หากเปรียบประเทศเป็นคนคนหนึ่ง ผู้นำก็เป็นเหมือนนิสัยของคนคนนั้น แล้วผู้นำมีผลกระทบต่อประเทศขนาดนั้นจริงๆหรือ? ก็เป็นเรื่องที่เราต้องพินิจพิเคราะห์ แต่มาลองฟังประวัติศาสตร์ในยุคหลังสามก๊กกันสักหน่อย
ในยุคนั้นมีของยอดนิยมที่เรียกกันว่า อู่สือส่าน (五石散) หรือ ผงห้าศิลา เป็นยาเสพติดยอดนิยม ซึ่งประกอบไปด้วย ...ฮั่นแน่! ขอเอาชื่อแบบยาจีนโบราณมาลงไว้ก็แล้วกัน ซึ่งมี 石鐘乳、紫石英、白石英、石硫磺、赤石脂 อย่าได้ริอาจหามาลองนะจ๊ะ เตือนไว้ก่อน ซึ่งผงแร่เหล่านี้ แต่เดิมถูกใช้เป็นยารักษาโรคบางชนิดครับ แต่ละตัวก็มีสรรพคุณทางยาแตกต่างกันไป แต่เมื่อนำมารวมกันในปริมาณที่มากพอจะทำให้ คึกคัก เพ้อพก สัมผัสไว รุ่มร้อน และเสพติด ซึ่งวิธีการเสพไม่ได้ระบุไว้มากนัก คาดว่าน่าจะโรยข้าวกิน เหมือนกับว่ามันคือแป้ง! หรือผสมเหล้ากินเพื่อเร่งให้ออกฤทธิ์แรงขึ้นไปอีก บ้างก็ว่าใช้สูดเข้าทางจมูก!(อันนี้ไม่น่าจะได้นะ) ซึ่งการโรยข้าวกินทำให้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หานซือส่าน (寒食散) ผงอาหารเย็น ในนิยายจะกล่าวถึงว่าพวกสายลัทธิมารนิยมเสพผงห้าศิลานี้กันเพื่อเสริมพลังให้คลั่ง และเป็นยาอายุวัฒนะ
ในยุคนั้นชนชั้นสูงนิยมเสพกันมาก ทั้งนักปราชญ์ ขุนนางในราชสำนัก ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดที่พอจะมีกระตุ้งกระตังค์อยากลองบ้าง เอาอย่างชนชั้นสูงว่างั้นเถอะ เห็นเขาทำได้ก็หาช่องทางทำบ้าง ก็เอามาเสพกันทั่วบ้านทั้วเมือง ทุกคนก็เอาแต่เพ้อพก มึนเมา อยากเอาหลังแนบหินเย็นๆให้สบายอุรา ไม่เป็นอันทำมาหากินจนบ้านเมืองฟ่อนแฟะไปหมด บางท่านก็เรียกว่าเป็นยุคที่เหลวแหลกที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็มี จนถึงยุคราชวงศ์ถังจึงมีการประกาศให้เป็นยาผิดกฎหมายไปในที่สุด ซึ่งการแพทย์ปัจจุบันได้ลองทำการตรวจสอบดูแล้วพบว่า เจ้าผงห้าศิลาเนี่ย มีความรุนแรงเทียบเท่ายาอีเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ทราบว่าปัจจุบันได้กำหนดกฏหมายห้ามเอาไว้หรือเปล่า
นอกจากฤทธิ์กระตุ้นต่างๆแล้ว มันยังกระตุ้นความกำหนัดอีกด้วย นี่คือเหตุนึงที่ได้รับความนิยมมานาน แน่นอนว่าการกู้ยืมความรู้สึกเหล่านี้มาเสพมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เพราะผลข้างเคียงได้แก่ เกิดความเจ็บปวดทั่วร่างกาย มีอาการไข้ ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย รวมถึงเกิดแผลเน่าและฝีหนองทั่วร่างกาย อาการซึมเศร้าที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย และเสียชีวิต
ต้องเข้าใจว่าในสมัยโบราณนั้นผู้คนยังไม่รู้เท่าทันยาเสพติด แต่ในปัจจุบันนี้เรามีความรู้มากพอ ก็เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าริลองเลยจะดีกว่า เพราะในยุคนั้นมีผู้เสียชีวิตจากผงหาศิลาไปเป็นแสนๆคน นับว่าเยอะมาก เพราะเป็นยุคที่เพิ่งผ่านสงครามสามก๊กมา ซึ่งมีประชากรต่ำที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว ผงแป้งเหล่านี้นอกจากลดทอนประชากรแล้วยังลดทอนคุณภาพของประชากรอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เห็นว่าแคว้นต่างๆในยุคนั้นสิ้นชาติรวดเร็วเพียงใด
เรื่องเล่านี้อาจไม่ได้บอกว่าผู้นำมีผลต่อลักษณะนิสัยของประเทศมากน้อยแค่ไหน แต่หวังว่าคงได้อะไรไปบ้างจากประวัติศาสตร์ไม่มากก็น้อย ไม่ใช่ได้แค่สูตรแป้งไปนะ ต้องได้อย่างอื่นด้วย (ฮา) เพราะไม่ว่าชนชั้นสูง ชนชั้นปกครอง ผู้นำ ผู้ใหญ่ หรือดาราดังๆ จะทำอะไรก็ตามแต่ เราก็ควรเอามาขบคิดก่อนว่ามันดีหรือไม่ด้วยความรู้ต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา เพราะเพียงกระแสนิยมจากคนดังหรือคนหมู่มากไม่ได้รับประกันว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราควร ค.ว.ย. เสียก่อน จึงจะไม่หลงทาง แม้หลงทางก็จะหลงไม่นาน แต่ถ้าหลงนานก็ควรเปิด Google map ได้แล้ว ขอบคุณครับ (ฮา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น