Sponsor

14 ตุลาคม 2568

วัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงของอี้จิง 64 กว้า


บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของตำราสิบปีก (十翼) ซึ่งเป็นส่วนคำอธิบายเพิ่มเติมสำหรับคัมภีร์อี้จิงที่เชื่อกันว่าเขียนโดยขงจื่อและศิษย์ เป็นการอธิบายลำดับของกว้าทั้ง 64 กว้า ว่าทำไมจึงเรียงลำดับตามนี้ มันมีเหตุผลและที่มาของมันอย่างไร

วัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงของอี้จิง 64 กว้า
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา - แปลและเรียบเรียง
เผยแพร่ฟรีเป็นวิทยาทาน
ข้อความในวงเล็บเหลี่ยม [ ] เป็นส่วนที่ผู้แปลแทรกเพิ่มเติมเข้าไป
หากมีข้อผิดพลาดประการใดข้าพเจ้าต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

序卦傳 - (上篇)
ลำดับกว้า - ภาคต้น

有天地,然後萬物生焉。
มีฟ้าดิน [เชี๋ยน/คุน; 乾/坤] แล้วจึงมีสรรพสิ่งเกิดขึ้น.

盈天地之間者唯萬物,故受之以屯。
สิ่งที่เติมเต็มระหว่างฟ้าดินนั้นมีเพียงสรรพสิ่ง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ตุน (屯) (ปฐมวิบาก/ความยากลำบากตอนเริ่มต้น).

屯者,盈也,物之始生也。
จุนนั้น, คือความเต็มเปี่ยม, เป็นการเริ่มต้นของการเกิดของสิ่งมีชีวิต.

物生必蒙,故受之以蒙。
สิ่งมีชีวิตเมื่อเกิดแล้วย่อมจักไร้เดียงสา, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เหมิง (蒙) (ความไร้เดียงสา/เยาว์ความ).

蒙者,蒙也,物之稚也。
เหมิงนั้น, คือความไม่รู้, เป็นความอ่อนเยาว์ของสิ่งมีชีวิต.

物稚不可不養也,故受之以需。
สิ่งมีชีวิตที่อ่อนเยาว์นั้นย่อมไม่อาจไม่ได้รับการบำรุงหล่อเลี้ยง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซวี (需) (การรอคอย/การบำรุง).

需者,飲食之道也。
ซวีนั้น, คือวิถีแห่งการดื่มกิน.

飲食必有訟,故受之以訟。

เมื่อมีการดื่มกิน [แย่งกันใช้ทรัพยากรณ์] ย่อมต้องมีข้อพิพาท, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซง (訟) (ความขัดแย้ง).

訟必有衆起,故受之以師。
เมื่อมีข้อพิพาท ย่อมต้องมีมวลชนลุกฮือ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซือ (師) (กองทัพ).

師者,衆也。
ซือนั้น, คือมวลชน

衆必有所比,故受之以比。
มวลชนย่อมต้องมีสิ่งที่เทียบเคียง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ปี่ (比) (การชิดใกล้).

比者,比也。
ปี่นั้น, คือการรวมกัน.

比必有所畜,故受之以小畜。
เมื่อรวมกลุ่มกันแล้ว ย่อมต้องมีการสั่งสม, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เสี่ยวฉู่ (小畜) (การสั่งสมเล็กน้อย).

物畜然後有禮,故受之以履。
เมื่อสิ่งของถูกสั่งสมแล้ว จึงจะมีจารีตพิธี (ลวี่), ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ลวี่ (履) (ก้าวย่าง/การปฏิบัติตาม/มารยาท).

履而泰,然後安,故受之以泰。
เมื่อประพฤติตามจารีตแล้วย่อมเกิดความสงบสุข, แล้วจึงเกิดความสงบ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ไท่ (泰) (สันติสุข/สงบสุข).

泰者,通也。
ไท่นั้น, คือความราบรื่น.

物不可以終通,故受之以否。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจราบรื่นไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ผี่ (否) (การหยุดชะงัก/ปิดกั้น).

物窮則反,故受之以同人。
เมื่อสิ่งมีชีวิตถึงที่สุดย่อมพลิกกลับ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ถงเหริน (同人) (การร่วมมือ/การรวมผู้คน).

與人同者,物必歸焉,故受之以大有。
ผู้ที่รวมมือกับผู้อื่น, สิ่งมีชีวิตจักกลับไปหา, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ต้าโหย่ว (大有) (การมีมากมาย).

有大者,不得驕也,故受之以謙。
ผู้ที่มีมากมาย, ไม่อาจเย่อหยิ่งได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เชียน (謙) (ความถ่อมตน).

有謙而豫,故受之以豫。
เมื่อมีความถ่อมตนแล้วย่อมเกิดความยินดี, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า อวี้ (豫) (ความเบิกบาน/การเตรียมการ/กระตือรือร้น).

豫必有隨,故受之以隨。
ความเบิกบานย่อมมีผู้คล้อยตาม, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า สุย (隨) (การคล้อยตาม).

以喜隨人者,必有事,故受之以蠱。
ผู้ที่คล้อยตามผู้อื่นด้วยความยินดี, จักต้องมีภารกิจ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า กู่ (蠱) (ความเสื่อมโทรม).

蠱者,事也。
กู่นั้น, คือภารกิจ.

有事而後可大,故受之以臨。
เมื่อมีภารกิจแล้วจึงจะสามารถยิ่งใหญ่ได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า หลิน (臨) (การเข้าใกล้/การดูแล/ตรวจตรา).

臨者,大也。
หลินนั้น, คือความยิ่งใหญ่.

物大然後可觀,故受之以觀。
เมื่อสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่แล้วจึงสามารถเฝ้าสังเกตได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า กวน (觀) (การเฝ้าสังเกต/พินิจ).

可觀而後有所合,故受之以噬嗑。
เมื่อเฝ้าสังเกตแล้วจึงมีความสอดคล้องกัน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซื่อเหอ (噬嗑) (การกัดกิน/การลงโทษ).

嗑者,合也。
เหอนั้น, คือการสอดคล้อง.

物不合不可以無飾,故受之以賁。
สิ่งมีชีวิตที่ไม่สอดคล้องกัน ไม่อาจไม่มีการตกแต่ง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ปี้ (賁) (การประดับ).

賁者,飾也。
ปี้นั้น, คือการตกแต่ง.

致飾然後亨,則盡矣,故受之以剝。
เมื่อการตกแต่งถึงที่สุดแล้วย่อมรุ่งเรือง, แล้วก็จะถึงจุดสิ้นสุด, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ปอ (剝) (การลอกเปลือก/การหลุดลอก).

剝者,剝也。
ปอนั้น, คือการลอกออก.

物不可以終盡,剝窮上反下,故受之以復。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจสิ้นสุดไปตลอดได้, เมื่อการลอกออกถึงที่สุดย่อมพลิกกลับมา, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ฟู่ (復) (การหวนกลับ).

復則不妄矣,故受之以無妄。
เมื่อหวนกลับมาย่อมไร้ความโลภแล้ว, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า อู๋วั่ง (無妄) (บริสุทธิ์ใจ/ไร้มลทิน/ไร้มายา).

有無妄然後可大畜,故受之以大畜。
เมื่อไร้มายาแล้วจึงจะสามารถสั่งสมอย่างยิ่งใหญ่ได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ต้าฉู่ (大畜) (การสั่งสมใหญ่).

物畜然後可養,故受之以頤。
เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกสั่งสมแล้วจึงจะสามารถบำรุงหล่อเลี้ยงได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า อี้ (頤) (การบำรุงเลี้ยง).

頤者,養也。
อี้นั้น, คือการบำรุงหล่อเลี้ยง.

不養則不可動,故受之以大過。
หากไม่บำรุงแล้วย่อมไม่อาจเคลื่อนไหวได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ต้ากว้อ (大過) (ความผิดพลาดใหญ่).

物不可以終過,故受之以坎。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจผิดพลาดไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ข่าน (坎) (อันตราย/ความลุ่มลึก).

坎者,陷也。
ข่านนั้น, คือห้วงอันตราย.

陷而後麗,故受之以離。
เมื่ออยู่ในห้วงอันตรายแล้วย่อมต้องยึดติด, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า หลี (離) (การยึดติด/แสงสว่าง).

離者,麗也。
หลีนั้น, คือการติดยึด.

序卦傳 - (下篇)
ลำดับกว้า - ภาคปลาย

有天地,然後有萬物;有萬物,然後有男女;有男女,然後有夫婦;有夫婦,然後有父子;有父子,然後有君臣;有君臣,然後有上下;有上下,然後禮義有所錯。
มีฟ้าดิน, แล้วจึงมีสิ่งมีสรรพสิ่ง; มีสรรพสิ่ง, แล้วจึงมีชายหญิง; มีชายหญิง แล้วจึงมีสามีภรรยา; มีสามีภรรยา แล้วจึงมีพ่อลูก; มีพ่อและลูก แล้วจึงมีผู้ปกครองและข้าราชบริพาร; มีผู้ปกครองและข้าราชบริพาร, แล้วจึงมีเบื้องบนเบื้องล่าง; มีเบื้องบนเบื้องล่าง, แล้วจึงมีจารีตและความชอบธรรมตั้งอยู่.

夫婦之道,不可以不久也,故受之以恒。
วิถีแห่งสามีภรรยา, ไม่อาจไม่ยั่งยืน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เหิง (恒) (ความยั่งยืน). [ลำดับที่ 31 คือ เสียน (咸) ถูกละไว้ในตำราฉบับนี้ โดยให้ เหิง ต่อจากหลีโดยตรง]

恒不可久也,故受之以遯。
ความยั่งยืนไม่อาจคงอยู่ได้ตลอด, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ตุ้น (遯) (การถอย).

遯者,退也。
ตุนนั้น, คือการล่าถอย.

物不可以終退,故受之以大壯。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจถอยไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ต้าจ้วง (大壯) (อำนาจที่ยิ่งใหญ่).

大壯者,物不可以終止,故受之以晉。
ต้าจ้วงนั้น, สิ่งมีชีวิตไม่อาจหยุดนิ่งไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า จิ้น (晉) (ความก้าวหน้า).

晉者,進也。
จิ้นนั้น, คือการก้าวไปข้างหน้า.

進必有所傷,故受之以明夷。
การก้าวไปข้างหน้าย่อมต้องมีสิ่งที่บาดเจ็บ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า หมิงอี๋ (明夷) (ความมืดมัว).

夷者,傷也。
อี๋นั้น, คือการบาดเจ็บ.

傷於外者,必反其家,故受之以家人。
ผู้ที่บาดเจ็บจากภายนอก, จักกลับมาที่บ้านของตน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจียเหริน (家人) (ครอบครัว).

家道窮必乖,故受之以睽。
วิถีครอบครัวเมื่อถึงที่สุดจักแยกย้าย, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ขุย (睽) (การแยกจาก/ปฏิปักษ์).

乖必有難,故受之以蹇。
เมื่อแตกแยกแล้วย่อมมีปัญหา, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจี๋ยน (蹇) (อุปสรรค/ขัดขวาง).

難者,解也,故受之以解。
ปัญหานั้น, คือการคลี่คลาย, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจี่ย (解) (การคลี่คลาย).

解者,緩也。
เจี่ยนั้น, คือความผ่อนคลาย.

緩必有所失,故受之以損。
เมื่อผ่อนคลายแล้วย่อมต้องมีการสูญเสียบางสิ่ง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซุ่น (損) (การลดทอน).

損而不已必益,故受之以益。
เมื่อลดทอนแล้วไม่หยุดจักต้องเพิ่มพูน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า อี้ (益) (การเพิ่มพูน).

益而不已必決,故受之以夬。
เมื่อเพิ่มพูนแล้วไม่หยุดจักต้องแน่วแน่, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ไกว้ (夬) (แน่วแน่/เด็ดเดี่ยว/การตัดสินใจ).

決而後有所遇,故受之以姤。
เมื่อแน่วแน่แล้วย่อมมีการพบพาน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า โก่ว (姤) (การพบพาน).

姤者,遇也。
โก่ว, คือการพบ.

物相遇而後聚,故受之以萃。
สิ่งมีชีวิตเมื่อพบกันแล้วย่อมรวมตัวกัน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ชุ่ย (萃) (การรวมตัว/การชุมนุม).

萃而上者謂之升,故受之以升。
เมื่อรวมตัวกันแล้วก้าวขึ้นไปเบื้องบนเรียกว่าการเติบโต, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เซิง (升) (การเติบโต).

升而不已必困,故受之以困。
เมื่อเติบโตแล้วไม่หยุดย่อมต้องถูกจำกัด, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า คุ่น (困) (การถูกจำกัด/ตกยาก/ติดขัดอยู่ข้างใน).

困乎上者必反下,故受之以井。
ผู้ที่ถูกจำกัดอยู่เบื้องบนย่อมต้องกลับลงสู่เบื้องล่าง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า จิ่ง (井) (บ่อน้ำ).

井道不可不革,故受之以革。
วิถีบ่อน้ำย่อมไม่อาจไม่เปลี่ยนแปลง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เก๋อ (革) (การเปลี่ยนแปลง).

革物者莫若鼎,故受之以鼎。
ผู้ที่เปลี่ยนแปลงสิ่งมีชีวิตนั้นไม่มีอะไรเท่าภาชนะติ่ง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ติ่ง (鼎) (หม้อสามขา/ภาชนะ/การหลอมรวม).

主器者莫若震,故受之以震。
ผู้ที่เป็นเจ้าของภาชนะนั้นไม่มีใครเท่าฟ้าร้อง (พลังงานกระตุ้น), ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจิ้น (震) (ฟ้าร้อง/การสั่นสะเทือน).

震者,動也。
เจิ้นนั้น, คือการเคลื่อนไหว.

物不可以終動,故受之以艮。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจเคลื่อนไหวไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เกิ้น (艮) (ความนิ่ง).

艮者,止也。
เกิ้นนั้น, คือการหยุด.

物不可以終止,故受之以漸。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจหยุดไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจี้ยน (漸) (การพัฒนาอย่างช้า ๆ).

漸者,進也。
เจี้ยนนั้น, คือการก้าวไปข้างหน้า.

進必有所歸,故受之以歸妹。
เมื่อก้าวไปข้างหน้าย่อมต้องมีที่กลับไป, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า กุยเม่ย (歸妹) (การออกเรือน).

歸妹者,人之終也。
กุยเม่ยนั้น, คือจุดสิ้นสุดของมนุษย์.

終則豐,故受之以豐。
เมื่อถึงจุดสิ้นสุดย่อมมั่งคั่ง, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เฟิง (豐) (ความมั่งคั่ง).

豐者,大也。
เฟิงนั้น, คือความยิ่งใหญ่.

窮大者必失其居,故受之以旅。
ผู้ที่ถึงความยิ่งใหญ่ที่สุดจักสูญเสียที่พำนักของตน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ลวี่ (旅) (การเดินทาง/สัญจร).

旅而後知巽,故受之以巽。
เมื่อเดินทางแล้วจึงจะรู้จักความอ่อนโยน, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ซวิ่น (巽) (ความอ่อนโยน/การปรับตัว).

巽者,入也。
ซวิ่นนั้น, คือการแทรกซึม.

入而後悅之,故受之以兌。
เมื่อแทรกซึมแล้วจึงเกิดความยินดี, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ตุ่ย (兌) (ความปิติยินดี).

兌者,說也。
ตุ่ยนั้น, คือความยินดี.

說而後散之,故受之以渙。
เมื่อยินดีแล้วย่อมซ่านเซ็น, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า ฮ่วน (渙) (การกระจายตัว).

渙者,離也。
ฮ่วนนั้น, คือการแยกจาก.

物不可以終離,故受之以節。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจแยกจากไปตลอดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เจี๋ย (節) (ข้อจำกัด/การควบคุม).

節而後信,故受之以中孚。
เมื่อมีการควบคุมแล้วจึงเกิดความน่าเชื่อถือ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า จงฝู (中孚) (ความจริงใจภายใน).

有其信者,可過而小,故受之以小過。
ผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ, อาจทำความผิดพลาดเล็กน้อย, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เสี่ยวกว้อ (小過) (ความผิดพลาดเล็กน้อย).

有過物者,必濟,故受之以既濟。
ผู้ที่ก้าวผ่านความผิดพลาด, จักบรรลุผลสำเร็จ, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า จี้จี้ (既濟) (สำเร็จ/เสร็จสิ้นแล้ว).

既濟者,定也。
จี้จี้นั้น, คือความมั่นคง.

物不可窮也,故受之以未濟終。終焉。
สิ่งมีชีวิตไม่อาจสิ้นสุดได้, ดังนั้นจึงรับด้วยกว้า เว่ยจี้ (未濟) (ยังไม่เสร็จสิ้น) เป็นการปิดท้าย.


แถม
ข้างต้นก็เป็นการร่ายเรียงลำดับกว้าจากการอธิบายของปราชญ์โบราณที่แยบยลยิ่งนัก และเป็นแนวทางมาตราฐานในการทำความเข้าใจลำดับกว้าต่อๆกันมา
ส่วนล่างนี้ให้ถือเป็นนิทานเพื่อช่วยจำได้ง่ายขึ้นในอีกแบบนึงนะครับ โดยใช้แนวทางเดียวกับ 序卦傳 ข้างต้น แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนจุดเชื่อมนิดหน่อยเพื่อให้ครบถ้วนและเป็นไปตามความเข้าใจที่ยังอ่อนด้อนในตอนนี้ ดังนั้น หากผิดพลาดประการใดข้าพเจ้าต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เรื่องเล่าลำดับ 64 กว้าอี้จิง

เรื่องราวเริ่มจาก เชี๋ยน (乾) (ฟ้า/พลังสร้างสรรค์) และ คุน (坤) (ดิน/การน้อมรับ) ซึ่งเป็นบิดามารดาที่ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง เมื่อฟ้าดินประสาน สรรพสิ่งจึงเกิดขึ้น สิ่งที่เพิ่มเกิดย่อมประสบกับ จุน (屯) (ปฐมวิบาก/ความยากลำบากในตอนแรก) และยังเยาว์ความด้วย เหมิง (蒙) (ความไร้เดียงสา) จึงต้องอาศัย ซวี (需) (การรอคอย/การบำรุงเลี้ยง) แต่เมื่อมีผลประโยชน์ร่วมกันย่อมเกิด ซ่ง (訟) (ความขัดแย้ง) จนต้องอาศัย ซือ (師) (กองทัพ/ผู้นำ) เข้าแก้ไข เมื่อสงบแล้วผู้คนจึงรวมกลุ่มกันใน ปี่ (比) (การร่วมเคียง) เพื่อสั่งสมพลังใน เสี่ยวฉู่ (小畜) (การสั่งสมเล็กน้อย) และสร้างระเบียบด้วย ลวี่ (履) (การก้าวตาม/จารีต) จนนำมาซึ่ง ไท่ (泰) (สันติสุข) ซึ่งไม่คงอยู่ตลอดไป จึงเปลี่ยนเป็น ผี่ (否) (การหยุดชะงัก) ผู้คนจึงต้องกลับมารวมกันใน ถงเหริน (同人) (การรวมผู้คน) เพื่อสร้าง ต้าโหย่ว (大有) (การมีมากมาย) เมื่อมีมากแล้วย่อมต้องระลึกถึง เชียน (謙) (ความถ่อมตน) ซึ่งนำมาสู่ อวี้ (豫) (ความเบิกบานยินดี) ที่ทำให้ผู้คน สุย (隨) (การคล้อยตาม) ผู้นำ หากปล่อยปละละเลยย่อมเกิด กู่ (蠱) (ความเสื่อมโทรม) ผู้นำจึงต้อง หลิน (臨) (การเข้าใกล้/การดูแล/ตรวจตรา) และ กวน (觀) (การพินิจ/เฝ้าสังเกต) เพื่อใช้ ซื่อเหอ (噬嗑) (การลงโทษ) กำจัดความชั่วร้าย จนอารยธรรมกลับมามี ปี้ (賁) (การตกแต่งที่งดงาม) แต่การตกแต่งที่งดงามก็ย่อมมีวันโรยราร่วงหล่นใน ปอ (剝) (การหลุดลอก) จนถึงจุดสิ้นสุด พลังหยางจึง ฟู่ (復) (หวนกลับ) ด้วย อู๋วั่ง (無妄) (ไร้มายา) เพื่อสั่งสมอีกครั้งใน ต้าฉู่ (大畜) (การสั่งสมใหญ่) ซึ่งใช้ในการ อี้ (頤) (การบำรุงเลี้ยง) หากบำรุงผิดวิธีจะเกิด ต้ากว้อ (大過) (ความผิดพลาดใหญ่) จนเข้าสู่ ข่าน (坎) (ความเสี่ยง/อันตราย/ห้วงลึก) จึงต้องยึดติดในสิ่งที่ถูกต้องอันเป็นทางสว่างคือ หลี (離) (การยึดติด/แสงสว่าง) เพื่อเอาตัวรอดจากภยันตราย

จากนั้นเมื่อรู้จักการเอาตัวรอดแล้ว ย่อมเริ่มสนใจ เสียน (咸) (อิทธิพล/ความสัมพันธ์/การดึงดูด) ซึ่งต้องสร้าง เหิง (恒) (ความยั่งยืน) หากมีปัญหาขัดแย้งก็ต้อง ตุ้น (遯) (การถอย) อย่างสง่างาม เพื่อรักษา ต้าจ้วง (大壯) (พลังที่ยิ่งใหญ่) ไว้ จากนั้นจึง จิ้น (晉) (ความก้าวหน้า) แต่ความก้าวหน้าอาจถูกบดบังด้วย หมิงอี๋ (明夷) (การอับแสง) เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องพึ่งพา เจียเหริน (家人) (ครอบครัว) แต่หากความสัมพันธ์ไม่ดีก็จะเกิด ขุย (睽) (การแตกแยก) นำไปสู่ เจี๋ยน (蹇) (อุปสรรค) ที่ต้องใช้ เจี่ย (解) (การคลี่คลาย) ซึ่งมักต้องแลกมาด้วย ซุ่น (損) (การลดทอน/ความเสียหาย) เพื่อให้เกิด อี้ (益) (การเพิ่มพูน) เมื่อมีผลประโยชน์มากก็ต้องใช้ ไกว้ (夬) (ความแน่วแน่/การตัดสินใจ) เพื่อนำไปสู่ โก่ว (姤) (การพบพาน) และ ชุ่ย (萃) (การชุมนุม/การรวมตัว) ของคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน จนเกิด เซิง (升) (การเติบโต) อย่างต่อเนื่อง หากเติบโตอย่างไม่สมดุลย่อม คุ่น (困) (การถูกจำกัด/ติดแหง็ก/ติดขัด) จึงต้องกลับสู่ จิ่ง (井) (บ่อน้ำ) ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรพื้นฐานที่ต้องอาศัย เก๋อ (革) (การเปลี่ยนแปลง/ปฏิวัติ) เพื่อสร้างระบบใหม่ด้วย ติ่ง (鼎) (หม้อสามขา/ภาชนะ/การหลอมรวม) ระบบใหม่นี้ต้องอาศัยแรงกระตุ้นจาก เจิ้น (震) (ฟ้าร้อง/การสั่นสะเทือน) ในการริเริ่ม แล้วจึงตามด้วย เกิ้น (艮) (ความนิ่ง) เพื่อสร้างความมั่นคง และเริ่ม เจี้ยน (漸) (การพัฒนาอย่างช้าๆ) อย่างถูกต้องเหมาะสม ย่อมนำไปสู่ความสัมพันธ์อย่าง กุยเม่ย (歸妹) (การออกเรือน) และบรรลุ เฟิง (豐) (ความมั่งคั่ง/สมบูรณ์) จึงต้องออก ลวี่ (旅) (เดินทาง/สัญจร) และต้องใช้ ซวิ่น (巽) (ความอ่อนโยน/การปรับตัว) เพื่อให้เกิด ตุ่ย (兌) (ความปิติยินดี) หากความปิติยินดีขาดการควบคุมจะนำไปสู่ ฮ่วน (渙) (การแยกจาก/การกระจายตัว) จึงต้องมี เจี๋ย (節) (ข้อจำกัด/การควบคุม) ที่มาจาก จงฝู (中孚) (ความจริงใจภายใน) แม้จะจริงใจก็ยังอาจเกิด เสี่ยวกว้อ (小過) (ความผิดพลาดเล็กน้อย) ได้ และเมื่อได้เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วย่อม จี้จี้ (既濟) (สำเร็จ) ทว่านั่นเป็นเพียงความมั่นคงชั่วคราว เพราะทุกสรรพสิ่งย่อม เว่ยจี้ (未濟) (ยังไม่เสร็จสิ้น) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวัฏจักรใหม่ (กลับสู่เชี๋ยน)

อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น