บทความโดย กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
วันนี้เราจะมาเจาะลึกแนวคิดสุดคลาสสิก แต่ยังคงร่วมสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือเรื่อง #การขูดรีดแรงงาน ในมุมมองของคาร์ล มาร์กซ์ หลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นของเก่าไปแล้ว แต่เชื่อไหมครับว่าในยุคที่เทคโนโลยีกำลังก้าวล้ำอย่างก้าวกระโดด ทั้ง AI และจักรกลกำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ แนวคิดของมาร์กซ์กลับมีบางอย่างที่ผมเห็นว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง? และโลกในอนาคตที่เราไม่ต้องทำงานเลย อาจจะไม่ใช่แค่ความฝันลมๆแล้งๆอีกต่อไปแล้วรึเปล่า? วันนี้เราจะมาคุยกันครับว่าทำไม
#ความแตกต่างของการขูดรีดกับการค้าขาย
การขูดรีดในแนวคิดของมาร์กซ์ไม่เหมือนกับการค้าขาย การค้าขายเป็นการทำกำไรจากสินค้าอันมีมูลค่าแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมอยู่ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำกันมาเป็นปกติ แต่การขูดรีดเป็นการทำกำไรจากการกดขี่แรงงาน เช่น การกดค่าแรงให้ต่ำสุดขีด แรงงานจะมีกินข้าวหรือไม่มีกินข้าวก็ไม่เกี่ยว หรืออาจจะไม่ให้ค่าแรงเลยก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรแรงงานก็ต้องมาทำงานให้ได้ในปริมาณงานที่เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม การขูดรีดจึงจำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์ ไม่สามารถใช้จักรกลได้ เพราะจักรกลนั้นหากไม่จ่ายไฟหรือไม่เติมน้ำมันให้กับเครื่องจักร ก็บังคับให้มันทำงานให้ไม่ได้ แต่การใช้มนุษย์นั้นสามารถกดดันด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้ยอมทำงานที่ไม่อยากทำและไม่เป็นธรรมได้
#ข้อจำกัดของจักรกลในการขูดรีด
ดังนั้น สำหรับจักรกลแล้วใส่พลังงานเข้าไปเท่าไหร่ก็ได้งานเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์สามารถขูดรีดได้มากกว่านั้น ด้วยมุมมองนี้ของมาร์กซ์จึงมองว่า หากต้องการร่ำรวยจากการขูดรีดแรงงานก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จักรกลทั้งหมดในการผลิตงาน เพราะจักรกลขูดรีดไม่ได้
#อนาคตที่ไร้แรงงาน?
แต่หากผลิตงานโดยใช้จักรกลทั้งหมด ผู้คนก็จะไม่มีงานทำใช่มั้ย? น่าจะใช่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การเมืองการปกครองจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ประชาชนสามารถดำรงชีวิตโดยไม่ต้องทำงานแลกเงิน (ซึ่งเวลาว่างในแต่ละวันจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่เจ้าตัว) โดยรัฐต้องแจกเงินหรือคูปองให้ประชาชนใช้ จักรกลก็ผลิตสิ่งของให้ประชาชนมาเลือกจับจ่าย
แล้วพลังงานที่จะป้อนให้จักรกลล่ะ? ถ้าถึงยุคนั้นจริงๆ พลังงานและวัตถุดิบที่ป้อนให้กับจักรกลก็อาจจะมีจักรกลที่หาพลังงานหรือวัตถุดิบไว้ป้อนให้กับจักรกลเองในรูปแบบของพลังงานสะอาด จึงเป็นสังคมที่มีกินมีใช้ไม่หมดสิ้น นับว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งเพื่อก้าวสู่อุดมคติของมาร์กซ์
#การปฏิวัติคอมมิวนิสต์และความเป็นจริง
ด้วยแนวคิดนี้ ในอดีต ทำให้เกิดการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ขึ้น แรงงานทำการยึดโรงงาน ตั้งใจจะผลิตเองใช้เอง โดยคิดว่าจะทำให้เป็นจริงแบบนั้นได้ แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่กลายเป็นเผด็จการ และไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้ แม้จะมีการผลิตแบบอุตสาหกรรมแล้วก็ตาม เนื่องจากเทคโนโลยีในตอนนั้นยังไม่พัฒนาพอ
#เครื่องพิมพ์ 3 มิติ จุดเปลี่ยนของแนวคิด
ถามว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้จริงหรือไม่ ต้องบอกว่าการมาของเครื่องปริ้น 3 มิติทำให้แนวคิดนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะโรงงานในการผลิตสิ่งต่างๆเริ่มเข้ามาอยู่ในบ้านของแต่ละคนแล้ว จึงไม่ต้องขึ้นกับผู้นำในการจัดการโรงงาน (ซึ่งสุดท้ายผู้นำเหล่านั้นก็ทำเพื่อพวกพ้องตัวเองและเป็นเผด็จการในที่สุด) แต่อาจต้องรอให้เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นกว่านี้อีกพอสมควร
#การขูดรีดในยุคเทคโนโลยี
กลับมาที่เรื่องการขูดรีดแรงงาน จากแนวคิดของมาร์กซ์ หากผู้มีอำนาจต้องการร่ำรวยจากการขูดรีดแรงงาน ก็จะไม่มีทางผลักดันให้การผลิตทุกภาพส่วนเป็นจักรกล 100% อย่างแน่นอน จักรกลจะเข้ามาก็เพียงเพื่อลดต้นทุนบางส่วนเท่านั้น แล้วส่วนที่เหลือก็ไปขูดรีดจากแรงงานเพิ่มเอา (เมื่อเทคโนโลยีใหม่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น แรงงานมักได้รับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งผลลัพธ์ก็แทบไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่)
ดังนั้น จากแนวคิดนี้ ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรเสียประชาชนก็จะยังไม่ถูกจักรกลแย่งงาน เพียงแต่ต้องพัฒนาตัวเองให้ทำงานได้หลากหลายทักษะมากขึ้น โดยต้องมีความสามารถให้ได้เหมือน 2-3 คน+ ในคนคนเดียว และต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะรักษางานเอาไว้
#ทุนนิยมที่ปรับตัว สวัสดิการแรงงาน
แต่จะว่าไป แนวคิดของมาร์กซ์นี่ก็เก่ามากแล้ว ตอนนี้ทุนนิยมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลายอย่างก็ผสมผสานข้อเรียกร้องของแรงงานเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการ สิทธิ์ในการลา วันหยุด เงินชดเชย เวลาทำงานวันละ 8 ช.ม. ฯลฯ ไม่ได้เน้นเอาแต่ขูดรีดโหดร้ายแบบยุคแรกอีกต่อไปแล้ว
#อนาคตอุดมคติที่อาจกลับมา
สุดท้ายนี้ ถ้าเครื่องปริ้น 3 มิติถูกพัฒนาให้ถูกลงและเข้าถึงได้ทุกบ้านในวันใด ไม่แน่ว่าแนวคิดในอุดมคตินี้ (ที่ทุกคนไม่ต้องทำงาน โดยเฉพาะงานที่ไม่อยากทำ และรัฐจะต้องเลี้ยงประชาชน) อาจจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ใครล่ะ จะอยากให้มันเกิดขึ้นจริง...