แนวคิดการฝึกอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ โดย
ห้องสมุดตามใจ
การอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศได้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษย่อมทำให้เราขยายขอบเขตเรื่องราวที่สนใจออกไปได้กว้างยิ่งขึ้น เราขอนำประสบการณ์การฝึกอ่านภาษาอังกฤษมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ อาจเป็นประโยชน์บ้างสำหรับเพื่อนๆที่กำลังหัดอ่าน งั้น มาเริ่มกันเลย
1. เริ่มจากหนังสือ Graded Reader
เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการฝึกอ่าน เพราะเขานำเรื่องราวมา Retold เล่าใหม่ให้อ่านง่าย หรือบางเรื่องอาจแต่งขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งจำกัดศัพท์ไม่ให้มากจนเกินไปตามระดับ อ่านจากง่ายไปยาก แค่อ่านถึงระดับ 3-4 หรือ B1-B2 ก็เริ่มอ่านหนังสือจริงได้แล้วครับถ้าต้องการ
2. อ่านหนังสือสองภาษา
หนังสือที่มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษในเล่มเดียวกันเริ่มมีมากขึ้น ให้อ่านภาษาไทยให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยอ่านภาษาอังกฤษจะช่วยได้มาก แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะหาจากไหน เราแนะนำ ไบเบิ้ลฉบับไทย-อังกฤษ ช่วยได้ บาทหลวงหลายท่านฝึกภาษาใหม่ด้วยวิธีนี้ครับ
3. ฝึกเดาคำ
การฝึกเดาศัพท์เราต้องศึกษาหลักการดูว่าคำนั้นเป็น Noun, Adjective, Adverb ฯลฯ จะทำให้เราเดาได้ง่าย เช่น ถ้ามี a หรือ an หรือ the นำหน้า แสดงว่าตัวที่ตามหลังมาคือคำนาม อย่างนี้เราก็เดาได้ว่า มันต้องเป็นสิ่งของอะไรสักอย่าง ถ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็จำชื่อภาษาอังกฤษนั้นไปเลยหรือเปิดดิกส์ หรือคำที่มี -ly ต่อท้ายอาจเป็น Adverb เราอาจจะข้ามไปก็ได้ถ้าไม่รู้ เพราะแค่คำขยายไม่สำคัญเท่าคำหลักที่ถูกขยาย เมื่อดูบริบทก็จะช่วยให้เดาได้ดีขึ้น ถ้าคำไหนที่เดาไม่ออกบอกไม่ถูก หากอ่านข้ามไปแล้วทำให้ไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่อยเปิดดิกส์ครับ
4. อ่านเอาความหมาย
มองหา
ประธาน-กิริยา-กรรม ถ้าอ่านเข้าใจความหมาย แม้จะมีบางคำไม่รู้ ก็ให้ข้ามๆไปก่อน ค่อยมาเปิดดิกส์เอาทีหลัง จำไว้ว่า
อ่านหนังสือเอาเนื้อหา ไม่ได้มาท่องศัพท์
5. อ่านหนังสือที่เขียนหลังปี 1990
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ตอนหัดอ่านแรกๆ หนังสือที่เขียนก่อนปี 1990 อ่านยากชะมัดเลยครับ แต่หนังสือที่เขียนหลังจากนั้น เหมือนเขาตั้งใจเขียนเพื่อขายทั่วโลก รวมถึงคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองด้วย ทำให้ศัพท์ที่ใช้มาตราฐานมากขึ้นและง่ายขึ้นครับ แต่เมื่อเริ่มอ่านได้คล่องแล้วจะอ่านฉบับเขียนปีไหนก็ได้หมดครับ
6. ศึกษาไวยกรณ์
โอเค เข้าใจว่ามันคือยาขม แต่ไวยกรณ์ช่วยได้มากจริงๆในการอ่านครับ มันช่วยให้เดาศัพท์ง่ายขึ้นเยอะมากๆ
7. อ่านเยอะๆ
ลุยอ่านมันเข้าไปครับ เหมือน ฮารูกิ มูราคามิ สมัยเรียน เขาซื้อหนังสือนิยายภาษาอังกฤษมือสองยกกระสอบจากท่าเรือในราคาถูก แล้วมาตะบี้ตะบันอ่านไปทั้งๆที่ไม่รู้เรื่อง จนรู้เรื่องขึ้นมาได้ ใช้เวลา แต่ทำได้แน่นอนหากตั้งใจ
เราเอามูราคามิเป็นแบบอย่างครับ อย่าไปกลัวเมื่อเจอคำที่ไม่รู้ ข้ามๆไป อ่านเข้าใจเป็นพอ แล้วค่อยมาเก็บรายละเอียดทีหลัง การได้อ่านหลายรอบก็ช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น
เราไม่มีทางรู้ศัพท์ทั้งหมดในคราวเดียว ฝรั่งที่เรารู้จักเขาก็เจอศัพท์ใหม่ๆอยู่ทุกครั้งที่เขาอ่านหนังสือครับ ดังนั้นอย่าท้อนะครับเพื่อนๆ ค่อยๆเก็บคลังศัพท์ไปเรื่อยๆ เรียนรู้อยู่เสมอ ถ้าเหนื่อยก็พักอ่านภาษาไทยบ้างก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็มีความสุขกับการอ่านไม่ว่าภาษาอะไรก็ตาม เนอะ😄
หวังว่าแนวคิดของเราพอจะช่วยให้คำแนะนำเพื่อนๆได้บ้างนะครับ😇