Sponsor

23 ตุลาคม 2568

จิ้งม่อ (靜默) - การฝึกตนด้วยความสงบเงียบ

靜默

ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเร่งรีบและคอยดึงความสนใจของเราอยู่ตลอดเวลา การเรียกร้องความสนใจที่ท่วมท้นในชีวิตแต่ละวัน การแจ้งเตือน และกระแสโซเชียลมีเดีย เราถูกดึงพลังชีวิตและสมาธิออกสู่ภายนอกจนจิตใจวุ่นวายและอ่อนล้า โดยที่ในกระแสแห่งความว้าวุ่นภายนอกเหล่านั้นกลับไม่มีที่ให้พักเลยแม้แต่น้อย มีเพียงทางเลือกเดียวคือต้องวิ่งตามมันไปอย่างไม่อาจหยุดหย่อน จนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ...ทว่ามีที่แห่งหนึ่งที่เราอาจพบแหล่งพักกายใจได้ นั่นคือ วิหารภายในใจของเราเอง

ในทางเต๋ามีการฝึกตนที่เรียกว่า 靜默 (Jìng Mò - จิ้งม่อ - สงบเงียบ) คล้ายการปิดวาจา แต่นอกจากไม่พูด (หรือพูดให้น้อยที่สุดแล้ว) ยังเป็นการทำสมาธิอยู่กับตัวเองคล้ายการวิปัสสนาด้วย ซึ่งจะเป็นการฝึกตนในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
จิ้งม่อถือว่าเป็นหลักการพื้นฐานของอู๋เหวย (無為 - การไร้กระทำ หรือการกระทำโดยไม่ฝืนธรรมชาติแห่งเต๋า) การจิ้งม่อไม่ใช่แค่การอยู่เฉยๆ แต่เต๋าถือว่าเป็นการสะสมพลังงาน (ทางสุขภาพ) และเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเต๋า (ธรรมชาติ) เพื่อให้สามารถตระหนักรู้และดำเนินการได้อย่างเหมาะสมที่สุดเมื่อจังหวะมาถึงอย่างเป็นธรรมชาติ (การไร้กระทำ)

ตามหลักปรัชญาเต๋าแล้ว การจิ้งม่อไม่ใช่แค่ทำเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่เป็นการบูรณาการเข้าสู่การดำเนินชีวิตประจำวันทั้งหมดตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุหลักอู๋เหวยที่แท้จริง

การฝึกจิ้งม่อ (靜默) ในชีวิตประจำวัน
สงบนิ่ง (靜)
ในขณะที่กำลังทำกิจกรรม เช่น เดิน ทำงาน กินข้าว อ่านหนังสือ เป็นต้น (ถ้าไม่มีอะไรทำก็นั่งนิ่งๆเฉยๆไม่ต้องทำอะไรเลย) ให้จิตใจรักษาความสงบ (清靜) และความว่าง (虛) ไว้ให้มากที่สุด รับรู้ความคิดความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน รับรู้ลมหายใจช้าๆลึกลงไปถึงตันเถียน (ในท้องน้อย) อย่างสงบผ่อนคลาย อาจตั้งจิตระลึกรู้อยู่ที่จุดตันเถียน
การฝึกจิตให้ไม่ยึดติดและไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งเร้าภายนอกหรืออารมณ์ที่เข้ามากระทบ คล้ายกับการทำใจให้เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนทุกสิ่งแต่ไม่ถูกแปดเปื้อน
ในการทำงานหรือการตัดสินใจ จิ้งม่อคือการไม่ผลีผลาม ไม่เร่งรัด แต่รอคอยจังหวะที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ทุกการกระทำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

เงียบงัน (默)

การปิดวาจา ในชีวิตประจำวัน คือ เงียบปากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ทำเสียง ไม่พูดถ้าไม่จำเป็น พูดให้น้อย พูดให้กระชับ หรือพูดในจังหวะที่ถูกต้อง เพื่อลดการใช้พลังงานโดยเปล่าประโยชน์ (การรั่วไหลของชี่) และหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาจากการพูดที่ไม่ระมัดระวัง ต้องคิดก่อนพูดและพูดอย่างมีสติ

การฝึกจิ้งม่อจะเป็นการชำระล้างพลังงานที่ขุ่นมัวออกไป เพื่อให้สหัชญาณ (直覺 - Intuition) ภายในกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะกระทำสิ่งต่างๆได้อย่างถูกต้องและเป็นไปเองโดยไร้กระทำ (無為) เมื่อถึงขั้นนั้นก็อาจปรับปรุงวาสนาของตนเองได้

การฝึกจิ้งม่อโดยทั่วไปนั้น ต้องลดสิ่งกระตุ้นภายนอกให้มากที่สุดและควรปลีกตัวออกมาจากผู้คนหรือวงสนทนาที่ไม่จำเป็น สำหรับยุคนี้ก็คือต้องงด การไถโซเซียล การดูหนังฟังข่าวฟังเพลง เป็นต้น เพื่อเน้นรับรู้ภายในตนเองเป็นหลัก ถือว่าเป็น Social Detox ไปในตัว แต่หากจำเป็นต้องใช้โซเชียล ก็ให้ใช้อย่างมีเป้าหมายและมีสติครับ

สรุป
ฝึกหายใจให้ช้าลึกสงบผ่อนคลาย ทำกายใจให้มีสมาธิรับรู้อยู่ที่ตันเถียน (ให้จิตวิญญาณ (เสิน) มีที่มั่น) และปิดวาจา (ป้องกันชี่รั่วไหล) ไม่ต้องใส่ใจสิ่งภายนอกอื่นใดนอกจากตนเอง และตระหนักไว้ว่าปรากฏการที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องภายนอกและภายใน เป็นเพียงการแปรเปลี่ยนของเต๋าเท่านั้น ไม่มีดี ไม่มีเลว ไม่มีผิด ไม่มีถูก เป็นแค่การแสดงออกของเต๋าของสิ่งเหล่านั้นให้เราได้รับรู้เท่านั้น

สรุปสั้นๆ คือ บื้อใบ้ อย่างมีสติรู้ตัวเอง

ในทางอี้จิง (易經) จิ้งม่อคือการฝึกให้จิตเข้าถึงสภาวะที่สามารถหยั่งรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของขั้วหยินและหยางได้ เมื่อฝึกถึงระดับนี้ก็จะไม่ต้องคำนวณหรือทำนาย แต่จะรู้สึกถึงสภาวะการณ์ที่พร้อมจะเปลี่ยนจากสภาวะหนึ่งไปอีกสภาวะหนึ่ง ซึ่งนั่นคือจังหวะที่ต้องลงมือ

ในหลักพิชัยสงคราม แม่ทัพที่เชี่ยวชาญไม่ได้รอสัญญาณที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่จะอยู่ในสภาวะจิ้งม่อเพื่อเฝ้าดูความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของศัตรู เมื่อใดที่ช่องว่างเปิดขึ้นเพียงแว่บเดียว เขาจะเข้าโจมตีทันที นั่นคือ การใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว และลงมือในจังหวะที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก

ดังนั้น จิ้งม่อจึงถือเป็น ปัญญาแห่งการรอคอย การสะสมพลังเพื่อสุขภาพกายใจที่ดี และการใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวนั่นเอง

ในยุคสมัยที่ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด การได้อยู่ตัวเองอย่างสงบเงียบ ในวิหารภายในที่ถูกลืมเลือนไปนาน ก็นับว่าเป็นความหรูหราที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้จริงๆ


แถม
คำเตือน
สำหรับผู้ต้องการฝึกจิ้งม่อกับตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อปรับปรุงโชคลาภวาสนาของตนเองนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้ก่อน หากคุณเป็นคนที่โชคร้าย หรือเรียกภาษาบ้านๆว่าดวงซวยตลอดศก ทำอะไรก็ผิดพลาด ทำอะไรก็ซวยไปหมด การที่ฝึกจิ้งม่อจะช่วยปรับปรุงวาสนาที่ซวยนี้ให้ดีขึ้นได้
แต่... ในการฝึกอย่างเข้มข้นนั้นจะทำการชำระชี่ที่ขุ่นมัวออกไป เมื่อขับออกมาจะปรากฏเป็นความซวยต่างๆนานา และส่วนใหญ่จะเป็นความซวยเล็กๆน้อยๆ มากกว่าความซวยใหญ่ๆ ซึ่งต้องยอมรับอย่างไม่ตัดสิน เหมือนการกินยากระทุ้งพิษ ในช่วงเวลานั้นจะซวยซ้ำซวยซ้อนในทุกรูปแบบ ทั้งที่เกิดจากตัวเองและจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น เจ็บป่วย ผู้คนดูหมิ่นไม่เคารพ พลาดโอกาส ตัดสินใจผิด ฯลฯ หรือที่เรียกกันว่า มารผจญ นั่นแหละครับ หากฝึกจิ่งม้อ (สงบนิ่ง - บื้อใบ้) ยอมรับชะตาโดยไม่ตัดสินไม่ตัดพ้อ มีสติรู้ตัวเฉยๆ แล้วก็จัดการปัญหานั้นๆไปตามสมควร โดยไม่ให้มันรบกวนจิ้งม่อได้ จนกระทั่งกระทุ้งพิษออกมาหมดแล้ว ซึ่งอาจใช้เวลานานมาก เมื่อถึงตอนนั้น เสิน (จิตวิญญาณ) จะกระจ่างขึ้น วาสนาจะถูกปรับปรุง และจะทำทุกอย่างได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ต้องพยายามมาก หรือที่เรียกว่าเหวยอู๋เหวยหรือการกระทำโดยไร้กระทำ
เรื่องนี้อาจบอกได้ว่า เดิมทีพลังงานที่ขุ่นมัวเหล่านี้สะสมอยู่ในจิตใต้สำนึกจากความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวันซึ่งรอวันปะทุ (รอวันซวย) แต่ถูกเจตนาในการทำอะไรต่อมิอะไรในชีวิตประจำวันของเรากดทับเอาไว้อยู่ จึงไม่ปรากฏออกมาบ่อยครั้ง แต่ก็แทรกซึมผ่านรอยกดออกมาอยู่บ้าง แต่เมื่อฝึกการจิ้งม่อสงบเงียบบื้อใบ้ไร้กระทำ เจตนาที่เคยกดไว้ไม่มี ร่างกายก็เลิกกดทับ มันจึงปะทุกระหน่ำออกมาเรื่อยๆ เมื่อไม่เข้าไปก้าวก่าย ยังคงสงบเงียบต่อไป ภายในจะทำความสะอาดตัวเอง ขับสิ่งสกปรกออกมาปรากฏเป็นความซวยไปเรื่อยๆ เมื่อความสกปรกหมดไปภายในก็กระจ่างใส
หากท่านทนที่จะสงบเงียบบื้อใบ้ต่อความซวยที่เกิดขึ้นบ่อยๆเกินกว่าปกติไม่ไหว แล้วเข้ากลับไปใช้เจตนากระทำตัดสินตัดพ้อต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้นโดยละเมิดการจิ้งม่อ ก็จะเป็นการเพิ่มชี่ที่ขุ่นมัวเข้าไปอีกเหมือนที่เคยเป็นมา และเจตนากระทำอาจกดมันเอาไว้ได้ ซึ่งถ้าไม่ฝึก ทุกอย่างในชีวิตก็จะเป็นไปแบบเดิม กลัวแต่เพียงว่าหากความซวยปะทุในคราเดียวช่วงดวงตกที่หมดแรงกดทับก็อาจจะซวยหนักมากจนไม่อาจรับมือได้ แต่หากฝึกก็มักเป็นความซวยเล็กๆน้อยๆแต่เกิดขึ้นซ้ำซาก จึงคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้รู้ไว้ก่อน

จากคำเตือนนี้ ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดด้วยตนเองว่า จะฝึกจิ้งม่อหรือไม่ แต่อยากทิ้งท้ายไว้เพื่อให้กำลังใจว่า หากอยู่ในจิ้งม่ออย่างแท้จริงเต๋าจะปกปักรักษาท่านเสมอ

โปรดใช้วิจารณญาณ

อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น