อักขระปัดเป่าเภทภัย เสริมดวงชะตา

กุ้ยนั่งฮู้หลากสีที่มีอักขระยันต์แบบสายหยิน

ไม้เสี่ยงทายเซ้งปวย(聖筊) - วิธีสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเองแบบทันท่วงที


หลายท่านที่เคยไปศาลเจ้าน่าจะเคยเห็นไม้คู่สีแดงๆอยู่ใกล้ๆกับกระบอกเสียมซี ลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยว เป็นไม้ขนาดประมาณฝ่ามือสองอัน ใช้ประกบกัน ด้านนอกนูนด้านในแบน นั่นคือ ไม้เสี่ยงทาย หรือ เซ้งปวย (聖筊 เซิ้งเจี่ยว ในภาษาจีนกลาง) นั่นเอง (บางคนเรียกกรับจันทร์เสี้ยว)
ไม้เสี่ยงทายนี้ใช้สำหรับอธิษฐานหรือถามคำถามกับเทพเจ้าในเรื่องที่ต้องการทราบว่า ได้หรือไม่ได้, อนุญาตหรือไม่อนุญาต, สำเร็จหรือไม่สำเร็จ, ฯลฯ เป็นต้น


วิธีใช้เซ้งปวย
คุกเข่าลง(ห้ามยืนเสี่ยงทาย) พนมมือ นำเซ้งปวยประกบกัน แล้ววน 3 รอบตามเข็มนาฬิกาบนกระถางธูปหรือกำยานที่จุดบูชา เพื่อรมควันเซ้งปวยให้ศักดิ์สิทธิ์ และอธิษฐานหรือถามคำถาม(ครั้งละหนึ่งเรื่อง)
จากนั้นโยนเซ้งปวยให้สูงพ้นศีรษะของผู้ถามหรือแท่นบูชา เมื่อเซ้งปวยหล่นลงมา ไม่ว่าจะกระทบหรือกระเด็นไปโดยอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นขอบโต๊ะ ขอบแท่น หรืออะไรก็ตาม ถ้าผลลัพธ์ออกมาแล้วก็ให้เป็นไปตามนั้น ซึ่งเทพเจ้าได้ตอบคำตอบมาถึงเราแล้ว

วิธีอ่านเซ้งปวย
  • คว่ำ-หงาย เรียกว่า เซ้งปวย (聖筊 เซิ้งเจี่ยว) หมายถึง ได้, อนุญาต, สำเร็จ, ฯลฯ
  • คว่ำ-คว่ำ เรียกว่า อิมปวย (陰筊 หยินเจี่ยว) หมายถึง ไม่ได้, ปฏิเสธ, ไม่สำเร็จ, ฯลฯ
  • หงาย-หงาย เรียกว่า เฉี่ยปวย (笑筊 เซี้ยวเจี่ยว) หมายถึง ไม่มีความเห็น, ให้ตัดสินใจเอาเอง, แล้วแต่ผู้เสี่ยงทายเลย, ฯลฯ (ซึ่งในกรณีนี้ผู้เสี่ยงทายอาจติดสินใจเอง หรืออาจถามอีกครั้งด้วยคำถามที่ชัดเจนขึ้นและโยนใหม่)

ต้องใช้คำตอบตามมาตราฐานนี้เสมอ ห้ามกำหนดเอง เพราะจะถือว่าเป็นการตั้งเงื่อนไขต่อองค์เทพ ซึ่งไม่ถูกต้อง มิบังควร
ปกติควรโยนครั้งเดียวต่อหนึ่งคำถาม หากคำตอบไม่เป็นที่พอใจของผู้เสี่ยงทาย ก็สามารถทำการขอพรให้เทพเจ้าช่วยเหลือได้ เมื่อขอพรเสร็จแล้วให้ขอบคุณเทพเจ้าที่ได้ช่วยเหลือจนประสบความสำเร็จ แต่มีบางสำนักบอกว่าอนุโลมให้โยนได้ถึง 3 ครั้งในคำถามเดิมต่อหนึ่งก้านธูปที่ตนจุดถวาย ถ้าต้องการถามคำถามเดิมอีกต้องรอให้ก้านธูปหมดก่อนแล้วจุดอันใหม่ หรือถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆต้องรอ 3 วันถัดไปจึงจะสามารถคำถามเดิมได้อีกครั้ง

เซ้งปวยสามารถซื้อมาใช้ในบ้านก็ได้ครับ หรือจะใช้เหรียญ 2 เหรียญแทนก็ได้ โดยให้ หัวแทนคว่ำ ก้อยแทนหงาย

กรณีซื้อเซ้งปวยมาใหม่
ให้ทำพิธีเปิดเซ้งปวย คือ วนรมควันธูปหรือกำยานตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จากนั้นก็ให้อธิษฐานขอพรต่อองค์เทพ ขอให้ไม้เสี่ยงทายมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นให้โยนไม้เสี่ยงทายไปเรื่อยๆจนกว่าจะขึ้นครบทั้งสามแบบ คือ คว่ำคู่, หงายคู่, และคว่ำหงาย เมื่อครบแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี ถือว่าไม้เสี่ยงทายนั้นมีความขลังชงัดนัก

สามารถเสี่ยงทายถามเทพเจ้าได้ทุกเรื่องที่เหมาะสม บางคนเมื่อต้องการทำพิธีสำคัญแต่หาซินแสหรือตำรามาดูฤกษ์มงคลไม่ได้ ก็อาจเสี่ยงทายเซ้งปวยเพื่อถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ควรทำสิ่งนี้ วันนี้ วันนั้น ได้หรือไม่ เทพเจ้าจะอนุญาตหรือไม่ บางคนเมื่อเซียมซีเสร็จก็อาจใช้เซ้งปวยถามว่า เซียมซีหมายเลขนี้เป็นของข้าพเจ้าหรือไม่? ก็มีเหมือนกันครับ ใช้ถามเทพเจ้าเพื่อเริ่มต้นกระทำการของเราเองอย่างมั่นใจ

ส่วนที่เราควบคุมได้ก็ทำให้เต็มที่ ส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ก็ให้เป็นหน้าที่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขอพลังแห่งการสุ่มจงสถิตอยู่กับท่าน🎲😇


29 กันยายน 2566

การสร้างไฟล์ Image .iso จากแผ่น CD ง่ายๆบน Linux ด้วย Brasero

พอดีว่าเมื่อวาน ไปรื้อเจอแผ่น VCD การเรียนการสอนเก่าๆ เอาแล้วสิ จะเปิดดูได้อีกมั้ยเนี่ย โชคดีว่ามีคอมฯที่มียังมีเครื่องอ่าน CD/DVD อยู่ ก็เลยลองเปิดดู โอเคเลย ช่องอ่านยังไม่พัง แต่อย่างที่ทุกคนรู้ดี ช่องอ่าน CD มันพังง่ายขนาดไหน เรียกได้ว่าจากนี้ไป ถ้าช่องอ่านหรือแผ่นพังไปเสียก่อนไฟล์ก็คงสูญหายไปตลอดกาล ก็เลยต้องนำลงเครื่องให้ได้แล้วล่ะครับ
วิธีการนำไฟล์จาก CD/DVD ลงเครื่องมีหลายวิธี เช่น การก๊อปปี้ไฟล์ลงมาโดยตรง วิธีนี้ใช้ได้กับแผ่นข้อมูลทั่วๆไป แต่แผ่นบางชนิดอาจไม่สามารถทำแบบนั้นได้(ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ไม่ข้อกล่าวไว้ ณ ที่นี้) จึงมีอีกวิธีหนึ่งคือการสร้างไฟล์ Image เป็นการจำลองแผ่น CD เสมือนเป็นแผ่น CD ทั้งแผ่นให้อยู่ในไฟล์เดียว ใช้สำหรับบางแผ่นที่ไม่สามารถก๊อปปี้ไฟล์ลงมาได้โดยตรง ซึ่งการทำไฟล์ Image ใน Linux นั้นทำได้หลายวิธี แต่บทความนี้จะมาแนะนำวิธีง่ายๆด้วยการใช้โปรแกรม Brasero
งั้นมาเริ่มกันเลยครับ!

วิธีสร้างไฟล์ Image ISO

  • อันดับแรกให้ติดตั้งโปรแกรม Brasero ก่อน
  • จากนั้นใส่แผ่น CD/DVD ที่ต้องการทำไฟล์ Image ลงในเครื่อง แล้วเปิดโปรแกรม Brasero ขึ้นมา


  • เลือกที่ Disk copy
  • จากนั้นที่ Select a disk to write to ให้เลือกเป็น Image File
  • แล้วกดที่ Property เพื่อเลือกตำแหน่งสำหรับเซฟไฟล์ และแนะนำให้เลือกนามสกุลไฟล์เป็น ISO9660 image ซึ่งจะได้ไฟล์ .iso เป็นนามสกุลไฟล์ Image มาตราฐาน ที่สามารถเอาไปเปิดได้หลายโปรแกรม(หรือหากชอบนามสกุลอื่นๆก็เลือกได้ตามต้องการ)
  • เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนก็กด Create image 
  • แล้วรอ...
จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ว่าช่องอ่านไหวแค่ไหนหรือแผ่นนั้นต้องใช้กำลังภายในมากน้อยขนาดไหน และในที่สุด เราก็จะได้แผ่นเสมือน CD/DVD แผ่นนั้น อยู่ในเครื่องของเราแล้วล่ะครับ

วิธีเปิดไฟล์ Image .iso
ให้เรา คลิกขวาที่ไฟล์ ISO จากนั้นคลิกที่ Open With Disk Image Mounter เครื่องก็จะทำการจำลองไฟล์ ISO นั้นให้เป็นเสมือนเราใส่แผ่น CD ลงในเครื่องเป็นที่เรียบร้อย สามารถใช้งานได้เหมือนเป็นแผ่น CD แผ่นนั้นได้เลยครับ

นี่ก็เป็นการอนุรักษ์ข้อมูลยุค CD ให้อยู่ในรูปไฟล์บนเครื่องคอมฯได้อย่างสมูบรณ์แบบในอีกรูปแบบหนึ่งครับ

แถม
สำหรับคนที่ใช้ Linux Zorin OS ในตัวระบบมีโปรแกรมสำหรับทำ Image อยู่แล้วใน Settings คือ Disks เมื่อเข้าโปรแกรมแล้วให้เลือกที่ CD แล้วคลิกที่ปุ่ม 3 จุดแถวๆด้านขวาบน แล้วเลือกที่ Create Disk Image และทำตามระบบ

อ้างอิง

08 กันยายน 2566

การตีความสัญลักษณ์เหยาของอี้จิงเบื้องต้น


คัมภีร์อี้จิง เป็นคัมภีร์ที่แนะนำยากที่สุดและอ่านยากที่สุด จนผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มแนะนำอะไรยังไง ด้วยความเป็นศาสตร์ที่กว้างขวางและลึกซึ้งซับซ้อน และคิดว่าด้วยความรู้ที่ครูพักลักจำเก็บเล็กผสมน้อยอ่านตำรับตำราด้วยตนเองย่อมมีแค่หางอึ่งเท่านั้น ไม่อาจหาญจะมาแนะนำอะไรในเรื่องนี้ได้ เพราะจะเป็นการเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนเสียมากกว่า แต่ก็ขอให้ถือว่าเป็นบันทึกการศึกษาอี้จิงของผมเองก็แล้วกันนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยผู้รู้ และขอความกรุณาช่วยคอมเม้นต์ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่พวกเราทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

คัมภีร์อี้จิงในปัจจุบันเป็นคัมภีร์ของโจวอี้เนื่องจากโจวเหวินหวางเขียนคำอธิบายเป็นอักษรจีนเอาไว้ จะมีอธิบายความแต่ละเหยาแต่ละเส้นอย่างที่เราได้เห็นกันทั่วไป แม้จะมีการเขียนอธิบายแล้ว แต่ด้วยความเป็นภาษาจีนโบราณและศาสตร์ที่ลึกซึ้งก็ยากที่จะเข้าใจได้ในปัจจุบันอยู่ดี งั้นบทความนี้เราจะย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดคัมภีร์อี้จิงขึ้น ในตอนเริ่มต้นที่มีสัญญลักษณ์ทั้งหกเส้น(เหยา) และมาดูกันว่าเขาให้ความหมายและการตีความกันอย่างไร
ให้มองว่ามันเป็นเสมือนตัวอักขระแทนความหมายอย่างหนึ่ง พวกขีดและกลุ่มขีดเหล่านี้ ให้คิดว่าเป็นภาษาเขียนสมัยโบราณของจีนไปพลางๆก่อนก็ได้

ในสมัยก่อนเชื่อกันว่าคัมภีร์อี้จิงใช้เป็นคู่มือในการเสี่ยงทาย ซึ่งบรรพบุรุษชาวจีนโบราณได้คิดค้นขึ้นจากลายต่างๆบนกระดองเต่าที่ใช้โยนเสี่ยงทาย โดยเริ่มต้นจากขีด 2 แบบ คือ

⚋ หยิน ใช้แทน ดิน, เพศหญิง, มืด, อ่อนโยน, ฯลฯ
⚊ หยาง ใช้แทน ฟ้า, เพศชาย, สว่าง, เข้มแข็ง, ฯลฯ

จากนั้นก็นำมาเรียงจากล่างขึ้นบนเป็น 2 ขีด เป็นความเข้มของหยินหยางสี่ระดับ คือ

⚎ 少陽 เสี่ยวหยาง หยางอ่อน ใช้แทน ฤดูใบไม้ผลิ, มังกรคราม, ธาตุไม้, ฯลฯ
⚌ 太陽 ไท่หยาง หยางเข้ม ใช้แทน ฤดูร้อน, นกกระจิบแดง, ธาตุไฟ, ฯลฯ
⚍ 少陰 เสี่ยวหยิน หยินอ่อน ใช้แทน ฤดูใบไม้ร่วง, เสือขาว, ธาตุทอง, ฯลฯ
⚏ 太陰 ไท่หยิน หยินเข้ม ใช้แทน ฤดูหนาว, เต่าดำ, ธาตุน้ำ, ฯลฯ

จากที่เห็นมีเส้นทึบหรือเส้นตัดสองเส้นย่อมมีความเข้มสูงสุด ส่วนที่มีเส้นตัดกับเส้นทึบปนกันย่อมมีความเข้มอ่อนลง วิธีสังเกตว่าอยู่ในหมวดหยินหรือหยางให้ดูที่เส้นบน
แถมอีกนิดนึง จะเห็นว่าที่ความเข้มนี้มีเพียง 4 ธาตุ แต่ธาตุจีนจะมี 5 ธาตุ ขาดธาตุดินไปธาตุนึง ถามว่าธาตุดินอยู่ไหน? ตอบว่า ธาตุดินอยู่ตรงกลางระหว่างเปลี่ยนความเข้มหนึ่งไปสู่อีกความเข้มหนึ่ง หรือเรียกอีกอย่างว่าอยู่ตรงรอยต่อระหว่างฤดูกาล(ช่วง 18 วันก่อนเปลี่ยนฤดู) ซึ่งไม่สามารถเขียนออกมาได้ในความเข้มทั้งสี่นี้ แต่มีอยู่ มันคือการคิดแบบเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง คือคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลง(易)อยู่ตลอดเวลาเหมือนการเปลี่ยนฤดูกาล เพราะในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่งตายตัว แต่การเขียนเพื่ออธิบายจะดูเหมือนตายตัว ซึ่งถ้าไม่เขียนให้ตายตัวก็จะอธิบายไม่ได้ นี่คือความย้อนแย้งของการศึกษาทุกชนิด ไม่ว่าจะอ่านหนังสืออะไรก็ตาม ตรงจุดนี้ต้องตระหนักไว้ให้ดีครับ และการอธิบาย 5 ธาตุแบบนี้เป็นการอธิบายอีกแบบหนึ่งของการกำเนิด 5 ธาตุตามปกติที่ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทอง ฯลฯ ซึ่งต้องทำความเข้าใจบริบทใหม่กันพอสมควร และจะมีธาตุดินหยิน ธาตุดินหยาง อีก แต่จะไม่กล่าวเพิ่มเติมในที่นี้ เพราะไม่เกี่ยวข้องโดยเบื้องต้น

โอเค จากนั้นก็นำอีกเส้นมาเรียงจากล่างขึ้นบน 3 ขีด หรือ ปากว้า(八卦) หรือ 8 กว้า คือ

☰ 乾 เฉียน ใช้แทน พ่อ, ฟ้า, ธาตุทอง,ฯลฯ
☷ 坤 คุน ใช้แทน แม่, ดิน, ธาตุดิน, ฯลฯ
☳ 震 เจิ้น ใช้แทน ลูกชายคนโต, ฟ้าร้อง, ธาตุไม้, ฯลฯ
☵ 坎 ขั่น ใช้แทน ลูกชายคนกลาง, น้ำ, ธาตุน้ำ, ฯลฯ
☶ 艮 เกิ้น ใช้แทน ลูกชายคนเล็ก, ภูเขา, ธาตุดิน, ฯลฯ
☴ 巽 ซวิ่น ใช้แทน ลูกสาวคนโต, ลม, ไม้, ธาตุไม้, ฯลฯ
☲ 離 หลี ใช้แทน ลูกสาวคนกลาง, ไฟ, ธาตุไฟ, ฯลฯ
☱ 兌 ตุ้ย ใช้แทน ลูกสาวคนเล็ก, บึง, ทะเลสาบ, ธาตุทอง, ฯลฯ

จุดสังเกตในการจำระบบครอบครัวพ่อแม่ลูก คือ เพศชายให้สังเกตที่เส้นหยาง ⚊ ถ้าอยู่ข้างล่างก็คนโต อยู่ตรงกลางก็คนกลาง และอยู่ข้างบนก็คนเล็ก(เนื่องจากเส้นเรียงจากล่างทับซ้อนขึ้นบน ดังนั้นเส้นล่างจะเกิดก่อน) เพศหญิงก็เช่นกัน ให้ดูจาก ตำแหน่งของเส้นหยิน ⚋ ในแบบเดียวกัน ส่วนพ่อแม่นั้นจำง่ายอยู่แล้ว มีหยินหยางเต็มทั้งสามเส้น ส่วนตัวอักษรจีนที่กำกับนั้นเป็นชื่อเรียกในภาษาจีนของกว้าทั้งแปดนั้น

จากปากว้า 3 เส้น เมื่อนำกว้า 2 อันมาซ้อนกัน ก็จะเป็น 6 เส้น เรียกว่าเหยา(爻) จึงกำเนิดอี้จิงทั้ง 64 เหยา ขึ้นมา การตีความเบื้องต้นก็คือการแบ่งเหยาออกเป็นกว้าบนกับกว้าล่าง เช่น

䷞ แบ่งเป็น ☱ อยู่บน และ ☶ อยู่ล่าง เมื่อดูและเปรียบความหมาย จะได้ว่า ข้างบนคือลูกสาวคนเล็ก ข้างล่างคือลูกชายคนเล็ก ในที่นี้คนเล็กที่ว่าก็เปรียบได้กับวัยหนุ่มสาวหรืออ่อนวัยก็ได้ จาก ䷞ ทำให้เห็นว่า ชายหนุ่มติดตามหญิงสาวขึ้นไป ดังนั้นเหยานี้เกี่ยวกับการจีบกันของชายจีบหญิงหรือเกี่ยวกับความรัก อาจเป็นการแต่งงานก็ได้ ซึ่งหากไปเปิดคัมภีร์อี้จิงก็จะได้คำอธิบายภาษาจีนโบราณว่า 咸 แปลว่า ดึงดูด หรือ รวมตัว ซึ่งเป็นการตีความเหยานี้โดยโจวเหวินหวางนั่นเอง
หากเทียบกับลักษณะธรรมชาติก็จะได้ ทะเลสาบอยู่บนภูเขา ถ้าว่าตามหลักฮวงจุ้ยเรียกว่าทะเลสาบสวรรค์ ทำเลแบบนี้ถือว่ายอดเยี่ยมเพราะเป็นแหล่งรวมตัวของพลังชี่และเป็นแหล่งกำเนิดน้ำเป็นได้อย่างดีเลยทีเดียว เป็นตำแหน่งชี่มังกรระดับประเทศ ต้องรักษาไว้ห้ามทำลายโดยเด็ดขาด หากบ้านไหนมีอะไรคล้ายๆแบบนี้อยู่หน้าบ้านถือว่าได้ครอบครอบทำเลที่ดีเยี่ยม บ้านหลังนั้นจะให้กำเนิดวีรบุรุษ

นอกเรื่องไปไกลแล้ว กลับมาก่อน ๕๕๕
งั้น ตัวอย่างสุดท้าย

䷱ แบ่งเป็น ☲ อยู่บน และ ☴ อยู่ล่าง จะเห็นว่า ไม้อยู่ใต้ไฟ ดังนั้นเหยานี้ ภาพค่อนข้างชัด ถ้าเป็นการกระทำก็คือการหุงต้ม ถ้าเป็นสิ่งของก็เป็นภาชนะหุงต้ม เมื่อไปเปิดคัมภีร์อี้จิงก็จะได้คำอธิบายภาษาจีนโบราณว่า 鼎 แปลว่า หม้อสามขา ซึ่งเป็นหม้อที่ใช้ทำอาหารกินกันในสมัยก่อน หากถือเป็นเชิงสัญลักษณ์ของการทำอาหารก็ไม่จำเป็นต้องมีแค่สามขาเสมอไป การที่ไม้อยู่ใต้ไฟหรือสาวคนเล็กตามสาวคนกลางก็อาจตีความได้มากกว่านี้อีก

อี้จิงจึงเป็นตำราในการเสี่ยงทายที่เริ่มต้นมาจาก 2 ขีด หยินหยาง และซ้อนทับกันเข้าจนกลายเป็นกว้าและเหยาเพื่อสะท้อนแนวคิดทางปรัญชาธรรมชาติของจีนโบราณสมัยดึกดำบรรพ ซึ่งบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญกับธรรมชาติของสิ่งตรงข้ามว่าทุกสรรพสิ่งย่อมมีของคู่เป็นทวิภาวะเสมอ มีหยินก็มีหยาง มีฟ้าก็มีดิน มีชายก็มีหญิง มีสว่างก็มีมืด มีบนก็มีล่าง เป็นต้น ทั้งสองสิ่งนี้เหมือนจะขัดแย้งกันแต่แท้จริงแล้วอยู่ร่วมกันอย่างขาดกันไม่ได้ เหมือนเหรียญที่มีหัวก็ต้องมีก้อย เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็อาจหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน หรือเกิดสิ่งใหม่ขึ้น ในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็มาจากคำว่าอี้จิง 易經 โดย อี้ 易 แปลว่า เปลี่ยนแปลง หรือ ง่าย; จิง 經 แปลว่า คัมภีร์ จึงแปลตรงตัวได้ว่า คัมภร์แห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรูปลักษณ์ของคำว่า อี้ 易 ว่ากันว่ามาจากรูปลักษณ์ของกิ้งก่า และเพราะกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้ จึงมีความหมายว่า เปลี่ยน และบางสำนักก็บอกว่ามาจากรูปลักษณ์ของพระอาทิตย์ 日 กับพระจันทร์ 月 ที่เอามาเขียนต่อกัน ซึ่งทั้งคู่ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งและผันเปลี่ยนเรื่อยไป ซึ่งทั้งหมดก็ชี้ความหมายไปที่การเปลี่ยนแปลง
ในอี้จิงมีการเปลี่ยนแปลงทั้ง 64 เหยา ทำให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีสิ่งใดแน่นิ่ง ทุกสิ่งเป็นอนัตตา เปลี่ยนแปลงเสมอไป การเข้าใจถึงสิ่งนี้ได้ก็ย่อมเข้าใจธรรมชาติได้ เข้าใจธรรมชาติได้ก็ย่อมเข้าใจฟ้าดินได้ เข้าในฟ้าดินได้ก็ย่อมเข้าใจสรรพสิ่งได้ เข้าใจสรรพสิ่งได้จึงย่อมทำนายการเปลี่ยนแปลงได้ นั่นจึงทำให้อี้จิงถูกกล่าวถึงในฐานะของคัมภีร์เสี่ยงทายทำนายโชคชะตา ซึ่งการตีความก็จำเป็นต้องเข้าใจบริบทของจีนในสมัยโบราณก่อน จึงจะเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงตีความและเขียนคำอธิบายออกมาเช่นนั้น และในคัมภีร์อี้จิงที่โจวเหวินหวางได้ใช้ความอัจฉริยะภาพของท่านอธิบายความไว้ก็มีคุณค่าทั้งทางปรัชญา คุณธรรม ประวัติศาสตร์ และอื่นๆอีกมากมาย จึงควรค่าแก่การศึกษา สะสม และอนุรักษ์ไว้ แม้จะเป็นภาษาโบราณที่เข้าใจได้ยากมากในปัจจุบันก็ตาม(ก็ต้องตีความคำอธิบายกันอีกหลายตลบ)

ขีดของเหยาทั้ง 64 นั้นมีมานานมากแล้วก่อนจะมีคัมภีร์อี้จิงเสียอีก ทั้งยังมีการเขียนเหยาหลายแบบ เช่น ︿ แทนหยิน และ ⚊ แทนหยาง ก็มี หรือในยุคนี้เราจะเขียนเป็น 0 แทนหยิน และ 1 แทนหยาง โดยให้หลักใหญ่แทนเส้นล่างก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงการแปรเปลี่ยนของเหยาก็ยังคงเรียงลำดับเหมือนกันทั้ง 64 แบบ ที่เกิดจาก 2 กว้าซ้อนกันเป็นเบื้องต้น สมัยก่อนนั้นมีหลายสำนักที่ได้เขียนคัมภีร์อธิบายความอี้จิงในแบบของตนเองเอาไว้หลากหลายเล่ม แต่ได้หายสาบสูญไปหมดแล้ว หลงเหลือเพียงอี้จิงโจวอี้เล่มเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นตำรับดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดที่มีในตอนนี้ ยุคนั้นเป็นช่วงปลายของยุคหินใหม่ นับว่าเก่าแก่มากทีเดียว น่าจะเริ่มมีการเอาทองแดงมาใช้บ้างแล้ว แต่ยังถลุงโลหะไม่ได้ แล้วคัมภีร์ที่เขียนขึ้นก่อนยุคหินใหม่นั้นอีกเล่า ก็น่าจะแทบไม่หลงเหลือมาเท่าไหร่นัก จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ เราจึงไม่อาจทราบได้ว่าคัมภีร์ของสำนักอื่นๆนั้นได้ตั้งชื่อและตีความแต่ละเหยาว่าอย่างไรกันบ้าง แต่ที่แน่ๆ(น่าจะนะ)ว่ากว้าทั้ง 8 ยังคงความหมายเดียวกันที่ใช้ในการตีความ แต่ความหมายของกว้ายังมีมากกว่าแค่ระบบพ่อแม่ลูกหรือลักษณะธรรมชาติที่ใช้เป็นหลักเท่านั้น ยังมีแทนทิศทั้งแปด, สัตว์, อวัยวะของร่างกาย, ฯลฯ และอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าแทนได้ทุกสิ่งในธรรมชาติตามระดับความเป็นหยินหยางของมัน ตรงนี้ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเอาครับ

ก็ลองนำหลักการข้างต้นไปตีความเหยาของอี้จิงกันสนุกๆในแบบของตัวเองนะครับ แน่นอนว่าการมีแบบมาตราฐานไว้เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรปิดกั้นการตีความในทัศนะอื่นๆด้วย ไม้อยู่ใต้ไฟ นอกจากการหุงต้มแล้วอาจเป็นอย่างอื่นได้อีกมั้ย? ก็ต้องลองไปขบคิดกันดูนะครับ ยิ่งมีแนวคิดที่หลากหลายก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ การแลกเปลี่ยนแนวคิดที่หลากหลายแบบบัณฑิตที่ยอมรับความคิดเห็นอาจเจอมุมที่อาจคาดไม่ถึงก็เป็นได้ แต่ถ้าอยากเข้าใจความคิดดั้งเดิมของชาวจีนโบราณ ก็ต้องศึกษาสิ่งที่ชาวจีนโบราณเขาศึกษาด้วย บริบทแวดล้อมและวัฒธรรมจึงสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจความคิดของชนชาตินั้นๆหรือยุคสมัยนั้นๆ

นั่นละครับ การจะทำความเข้าใจอี้จิงนั้นไม่ง่าย(易)เหมือนชื่อเลย


07 กันยายน 2566

ซานไห่เจิ้น 山海鎮 - ยันต์น้ำภูเขา(มหามงคล) ยันต์ชั้นสูงของฮวงจุ้ย


ซานไห่เจิ้น 山海鎮 ยันต์นี้มีชื่อเรียกในภาษาไทยหลายแบบ เช่น ยันต์น้ำภูเขา, ยันต์คุ้มภูเขาทะเล, ยันต์ภูเขามหาสมุทร, ยันต์ภูผาสมุทร, ยันต์กระจกน้ำภูเขา(เนื่องจากบางแบบจะมีกระจกนูนติดมาแทนหยินหยาง จึงเพิ่มคำว่ากระจก หรือบางแบบวาดยันต์บนพื้นผิวกระจกเงาเลยก็มี), ฯลฯ คำว่า 山海鎮 อาจแปลตรงตัวได้ว่า ปราการภูเขาสมุทร ว่ากันว่าเป็นยันต์ชั้นสูงในทางฮวงจุ้ยช่วยปกป้องคุ้มครองจากพลังชั่วร้ายได้สารพัด เพียงนำไปแขวนไว้ตรงจุดที่ต้องการแก้เคล็ด ไม่ว่าจะเป็น ช่องลมพิฆาต, จั่วแหลม, มุมอาคาร, แสงสะท้อนพิฆาต, ถนนพุ่งตรงปะทะ, บ้านตรงข้ามติดตั้งยันต์กระจกเงาแปดเหลี่ยมปะทะ, ประตูบ้านตรงกับประตูบ้านของบ้านตรงข้าม, ช่องว่างระหว่างหลังห้องครัวกับบ้านข้างหลังใกล้กันเกินไป, บ้านอยู่ใกล้สุสาน; สถานที่ทางศาสนา; สถานที่ราชการ; เมรุ; ที่รกร้าง; บ้านร้าง; กองขยะ; ทางสามแพร่ง; สะพานยกระดับ; หม้อแปลงไฟที่เสาไฟฟ้า; เสาสัญญาณ, ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วย โชคร้าย ไม่ราบรื่น เกิดความเครียดในครอบครัว อยู่บ้านไม่สงบ นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง ทำให้ทั้งเสียสุขภาพกายและใจ ฯลฯ
เรียกว่าได้ทุกอย่างที่ผิดหลักฮวงจุ้ยประเภทที่เข้ามาปะทะ ใช้ยันต์ซานไห่เจิ้นเพื่อยับยั้งสิ่งชั่วร้ายได้ พลิกกลับหยินหยาง เปลี่ยนร้ายกลายดี ปรับสมดุลบ้าน นอกจากจะขจัดสิ่งชั่วร้ายแล้วยังนำมงคลมาสู่ตัวบ้านอีกด้วย ที่สำคัญยันต์ซานไห่เจิ้นนี้ไม่ทำร้ายเพื่อนบ้าน (แต่ถ้าเป็นยันต์กระจกเงาแปดเหลี่ยมแบบเรียบที่เห็นกันทั่วไป ใช้สะท้อนสิ่งปะทะและดูดมาสะกดไว้ในกระจก ต้องใช้อย่างระวัง ไม่ควรติดตั้งปะทะบ้านคนอื่น อาจทำให้บาดหมาดกันได้ บางสำนักบอกว่าไม่ควรติดตั้งเลยเพราะมันเอาไว้ถือใช้สำหรับส่องเข้าที่มืดขจัดสิ่งชั่วร้าย, กระจกนูนใช้สะท้อนและสลายสิ่งปะทะ ไม่ทำร้ายบ้านตรงข้าม, กระจกเว้าใช้บิดเบือนสิ่งปะทะ ไว้แก้ตึกสูงบดบัง) บางคนถึงกับบอกว่า ถ้าไม่รู้จะแก้ฮวงจุ้ยบ้านตรงไหนก็ให้ติดซานไห่เจิ้นไว้ก่อน (แต่ผมว่าทางที่ดีควรศึกษาก่อนจะดีกว่านะครับ จะได้ตรงจุด)

ต้นแบบยันต์ซานไห่เจิ้นมาจากคัมภีร์หลู่ปานจิง 魯班經 ซึ่งเป็นตำราฮวงจุ้ยโบราณหายากเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่ตรงตามหลักฮวงจุ้ยและการแก้เคล็ดต่างๆ(ในคัมภีร์เล่มนี้ยังพูดถึง ยันต์กระจกแปดเปลี่ยม, สิงห์คาบดาบ, ฯลฯ และอื่นๆอีกด้วย ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นการรวบรวมมากจากวิธีการโบราณอีกที) รูปแบบในการวาดซานไห่เจิ้นมักจะประกอบด้วยภูเขา 3 หรือ 5 ลูก และมีทะเลอยู่ข้างล่าง อาจจะมีหรือไม่มีเรือขนทองก็ได้(ส่วนใหญ่ไม่มี) โดยข้างบนจะมีพระอาทิตย์อยู่ขวากับพระจันทร์อยู่ซ้าย และหยินหยางหรือปากว้าอยู่ตรงกลาง(บางแบบใช้กระจกนูนแทนหยินหยาง) และคำอักขระยันต์ตามแต่ละสำนักจะเขียนลงไป ยันต์นี้สำหรับติดไว้หน้าบ้านมักจะมีคำว่า 我家如山海 對我正生財 (หรือ 他作我無妨) อยู่ด้วย ซึ่งแปลว่า "บ้านข้าพเจ้าเปรียบดั่งภูผาและมหาสมุทร ซึ่งนำความมั่งคั่งมาสู่ข้าพเจ้า (ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไร้ภยันตราย)" โดยภูเขาแทนความมั่งคงสงบสุขของครอบครัว ซึ่งสิ่งชั่วร้ายไม่อาจข้ามเขาเข้ามาในตัวบ้านได้ มหาสมุทรแทนการพัดพาทรัพย์สินต่างๆเข้ามาเกยที่บ้าน และพระจัทร์พระอาทิตย์และหยินหยางขับไล่วิญญาณร้าย ทำให้วิญญานร้ายสับสนและต่อสู้กันเอง นี่คือความคาดหวังในการรับธรรมคุณแห่งยันต์ซานไห่เจิ้น ปัดเป่าความชั่วร้าย หนุนเสริมความมั่งคั่ง ถือเป็นเครื่องรางมหามงคล
  • ก่อนติดตั้งยันต์ที่บ้านแนะนำว่าควรบอกเจ้าที่เจ้าทางก่อน ด้วยการจุดธูป 5 ดอก หันหน้าเข้าหาบ้าน และกล่าวว่า "ข้าแต่เจ้าที่เจ้าทาง บ้านเลขที่......(ที่อยู่ของบ้านหลังนั้น) วันนี้วันดี ข้าพเจ้า......(ชื่อ-นามสกุล) ขออนุญาตติดตั้งยันต์ซานไห่เจิ้นเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว ......(และขอพรตามใจปราถนา)" แล้วปักธูปลงในกระถางธูปที่เตรียมไว้
  • มักนิยมติดตั้งยันต์ไว้ภายนอก เหนือกรอบประตูทางเข้าของตัวบ้าน จริงๆสามารถติดตั้งที่ผนังของตัวบ้านด้านไหนก็ได้ที่โดนปะทะ คุ้มครองได้ 180 องศาจากด้านที่ติดตั้ง หรือจะวางไว้หลังกระจกใสเหนือประตูหรือหน้าต่างก็ได้ ส่องผ่านเหล็กดัดออกไปก็ได้ไม่เป็นปัญหา โดยให้ติดตั้งอย่างมั่นคง หันรูปออกข้างนอก
  • หากอยู่คอนโดหรือห้องพัก ไม่สะดวกติดตั้งไว้นอกห้อง ให้ติดตั้งไว้ภายใน โดยวางไว้บนตู้สูง หันรูปไปทางนอกห้อง
  • ควรเลือกขนาดยันต์ให้เหมาะกับขนาดบ้านหรือเหมาะกับปริมาณของสิ่งที่ปะทะ บ้านพักอาศัยมักใช้ขนาดเล็ก(5"); บ้านขนาดกลางขึ้นไป, ร้านค้า, สำนักงาน, ร้านอาหาร มักใช้ขนาดกลาง(7")ถึงขนาดใหญ่(12")ขึ้นไป ขนาดยิ่งใหญ่ประสิทธิภาพยิ่งมาก
  • ควรติดตั้งในวันธงไชยและเลือกเวลาฤกษ์ยามมงคล(ดูได้จากปฏิทินจีน) นิยมติดตั้งช่วงกลางวันก่อนบ่ายโมง บางสำนักบอกว่าเวลาดีที่สุดคือเที่ยงวัน
  • ปกติประตูบ้านควรเป็นแบบเปิดเข้า(ดี) เพื่อดึงพลังชี่เข้ามาภายในตัวบ้าน แต่ถ้าประตูบ้านเป็นแบบบานเลื่อนจะไม่ช่วยดึงชี่เข้าบ้าน(กลางๆ ไม่ดีไม่ร้าย ไม่ช่วยอะไร) หรือแบบเปิดออกจะผลักชี่ออกไปจากบ้าน(ไม่ดี) ทำให้ไม่ได้รับพลังชี่ที่ควรจะได้(พลังชี่มากักรออยู่หน้าประตูทั้งคืน พอตื่นเช้าประตูเปิดออก ก็ผลักชี่ไปหมด) การติดตั้งซานไห่เจิ้นไว้เหนือกรอบประตูจะช่วยกระตุ้นชี่ให้เข้ามาไหลเวียนภายในบ้านได้ดีขึ้น บางแหล่งจึงบอกว่าใช้แก้เคล็ดประตูบ้านแบบเปิดออกและแบบบานเลื่อนได้
  • บางแหล่งบอกว่าสามารถติดตั้งภายในเพื่อแก้เคล็ดในบ้านได้ด้วย เช่น ประตูตรงกัน, ประตูตรงเตา, ฯลฯ ให้ติดตั้งซานไห่เจิ้นอันเล็กๆไว้เหนือกรอบประตู แต่บางแหล่งบอกว่าควรใช้ภายนอกเท่านั้น (การแก้ประตูตรงกันนิยมใช้น้ำเต้าเล็กติดเหนือกรอบประตูมากกว่า)
  • เนื่องจากพลังของธรรมชาติมีไม่สิ้นสุด ทำให้บางสำนักเชื่อว่าของแก้เคล็ดต่างๆควรเปลี่ยนทุกๆ 1-3 ปี เพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าแก้ที่ต้นเหตุได้จึงดีกว่าแก้เคล็ด แต่สำนักส่วนใหญ่บอกว่าซานไห่เจิ้นมีฤทธิ์ถาวร แม้ซีดจางก็ใช้ต่อได้ ไม่มีเสื่อม ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ เว้นแต่แผ่นยันต์จะฉีกขาดแตกหัก
  • บางสำนักบอกว่า หากหายันต์ซานไห่เจิ้นไม่ได้ แค่เขียน 山海鎮 สามอักขระนี้ลงบนกระดาษสีแดง และติดตั้งไว้ในวันมงคล ก็ใช้ได้เช่นกัน
  • แต่เชื่อกันว่ายันต์ซานไห่เจิ้นต้องผ่านพิธีปลุกเสกและเจิมชาดจูซา(珠砂)ก่อนจึงจะมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น (ชาด มีสีแดงสด เชื่อกันว่าเป็นแร่ที่กักเก็บพลังของฟ้าดินและตะวันจันทราไว้ ใช้ขจัดภูติผีวิญญาณร้าย เป็นหนึ่งในสมุนไพรจีนชั้นสูงใช้ระงับประสาท)
ฮวงจุ้ยที่ดีจะช่วยเกื้อหนุนผู้อาศัยได้อย่างแน่นอน เสมือนมีชัยภูมิดีในการรบย่อมได้ประโยชน์ แต่จะรบได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความอุตสาหะของแม่ทัพหรือเจ้าบ้านเอง

แรกเห็นภาพซานไห่เจิ้นบอกเลยว่ารู้สึกชอบมากๆ เป็นการออกแบบที่สวยงาม ยิ่งพอได้อ่านเรื่องราวของมันก็ยิ่งชอบ มีความหมาย น่าอนุรักษ์เอาไว้อย่างมาก แม้คนที่ไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยถ้าได้เห็นก็น่าจะชอบและอาจอยากจะมีไว้ประดับบ้านแน่ๆเลย
เรื่องราวของยันต์ซานไห่จิงนี้ยังมีข้อมูลน้อยมากในภาษาไทย ผมก็เลยหยิบยกมานำเสนอพอสังเขปสำหรับผู้ที่สนใจได้อ่านประดับความรู้กันสนุกๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่า ศาสตร์ทางนี้ลึกลับและซับซ้อนมาก หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ภูเขาบริหารคน, น้ำบริหารทรัพย์;
ถ้าคนและทรัพย์เจริญรุ่งเรือง, ยศฐาบรรดาศักดิ์ย่อมมาเอง.
-สุภาษิตจีน
山管人丁,水管財;
丁財兩旺,貴自來。
俗話

ภาพ 山海鎮 จากคัมภีร์ 魯班經

山海鎮 แบบมีกระจกนูน
มักเรียกในภาษาไทยว่า ยันต์กระจกน้ำภูเขา

สำหรับผู้ที่สนใจ ยันต์ซานไห่เจิ้น มีจำหน่ายใน Shopee ด้วยครับ https://shope.ee/3VHtv403Vl

หากท่านได้ประโยชน์และต้องการตอบแทนความรู้นี้ ก็ขอให้ท่านนำเงินหรือของบริจาคไปบริจาคที่ไหนก็ได้ตามแต่ท่านศัทธา ขออนุโมทนาสาธุไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอให้ท่านและครอบครัวพบกับสิ่งดีๆครับ

แถม
บทความร่วมฮู้ยันต์อื่นๆที่น่าสนใจอ่านได้ที่ ฮู้ ยันต์จีน - อักขระปัดเป่าเภทภัย เสริมดวงชะตา

อ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติม

08 สิงหาคม 2566

การเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญจิตใจ ภาค 2

Photo by Rubenstein Rebello: https://www.pexels.com/photo/wristwatch-placed-near-open-book-5022345/

จากบทความเดิมการเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญจิตใจ สำหรับบทความนี้เป็นภาคสอง ซึ่งอยากจะชวนคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งครับ

เมื่อสืบสาวลึกไปในอดีตโบราณประมาณสองสามพันปีก่อน แนวคิดในการเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญจิตใจหรือฝึกสมาธิก็มีอยู่แล้วในประเทศจีน เหล่านักพรตนักปราชญ์มักจะมีเครื่องดนตรีติดตัวเสมอ อาจใช้เพื่อทำพิธีปัดเป่าโรคร้ายภยัตรายหรือบำเพ็ญภาวนาตามแต่วาระ ซึ่งการบรรเลงดนตรีในสมัยโบราณเพื่อการบำเพ็ญนั้น หลังจากที่ร่ำเรียนโน้ตและเทคนิคการเล่นจนเชี่ยวชาญ รวมถึงบทเพลงมาตราฐาน เมื่อต้องการบำเพ็ญ นักพรตมักจะบรรเลงออกมาจากอารมณ์ความรู้สึก โดยไม่ต้องเล่นตามเพลงใดใด แค่เล่นออกมาจากจิตใจ ณ ขณะนั้น เป็นการเล่นแบบด้นสด โดยใช้เครื่องดนตรีและเทคนิคที่ร่ำเรียนมาเป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกผ่านเสียงดนตรี เมื่อเวลาผ่านไป บางบทเพลงที่บรมครูบรรเลงออกมาเหล่านั้นก็ได้รับการรวบรวมบันทึกเป็นโน้ต และนับถือเป็นเพลงมาตราฐานเพิ่มเติมในเวลาต่อมา
จะเห็นว่า แต่เดิมเครื่องดนตรีถูกใช้เป็นเครื่องมือแสดงและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก(ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น) แต่เป็นแบบไม่ต้องเล่นตามเพลงใดใด คือเล่นแบบด้นสด เป็นการใช้เสียงดนตรีแสดงออกแทนคำพูด ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกในใจออกมาในรูปแบบของเสียงดนตรี ดีใจก็บรรเลงออกมา โกรธเกรี้ยวก็บรรเลงออกมา ฯลฯ หรือแม้กระทั่งการบรรยายทิวทัศน์ สภาพแวดล้อม ความคิด ปรัชญา ฯลฯ ก็มีการบรรเลงผ่านเสียงดนตรีด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งเหล่านั้นถูกแสดงออกมาเป็นรูปธรรมในแบบหนึ่ง ในที่นี้คือเสียงดนตรี จากการได้แสดงตัวตนนี้ เราก็ใช้สิ่งนั้นทำความเข้าถึงจิตใจของตนเอง ผ่อนคลาย และให้การบรรเลงดนตรีเป็นการบำเพ็ญจิตใจไปพร้อมๆกัน ให้ดนตรีคือเครื่องมืออย่างหนึ่งในการบำเพ็ญภาวนา เป็นดนตรีบำบัดจิตใจ ดนตรีทำให้มีความสุขได้เพียงลำพัง
ซึ่งอันที่จริงอาจเป็นประโยชน์ได้สองทาง คือทั้งทางผู้บรรเลงและผู้ฟัง มีเรื่องเล่าของจีนโบราณเล่าขานกันมาดังนี้

ยุคชุนซิว (ปีที่ ๗๗๐ – ๒๒๑ ก่อน ค.ศ.) โป๋หยา ชาวรัฐฉู่ ผู้ชำนาญการบรรเลงกู่ฉิน วันหนึ่งดีดกู่ฉินให้จงจื่อฉีฟัง จงจื่อฉีฟังแล้วพูดว่า ท่วงทำนองเพลงกู่ฉินของท่านทำให้เรานึกถึงความยิ่งใหญ่ของภูเขาไท่ซาน โป๋หยาก็บรรเลงกู่ฉินต่อไปอีกท่อน พอบรรเลงจบจงจื่อฉีพูดว่า ท่วงทำนองเพลงที่ท่านเพิ่งบรรเลงจบไปนั้นราวกับสายน้ำไหล จากนั้นโป๋หยาและจงจื่อฉีจึงกลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่รู้ใจ และเข้าใจกันทุกเรื่องเพราะไม่ว่าโป๋หยาจะบรรเลงเพลงใด จงจื่อฉีก็จะเข้าใจว่าในบทเพลงนั้นเป็นการบรรยายสิ่งใด วันหนึ่งเมื่อโป๋หยาทราบว่าจงจื่อฉีเสียชีวิต เขาโศกเศร้าเสียใจมากแล้วพูดว่า เมื่อในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเข้าใจบทเพลงของเรา แล้วไยจะต้องดีดฉินอีกต่อไป และแล้วโป๋หยาก็ทำลายกู่ฉินของเขาจนแหลกละเอียด ไม่ยอมเล่นกู่ฉินตลอดชีวิต
เพลงที่กล่าวไว้ในเรื่องเล่านั้นถูกบันทึกโน้ตกู่ฉินไว้ ชื่อเพลงว่า เขาสูงน้ำไหล 高山流水

ในการบำเพ็ญภาวนาผ่านการเล่นดนตรีของจีนนั้นมีธรรมเนียมอยู่ว่า ก่อนจะบรรเลงกู่ฉินต้องอาบน้ำ แต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องล้างมือให้สะอาด เมื่อจะบรรเลงกู่ฉินต้องเลือกดูผู้ฟังด้วย หากว่าไม่มีผู้เข้าใจหรือสามารถซาบซึ้งในเสียง ก็ให้บรรเลงคนเดียว ท่ามกลางสายลมเย็น ใต้เงาจันทร์ ในป่าสน หรือท่ามกลางภูเขา
ก็อาจลองนำไปปรับใช้กันดูครับ

การเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องใช้เพลงเฉพาะทางเหมือนที่กล่าวไว้ในบทความก่อนก็ได้ หรือบางทีก็อาจจำเป็นในระดับหนึ่งเพื่อเป็นเพลงมาตราฐานที่ควรฝึกฝีมือ แต่เมื่อย้อนกลับไปถึงราก การบรรเลงด้นสดจากจิตวิญญานเพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมานั้นอาจคือรากของการเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญก็ได้ แล้วการเล่นทบทวนเพื่อบรรเลงซ้ำค่อยตามมาในภายหลัง และการจะบรรเลงโดยสื่ออารมณ์ให้ผู้อื่นรู้สึกตามได้นั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมาก
ความย้อนแย้งของดนตรีหรือศิลปะคือ เราจำเป็นต้องเรียนพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นโน้ต เทคนิค และบทเพลงมาตราฐาน หากไม่ยอมฝึกพื้นฐานเหล่านี้ก็จะไปต่อถึงศิลปะชั้นสูงไม่ได้ แต่เมื่อเราฝึกฝนเรียนรู้จนเชี่ยวชาญแล้ว ก็ต้องลืมสิ่งเหล่านั้นไปให้หมด หากยังยึดติดสิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นได้เพียงผู้เชี่ยวชาญ ไม่อาจเป็นศิลปินได้ ให้เทคนิคเหล่านั้นซึมซับเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา แล้วจากนั้นก็บรรเลงออกมาจากจิตวิญญาณ ขัดเกลาอัตตา จนสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ในที่สุด

บางที การเล่นดนตรีเพื่อบำเพ็ญภาวนาจิตใจ เพียงแค่เล่นออกมาจากจิตวิญญานอย่างบริสุทธิ์ ด้วยทัศนคติแห่งการภาวนา ทำให้ในห้วงขณะนั้นเป็นการเฉลิมฉลอง ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา โดยไม่ต้องสนว่าใครจะมองอย่างไรหรือจะคิดเห็นอย่างไร เพราะความคิดเห็นของคนอื่นที่เรารับมาคืออัตตาของเรา ปล่อยทุกสิ่งให้มันเป็นเช่นที่มันจะเป็น ไหลไปกับสายธารแห่งท่วงทำนองของตนเอง คนที่เข้าใจจะเข้าใจ คนที่ไม่เข้าใจเขาจะไปหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเขาเองได้ หากไม่มีใครเข้าใจก็จงบรรเลงเพียงลำพัง ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อการบำเพ็ญมิใช่อวดโอ้ แต่หากมีผู้เข้าใจด้วยก็ยินดีที่จักได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ดั่งโป๋หยาและจงจื่อฉี นักดนตรีจึงอยากแบ่งปันสิ่งที่ดนบรรเลงอยู่เสมอ เพื่อเป็นการแบ่งปันแรงบันดาลใจสู่ผู้อื่น
อันที่จริงในการบำเพ็ญภาวนา อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความก่อนว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นการเล่นดนตรีเท่านั้น งานศิลปะต่างๆหรืองานการที่ทำทั้งหลาย ข้อเพียงกระทำอย่างสร้างสรรค์ก็ภาวนาจิตใจได้เช่นกัน นักดนตรีบรรยายผ่านเสียงดนตรี นักวาดบรรยายผ่านภาพ นักเต้นบรรยายผ่านท่วงท่า นักกวีบรรยายผ่านถ้อยคำ สายบู๊ฝึกรำมวยจีน ฯลฯ มันขึ้นอยู่กับท่าทีมิใช่สิ่งที่ทำ การสร้างสรรค์ทั้งหลายที่เป็นการแสดงตัวตนออกมาจากภายใน งานทุกอย่าง ย่อมสามารถนำมาใช้ในการบำเพ็ญภาวนาภายในได้ หากทัศนคติของเราต้องการให้เป็นเช่นนั้น

ค้นหาเครื่องมือของตนเองให้พบ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี วาดภาพ เขียนกวี การร่ายรำ หมากรุก หมากล้อม หมากกระดาน ไพ่ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่ชอบและสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องแค่อย่างเดียว กี่อย่างก็ได้ตามใจต้องการ หรือตามโอกาสอำนวย อย่ามีจิตใจที่ยากจน จงมีจิตใจที่ร่ำรวย ในจิตใจเราสามารถมีได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องต่อต้าน มีแต่การโอบรับและเฉลิมฉลองไปกับชีวิต แล้วจากนั้นฝึกฝนเรียนรู้มัน เพื่อจะได้ใช้เครื่องมือนั้นในการบำเพ็ญจิตใจได้อย่างเต็มที่
แต่สุดท้ายแล้ว เครื่องมือต่างๆก็เป็นเพียงสิ่งภายนอก สิ่งสำคัญที่สุดคือท่าทีหรือทัศนคติภายในตัวตนของเราเอง บางที แค่มีลมหายใจ ก็เพียงพอที่จะบำเพ็ญจิตใจแล้วก็ได้

“เมื่อเข้าใจในเสียงเพลง แล้วไยต้องขึ้นสายเพื่อให้เกิดเสียง”
-เถายวนหมิง (ค.ศ. ๓๖๕-๔๒๗) กวีชื่อดังในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก ผู้บรรเลงกู่ฉินไร้สาย

Photo by nicollazzi xiong: https://www.pexels.com/photo/four-rock-formation-668353/
แถม
กู่ฉิน 古琴 แปลว่า พิณโบราณ เป็นเครื่องดนตรีจีนมี 7 สาย นิยมเล่นกันในหมู่ปัญญาชนคนมีความรู้ของจีนโบราณ เนื่องจากเสียงที่ทุ่มต่ำและชวนสงบของมัน จึงไม่ค่อยหวือหวาเหมือนเครื่องดนตรีอื่นๆ ทำให้ไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างที่ต้องการความครื้นเครง ปัจจุบันนี้ก็มีผู้เล่นอยู่บ้างในกลุ่มเล็กๆที่ชื่นชอบปรัชญาและการบำเพ็ญจิตใจ
ในภาษาจีนเครื่องดนตรีที่ถูกเรียกว่า ฉิน 琴 มีหลายประเภท มีประเภทหนึ่งเรียกว่า โข่วฉิน 口琴 แปลว่า พิณปาก ซึ่งก็คือ เม้าธ์ออร์แกน Mouth Organ หรือ Hamonica ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ผมเล่นเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ และอยากชวนเพื่อนๆมาเล่นด้วยกัน มันเป็นเครื่องดนตรีที่เริ่มได้เล่นง่าย เล่นด้วยการควบคุมลมหายใจเข้าออก ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ดูแลรักษาง่าย เสียงไพเราะ ราคาไม่แพง อยากให้ทุกคนมีไว้เป็นเครื่องดนตรีประจำตัว สามารถอ่านบทความวิธีเล่นฮาร์โมนิก้าเบื้องต้นของผมได้ที่ https://cutt.ly/jazzylj-harmonica

อ้างอิง