Sponsor

01 สิงหาคม 2567

การประสานอิน 九字印 - โยคะนิ้วเพิ่มพลังสมาธิฟื้นฟูร่างกายป้องกันภยันตราย

ภาพจากตำรา 九字護身法 (คาถากันตัวเก้าอักษร) ปี 1881
อ่านจากขวาไปซ้าย
https://t.ly/FpI9a

ประสานอิน ที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันนี้น่าจะมาจากคำว่า 九字印 (Kuji-in; คุจิอิง -ญี่ปุ่น, จิ่วจื้ออิ้น -จีนกลาง) แปลว่า เก้าอักขระลัญจกร คือการทำท่ามือเก้าแบบ ซึ่งการทำท่ามือแบบนี้เรียกกันว่า มุทรา (Mudra) หรือ โยคะนิ้ว มีท่วงท่ามากมาย ซึ่งท่ามือทั้งเก้านี้ เล่ากันว่าเกิดมาจากลัทธิเต๋า ที่ได้รับอิทธิพลโยคะนิ้วจากอินเดียอีกทีนึง แล้วก่อเกิดเป็นท่านิ้วทั้งเก้า เก้าอักขระนี้เดิมเป็นคาถาป้องกันตัวประกอบไปด้วย

臨兵闘者皆陳裂在前

ลิ๋น ปิง โต้ว เจ่อ เจีย เจิ้น เลี่ย ไจ้ เชี๋ยน (สวดแบบจีนกลาง)
ริน โป โต ชา ไก จิน เร็ตส์ ไซ เซ็น (สวดแบบญี่ปุ่น)

นักรบ[แห่งเบื้องบน]ที่ลงมาล้วนจัดขบวนทัพอยู่เบื้องหน้า[ซึ่งเป็นกองหน้าให้ข้าฯ]

ประโยคนี้ปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์เต๋า เป่าผู่จื่อ 抱朴子 รจนาโดย เก่อหง 葛洪 โดยมีคำต่างกันเล็กน้อยแต่ให้ความหมายใกล้เคียงกัน (บางก็บอกว่านี่คือบทสวดแบบจีน) คือ

臨兵鬭者,皆陣列前行。

ลิ๋น ปิง โต้ว เจ่อ, เจีย เจิ้น เลี่ย เชี๋ยน ซิ๋ง.

นักยุทธ์[แห่งเบื้องบน]ที่ลงมา, ล้วนจัดขบวนแถวเดินทัพเบื้องหน้า[ซึ่งเป็นกองหน้าให้ข้าฯ].

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทอธิฐานในคัมภีร์ แต่เดิมใช้ปลุกใจทหารก่อนออกรบเพื่อชัยชนะ ต่อมาถูกนำไปใช้เป็นมนตราปราบมารขับไล่สิ่งชั่วร้าย ซึ่งว่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ภายหลังใช้สวดเพื่อป้องกันภยันตราย ชนะการต่อสู้ ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มพลังให้กับจิตวิญญาณ

ที่แปลมานี้เป็นการแปลแบบกลางๆตามบริบท จริงๆเรื่องความหมายของคำเหล่านี้ถูกตีความไปมากมาย แปลได้หลากแบบหลายบริบท จัดหมวดเป็นหยินหยาง จัดเป็นดาวนพเคราะห์ ฯลฯ และอะไรอีกหลายอย่าง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในศาสตร์ต่างๆตามแต่จะตีความ

โดยมนตร์ทั้งเก้าคำเชื่อมโยงกับท่ามือดังนี้

臨 (ลิ๋น; ริน [มองลงมาจากเบื้องบน]) วัชระลัญจกร: ไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ การรักษาจิตใจให้ไม่หวั่นไหวและไม่สับสน และเสริมร่างกายให้แข็งแกร่ง
兵 (ปิง; โป [ทหาร]) มหาวัชระลัญจกร: ยืนอายุและย้อนวัยเสริมความมีชีวิตชีวา
闘 (โต้ว; โต [การต่อสู้]) พาหิระราชสีห์ลัญจกร: กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ส่งเสริมความมุ่งมั่นเมื่อเจอความยากลำบากติดขัด
者 (เจ่อ; ชา [ผู้นั้น]) อันตรราชสีห์ลัญจกร: ควบคุมร่างกายของตัวเองและร่างกายของผู้อื่นได้อย่างอิสระ
皆 (เจีย; ไก [ล้วน]) พาหิระพันธะลัญจกร: รู้ใจและควบคุมใจของผู้คน
陳 (เจิ้น; จิน [จัดขบวน]) อันตรพันธะลัญจกร: รวบรวมความนิยมชมชอบและความเคารพ
裂 (เลี่ย; เร็ตส์ [แถว]) ปัญญามุฐิลัญจกร: ใจแห่งการช่วยเหลือผู้อื่น
在 (ไจ้; ไซ [อยู่]) ตะวันวัฏฏะลัญจกร: สามารถใช้พลังพิเศษได้อย่างอิสระมากขึ้น
前 (เชี๋ยน; เซ็น [เบื้องหน้า]) เร้นลักษณ์ลัญจกร: พุทธภูมิ เข้าใกล้ภูมิธรรมแห่งอภิมนุษย์

วิธีทำคือ ทำลัญจกรทีละท่าและสวดมนตราทีละคำตามลำดับ หรือจะทำท่าใดท่าหนึ่งที่ต้องการค้างไว้ก็ได้ ซึ่งแต่ละท่าก็มีสรรพคุณแตกต่างกันไป แต่โดยรวมก็ใช้ในการทำสมาธิและบำรุงสุขภาพได้

ตามหลักของแพทย์แผนจีนนั้น บนฝ่ามือและนิ้วมีจุดสะท้อนอวัยวะภายในจำนวนมาก นอกจากการนวดกดจุดฝ่ามือและนิ้ว หรือหมุนลูกติ้งแล้ว การทำโยคะนิ้วก็ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มอัตราการฟื้นฟูอวัยวะภายในได้
นินจาเองก็นำท่าทั้งเก้าท่าเหล่านี้มาใช้ เพื่อรับมือกับความกดดันในขณะซุ่มซ่อนทำภารกิจลับ ทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ร่วมกับการกำหนดลมหายใจ ทำให้จิตใจสงบและเฉียบคม

โดยท่าประสานอินทั้งเก้านี้มีการบีบรัดข้อนิ้วในหลายส่วน ถ้าตามหลักการกดจุดแล้ว การกดจุดบริเวณนิ้วมือหรือดึงข้อนิ้วมือเบาๆทุกนิ้วจะช่วยลดความกระวนกระวาย  ความตื่นตระหนกตกใจ ทำบ่อยๆใช้แก้อาการตกใจง่าย แก้อารมณ์แปรปรวนง่าย แก้อาการประสาทไวเกินควร ลดความหวาดหวั่น แก้ปัสสาวะรดที่นอนได้

โอเค ไหนๆก็ไหนๆแล้ว งั้นมาฝึกการทำเก้าอักขระลัญจกรกันดีกว่า แนะนำว่าให้ดูคลิปและเปรียบเทียบกับภาพจากตำราข้างบนด้วยนะครับ(ดูจากขวามาซ้าย)จะได้เข้าใจลักษณะมือตรงต้นฉบับมากขึ้น



แถม
https://t.ly/NRw3V

九字切り (Kujigiri; คุจิงิริ -ญี่ปุ่น, จิ่วจื้อเชี่ย -จีน) แปลว่า การตัดเก้าอักขระ เป็นการสร้างตาข่ายอาคมขึ้นเบื้องหน้าเพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งชั่วร้ายด้วยคาถากันตัวเก้าอักษร
วิธีทำคือ ให้ใช้มือซ้ายขวากำมือแล้วเหยียดนิ้วชี้กับนิ้วกลางติดกัน(เสมือนกระบี่)แล้วให้นิ้วมือขวาสวมเข้าไปที่มือซ้ายเหมือนกระบี่เสียบอยู่ในฝัก (อสิลัญจกร ดูภาพข้างล่างประกอบ) จากนั้นดึงกระบี่ออกจากฝัก แล้วใช้กระบี่ตัดอากาศเบื้องหน้า เริ่มจากแนวนอน(วาดจากซ้ายไปขวา)สลับตามด้วยแนวตั้ง(วาดจากบนลงล่าง) แล้วตัดสลับขยับเป็นตาข่ายเบื้องหน้าตามในรูป ซึ่งในการตัดทีละครั้งก็สวดคาถาทีละคำ ก็จะได้ตาข่ายอาคมเก้าเส้น แนวนอนห้าแนวตั้งสี่
เมื่อตัดเก้าอักขระแล้วจะเกิดบาเรียอาคมรอบตัวเพื่อป้องกันภยันตรายจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายรวมถึงคำสาป บ้างก็ว่ากันว่าอาคมนี้ป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้เข้ามา ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เป็นการปิดกั้นพลังชี่จากภายนอกทั้งหมด อยู่ในอาคมนิรภัย ดั้งนั้นเมื่อต้องการยุติการใช้พลังของตาข่ายอาคมแล้วก็ต้องทำการเรียกคืนอาคม ด้วยการสวมกระบี่เข้าฝัก
แต่ในการตัดเก้าอักขระนั้นอาจมีบทสวดเสริมในการเริ่มและเรียกคืนอาคมที่แต่ต่างกันตามแต่สำนัก โปรดศึกษาให้ดีก่อนที่จะใช้
การตัดเก้าอักขระ 九字切り Kujigiri คุจิงิริ
ภาพจากตำรา 九字護身法 (คาถากันตัวเก้าอักษร) ปี 1881
https://t.ly/FpI9a




08 กรกฎาคม 2567

รู้หรือไม่ว่าฟิชเชอร์แมนส์เฟรนแต่ละรสมีสรรพคุณไม่เหมือนกัน?

3 รสที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการระคายคอและมีเอกสารกำกับยา
https://fishermansfriend.com/th-th/flavours/categories/strong

ช่วงนี้มีคนไอและเจ็บคอกันเยอะ บางคนซื้อยาอมต่างๆมาอม ยี่ห้อดังหนึ่งในนั้นคือฟิชเชอร์แมนส์เฟรน(Fisherman's Friend) แต่รู้หรือไม่ว่าไม่ใช่ทุกรสของฟิชเชอร์แมนส์เฟรนที่จะบรรเทาอาการไอและเจ็บคอได้นะ

หากต้องการเป็นยาอมบรรเทาอาการระคายคอ ในตอนนี้ ฟิชเชอร์แมนส์เฟรนมีเพียง 3 แบบ ที่เป็นยาบรรเทาอาการเจ็บคอและไอ คือ Sugar Free Original, Aniseed (เทียนสัตตบุษย์), กับ Original เท่านั้น (สีซองตามในรูปข้างต้น)
ซึ่งทั้ง 3 แบบนี้จะมีส่วนผสมของ เมนธอล (Menthol), พริก (Capsicum), ชะเอมเทศ (Liquorice), และ ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) ซึ่งเป็นตัวยาหลักในการบรรเทาอาการระคายคอ
และข้างหลังซองจะมีพิมพ์ "เอกสารกำกับยา" อยู่ด้วย

ส่วนรสอื่นเป็นแค่ลูกอม มีสารให้ความหวานและกลิ่นรส แต่ไม่มีตัวยาที่ว่ามา และหลังซองไม่มีเอกสารกำกับยา อมเอาสดชื่น ชุ่มคอ และหอมได้ แต่ไม่ใช่ยาบรรเทาอาการระคายคอครับ

เลือกซื้อให้ตรงตามต้องการนะครับ
ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพให้ดีไม่ป่วยไม่ไข้นะครับ

ซองซ้ายไม่มีเอกสารกำกับยา; ซองขวามีเอกสารกำกับยา (Sugar Free Original)

17 เมษายน 2567

การใช้ไพ่ป๊อกในการตอบคำถามประเภท "ใช่" หรือ "ไม่"

https://funandgames.org/solitaire-card-game/

บทความนี้นำมาจาก https://pantip.com/topic/39996116 เนื่องจากเห็นว่าเป็นองค์ความรู้ที่ทรงคุณค่า จึงขออนุญาติเจ้าของบทความนำมาลงสำรองไว้ไม่ให้สูญหายมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากกครับ

เคล็ดวิชาอ่านไพ่ป๊อกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจช่วยเพื่อน ๆ ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในเวลาคับขัน เพราะไพ่ป๊อกหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพง จึงถือเป็น "ไพ่สามัญประจำบ้าน" แบบหนึ่ง
วิธีจะรู้ว่าสิ่งที่เราหวังนั้นจะสมหวังหรือไม่ ให้เปิดไพ่ 3 ใบดูว่าไพ่ออกมาเป็นลางดีหรือลางร้าย โดยแปลไพ่ตามนี้ครับ
หลักการคือ สีแดงดี สีดำไม่ดี

โพแดง เป็นลางดีมาก โดยเฉพาะ 9 โพแดงถือเป็นลางดีที่สุด
ข้าวหลามตัด เป็นลางดีเล็ก ๆ แต่แห้งแล้ง
♣️ ดอกจิก เป็นลางร้ายเล็ก ๆ แต่สามารถต่อรองได้
♠️ โพดำ เป็นลางร้ายมาก โดยเฉพาะ 9 โพดำถือเป็นลางร้ายที่สุด

ถ้าไพ่ที่ออกมาหนักไปทางลางร้าย คำตอบคือ NO ถ้าหนักไปทางลางดีก็ YES ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา

จะสังเกตเห็นว่าในกรณีนี้เราจะไม่สนใจค่าตัวเลขของไพ่นะครับ ดูแต่ดอกของมันอย่างเดียว (ยกเว้น 9 โพแดงกับ 9 โพดำ)
ไพ่โพแดงมีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวใจ แสดงถึงความสุขที่เราได้รับเมื่อสมหวังจึงเป็นลางดีมาก ไพ่ข้าวหลามตัดเปรียบเสมือนเงินหรือของมีค่า เป็นตัวแทนของผลประโยชน์ แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ จึงเป็นลางดีในด้านการเงิน แต่ในด้านความรักความสัมพันธ์จะไม่ชัดเจน ไพ่ดอกจิกเป็นตัวแทนของการทำงานหนัก ถึงแม้จะเป็นลางร้าย แต่ก็ยังพอแก้ไขได้ด้วยความพยายาม ส่วนไพ่โพดำเป็นตัวแทนของความมืดมน และชะตากรรมที่ยากจะแก้ไขจึงนับเป็นลางร้ายที่สุด
อนึ่ง ที่ผมนำมาสอนในวันนี้เป็นตำราของฝรั่งเศส และใช้กับไพ่ป๊อกเท่านั้นนะครับ ถ้าฝั่งเยอรมันหรือรัสเซียเขาจะอ่านอีกแบบหนึ่งครับ ดังนั้นถ้าไปเจอคนที่อ่านต่างไปจากนี้ก็อย่าไปหาว่าเขาอ่านผิดเนอะ

ตัวอย่าง:

จะได้คบกันกับ xx หรือเปล่า?
♦♦♣️ อาจจะได้ แต่ไม่ชัดเจนนัก ต้องอาศัยความพยายามเข้าช่วยหน่อย

พรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่?
→ ♠️♦️♥ น่าจะตกแค่ตอนเช้า

จะได้เงินคืนหรือไม่?
♦♦♦ โอกาสมีสูงที่จะได้เงินคืน

นอกจากนี้ บางตำราจะใช้ไพ่ Joker 2 ใบร่วมด้วย โดย Red Joker หมายถึงไพ่ยังไม่สามารถตอบตอนนี้ได้ ให้ถามใหม่วันหลัง ส่วน Black Joker หมายถึงคำถามไม่เหมาะสม หรือไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ (ถ้า Joker ในสำรับที่เพื่อน ๆ มีนั้นไม่แยกสีมาให้ ให้ใช้ปากกา Permanent แต้มสีทำสัญลักษณ์เอาไว้นะครับ)

05 เมษายน 2567

อาหารสำรองฉุกเฉินแบบทำเองได้ที่บ้าน : ฮาร์ดแทค(Hardtack)สูตรอาหารสำรองฉุกเฉินที่ถูกลืม

ฮาร์ดแทค ปี 1862 ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้จากสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ที่ฟลอริดา ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เพนซาโคล (Pensacola Museum of History) Hardtack มีฉายาว่า Worm castles (ปราสาทหนอน) เนื่องจากการจัดเก็บที่ไม่ดีทำให้แมลงระบาด เมื่อแช่น้ำแล้วหนอนก็ลอยขึ้นมา จึงได้ฉายานั้นมา ซึ่งเหล่าทหารก็ตักหนอนทิ้งแล้วกินต่อ หรือนี่อาจเป็นการเสริมโปรตีนแบบเนียนๆ อิอิ

สองบทความก่อนได้พูดถึงอาหารสำรองฉุกเฉินที่หาซื้อได้[อาหารสำรองฉุกเฉินหาซื้อง่ายราคาย่อมเยาว์ และ อาหารสำรองฉุกเฉินของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน] และเพื่อให้ควรถ้วนกระบวนความ มาสายทำเองบ้าง คราวนี้เเรามาดูวิธีการทำอาหารสำรองแบบดั้งเดิมที่ทำเองได้ง่ายๆที่บ้านกันครับ สำหรับนักเตรียมพร้อมสาย DIY ที่ชอบทำเอง

ฮาร์ดแทค(Hardtack เสบียงแข็ง) มีอีกชื่อหนึ่งว่า ขนมปังกันตาย(Survival Bread) ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ โรมัน และช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกาก็ใช้ นิยมเก็บไว้เป็นเสบียงสำรองในหมู่นักเดินเรือสมัยก่อนด้วย รวมถึงตอนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบอเมริกาก็เช่นกัน ฮาร์ดแทคใช้เป็นเสบียงมาตรฐานสำหรับกองทัพหลายแห่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เนื่องจากเก็บรักษาได้นานเป็นปีๆ หากเก็บดีๆ(สูญญากาศ)ก็อาจเก็บได้ตลอดไป ปัจจุบันนี้รัสเซียก็ยังจัดฮาร์ดแทคไว้ในเสบียงของกองทัพ เรียกว่า galeta (галета) ที่ญี่ปุ่นก็จัดฮาร์ดแทคอยู่ในชุดเสบียงภัยพิบัติ และในกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินของญี่ปุ่น(Rikujō Jieitai 陸上自衛隊 ) เรียกว่า Kanpan (乾パン) หรือ ขนมปังแห้ง

แต่ฮาร์ดแทคนั้นก็แข็งเป็นหินเลยทีเดียว จึงควรแช่น้ำ(หรือนม ฯลฯ) 15 นาที ก่อนกิน แต่อย่าถามหาความอร่อย ๕๕๕

#วัตถุดิบ
  1. แป้งอเนกประสงค์ (All Purpose Flour) 2 ถ้วยตวง (อย่าใช้แป้ง Self-Rising Flour เพราะมีผงฝู)
  2. น้ำ 1 ถ้วยตวง
  3. เกลือ 2 ช้อนชา (นี่คือตัวช่วยถนอมอาหารและเพิ่มรสชาติ)
*หมายเหตุ เป็นสูตรโดยประมาณ สามารถปรับส่วนได้ตามสมควร

#วิธีทำ
  1. ผสมวัตถุดิบเข้าด้วยกัน นวดให้เป็นเนื้อเดียว และแห้งพอสมควร(ไม่เหนียวติดนิ้ว) ถ้าแฉะก็โรยแป้งเพิ่ม
  2. รีดแบนให้หนาครึ่งนิ้วหรือน้อยกว่า(แต่อย่าบางมากเพราะจะแตกหักง่ายตอนพกพา) ตัดเป็นสี่เหลี่ยมไม่เกิน 3x3 นิ้ว แล้วเอาส้อมทิ่มๆให้เป็นรูทะลุระยะเท่าๆกัน เพื่อทำรูระบายความชื้นตอนอบ
  3. วางบนถาดไม่ต้องทาน้ำมัน(น้ำมันจะทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง) อบที่ 190°C นาน 30 นาที แล้วพลิกกลับด้านแล้วอบต่ออีก 30 นาที ถ้าอบด้วยหม้อหุงข้าวอาจใช้เวลาต่างกัน ให้อบจนแห้งเป็นสีน้ำตาลทอง
  4. พักไว้ให้เย็นสนิท แล้วจัดเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิดไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าไปได้
เสร็จ!

มาลองดูคลิปวิธีทำกันดีกว่า

ปกติแล้วฮาร์ดแทคจะเก็บได้นานหลายปีในสภาพแห้งแข็งเป็นหิน โดยเก็บในที่แห้งและเย็น ห่างจากความชื้นและแสงแดดโดยตรง ควรตรวจสอบฮาร์ดแทคที่เก็บไว้เป็นระยะ หากขึ้นราก็ควรทิ้งไป แล้วทำใหม่

โดยทั่วไปในกรณีฉุกเฉินมักแนะนำให้แบ่งกินอาหารฉุกเฉิน 50-100 กรัม ทุกๆ 12 ช.ม. แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสมควร ขึ้นอยู่กับระดับกิจกรรม สุขภาพ และสถานการณ์ ซึ่งตามหลักแล้วต้องจัดสรรให้ได้อย่างน้อย 3 วัน

#วิธีกินฮาร์ดแทคอย่างสร้างสรรค์
นอกเหนือจากแช่น้ำให้นิ่มแล้วกินเลย บางทีการกินก็ต้องการความสร้างสรรค์เหมือนกัน เพื่อจะได้กินอย่างสนุกสนานขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องมีที่เตรียมอาหารด้วยนะ เช่น พอแช่นิ่มแล้ว ก็เอาไปทอดเนย, ทาเนยถั่ว, ทาแยม, จิ้มนมข้นหวาน, จิ้มน้ำตาล, จิ้มน้ำผึ้ง, โรยเครื่องเทศ, หรือแช่นมเหมือนกินซีเรียล, ทุบเป็นผงใส่นมหรือน้ำหรือซุปทำเป็นโจ๊ก, เอาไปนึ่ง, ฯลฯ ก็สุดแท้แต่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการกินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ฮาร์ดแทคจะไม่ใช่อาหารที่อร่อย แต่ก็เป็นอาหารสำรองฉุกเฉินที่ทำเองได้ที่บ้านเพื่อเก็บไว้ ถึงตอนนั้นการมีอาหารสำรองไว้ย่อมดีกว่าไม่มีครับ

อ้างอิง