Sponsor

14 มีนาคม 2567

ชาสามม้าเบอร์ 1, 2, 3 ต่างกันอย่างไรนะ?

เพื่อนๆเคยสงสัยมั้ยว่าชาสามม้าเบอร์ 1, เบอร์ 2, เบอร์ 3 ยอดนิยมทั้ง 3 เบอร์นี้ต่างกันอย่างไร?

มาไขข้อสงสัยกันสั้นๆตรงนี้เลยครับว่า เป็นเบอร์ของระดับการย่างไฟของใบชาครับ และทั้ง 3 เบอร์นี้เป็นกรรมวิธีแบบชาอู่หลงครับ

เบอร์ 1 : เป็นใบชาคั่วอ่อน จะได้น้ำชาสีอ่อน ออกเหลืองอมเขียว เป็นชาอู่หลงที่มีความสดๆของชาเขียวนิดๆ กลิ่นคล้ายดอกไม้หอม
เบอร์ 2 : เป็นใบชาคั่วกลาง น้ำชาจะสีแดงใส กลิ่นคล้ายผลไม้สุก
เบอร์ 3 : เป็นใบชาคั่วเข้ม น้ำชาจะสีแดงเข้ม มีความขมชัด กลิ่นคล้ายควันไฟ

แต่ละเบอร์ก็คือความเข้มของการคั่วใบชานั่นเอง ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบแบบไหน ชงได้ทั้งกาเล็กกาใหญ่ ซึ่งสรรพคุณของชาจีน ก็ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ, ช่วยให้หัวใจชุ่มชื่น, ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด, ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี, ชงแก่ๆใช้รักษาอาการเป็นพิษของอัลคาลอยด์ต่างๆ และลดอาการท้องร่วงได้, ฯลฯ นอกจากเป็นเครื่องดื่มดับร้อนแก้กระหายแล้ว ยังเป็นยาสมุนไพรประจำบ้านแบบง่ายๆได้อีกด้วยครับ แต่ก็ต้องระวังเรื่องคาเฟอีนด้วยนะครับ ถ้าดื่มตอนดึกๆอาจนอนไม่หลับได้

ช่วงอากาศร้อนๆอย่างนี้ ชาจีน ก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมที่ช่วยดับร้อน และแก้ร้อนในได้ ที่สำคัญชงเองได้ง่ายๆที่บ้านในราคาย่อมเยาว์
งั้นมาดื่มชาจีนแก้กระหายดับร้อนกันครับทุกท่าน
เอ๊า! ชนจอก!

แถม
ความเข้มสีของน้ำชาอาจแตกต่างกันไปตามน้ำและชนิดใบชาที่ใช้
ชาที่ชงแก่ๆช่วยลดอาการท้องร่วงได้ โดยเฉพาะเบอร์ 3 ที่เข้มโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้ายิ่งชงแก่ๆก็ยิ่งเข้มจัด หากไม่ได้ท่องร่วงการดื่มชาที่แก่เกินไปอาจทำให้ท้องผูกแทนได้นะครับ

06 มีนาคม 2567

สมุนไพรกับการบำรุงร่างกายและล้างพิษ

ภาพถ่ายโดย Anna Pou : https://www.pexels.com/th-th/photo/8329284/

แพทย์แผนโบราณ บางครั้งคนไข้สองคนมีอาการเหมือนกันแต่อาจใช่วิธีการหรือสมุนไพรที่รักษาต่างกัน บางคนอาการต่างกันแต่อาจใช้วิธีการหรือสมุนไพรที่รักษาเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่า ต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านั้นอาจจะเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล การรักษาแบบองค์รวมแบบแพทย์แผนโบราณนั้น อาการเดียวกันอาจไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการหรือตัวยาเดียวกันเสมอไป ต้องดูเป็นรายๆไปถึงต้นเหตุที่โดนกระทบจนมีอาการ ไม่ใช่ดูแค่ที่อาการหรือโรค จึงไม่สามารถบอกวิธีรักษาจากอาการและฟันธงได้อย่างตายตัว จึงจะเห็นว่าแพทย์แผนโบราณจำเป็นต้องแมะชีพจร ดูตา ดูลิ้น ดมกลิ่น ฟังเสียงพูด เพราะบางครั้งแต่ละคนอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันแต่เกิดจากสาเหตุเดียวกัน นั่นขึ้นอยู่กับว่าส่วนใดอ่อนแอเป็นพิเศษ ส่วนนั้นก็จะได้รับผลกระทบก่อน เช่น คนนึงผมร่วง อีกคนปวดเข่า และอีกคนหูอื้อ อาการที่แตกต่างกันของ 3 คนนี้ อาจจะเกิดจากสภาวะไตพร่องเหมือนกันก็ได้ แต่ไปปะทุแสดงออกในจุดที่ต่างกันซึ่งอยู่ในสังกัดของไต ก็อาจจะรักษาด้วยสมุนไพรชุดเดียวกันได้หรือคนไข้อ่อนเพลียเหมือนกัน แต่คนหนึ่งสาเหตุอาจเกิดจากชี่ม้ามพร่อง อีกคนอาจเกิดจากไตพร่องก็ได้ ดังนั้น จึงไม่อาจใช้วิธีการหรือสมุนไพรเดียวกันในการรักษาอาการอ่อนเพลียนี้ได้
และด้วยเหตุผลนี้เช่นกันที่ทำให้ยาแผนโบราณมักจะถูกล้อเลียนว่าเป็นยาผีบอก เพราะว่าใช้รักษาได้หลายอาการ แต่จริงๆแล้วอาการที่เขียนไว้เหล่านั้นเป็นแค่อาการภายนอกที่แสดงออกจากต้นเหตุเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วสมุนไพรจะไปบำรุงและรักษาอวัยวะต้นเหตุภายในที่เสียสมดุล เมื่อสมดุลปกติดีแล้ว อาการต่างๆก็จะหายไปนั่นเอง แต่ต้องถูกสาเหตุไม่ใช่แค่ถูกอาการ เพราะอาการเดียวกันอาจจะมีสาเหตุต่างกัน ดังนั้นอาจจะใช้สมุนไพรเดียวกันไม่ได้ ตรงจุดนี้ต้องไปตรวจสุขภาพกับแพทย์แผนโบราณเท่านั้น

สำหรับวัคซีนโควิด คาดว่าคงมีผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่มีอาการข้างเคียงปรากฎให้เห็น แต่บางคนก็มีอาการข้างเคียงชัดเจน ซึ่งอาการข้างเคียงก็อาจจะแตกต่างกันไปได้ หากใช้ปรัชญาข้างต้นในการวิเคราะห์จุดนี้ ก็แสดงว่าอาการต่างๆขึ้นอยู่กับจุดถูกกระทบ อวัยวะส่วนใดอ่อนแอเป็นพิเศษ หรือสมดุลส่วนใดเสียจนถึงระดับส่งผล อาการก็จะปะทุในสังกัดต่างๆของส่วนนั้นก่อน ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีจุดที่แข็งแรงและอ่อนแอต่างกัน ดังนั้นสาเหตุภายในก็จะต่างกันด้วย จึงยากที่จะบอกได้อย่างตายตัวว่าต้องทำอย่างไรจึงจะกลับสู่ปกติ ส่วนการรักษาเฉพาะตามอาการนั้นไม่ได้ช่วยรักษาในภาพรวมหรือต้นเหตุแต่อย่างใด อาการอาจหายได้เหมือนพ่นยาชา แต่ถ้าสาเหตุยังไม่หายก็ยังคงไม่กลับสู่ปกติ พอหายชาก็จะมีอาการอีก แต่ใช้การทำให้ชาร่วมด้วยก็ดี จะได้หายเจ็บปวด แต่ไม่ควรหยุดแค่ตรงนั้น ควรรักษาที่ต้นเหตุด้วยจะได้หายเจ็บเพราะไม่มีแผลจริงๆ ไม่ใช่แค่หายเจ็บเพราะแค่พ่นยาชา

ในทางแพทย์แผนจีนนั้นจัดลำดับของยาหรือสมุนไพรเอาไว้ 3 ระดับ คือ สมุนไพรชั้นสูง สมุนไพรชั้นกลาง และสมุนไพรชั้นล่าง สมุนไพรชั้นล่างนั้นเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาแบบเจาะจง เฉพาะอาการ และเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นสมุนไพรที่มีพิษสูง ถ้าใช้จนหายโรคแล้วต้องหยุดใช้ ควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด ใช้ในระยะสั้นๆ และจะไม่ใช้หากไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนสมุนไพรชั้นสูงและกลางนั้นมักเป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย ซึ่งใช้รักษาด้วย มักใช้ทั่วไป ใช้รักษาอย่างเป็นองค์รวมด้วยการฟื้นฟูร่างกายให้สมดุล เพื่อให้ร่างกายเยียวยาตัวเองต่อไป จึงควรนับเป็นการเยียวยามากกว่าการรักษา เช่น โสม โต่วต๋ง เขากวางอ่อน ตังเสียม เก๋ากี้ อบเชย ขมิ้น หลินจือ ฯลฯ หากใช้ในการบำรุงทั่วไปก็จะใช้ปริมาณน้อยๆ หรือเป็นส่วนผสมในอาหาร จึงใช้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีๆ แต่หากใช้ในการเยียวยารักษาก็จะมีการเพิ่มปริมาณขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ต้องปรึกษาแพทย์แผนโบราณเท่านั้น

ในการบำรุงร่างกายโดยรวมก็มักจะแนะนำให้ใช้ โสม ซึ่งจะเพิ่มชี่(ทำให้มีพลัง) เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น และช่วยทำความสะอาดหลอดเลือด แต่โสมจีน(โสมเกาหลี, โสมขาว)นั้นจะมีความเป็นหยาง คือ ร้อน คนที่มีอาการร้อนในหรือเป็นคนขี้ร้อนไม่ควรใช้ คนที่มีอาการร้อนควรจะใช้ โสมอเมริกา แทนเพราะมีความเป็นหยิน คือ เย็น แต่จะมีสรรพคุณอ่อนกว่าโสมจีน (ส่วนโสมแดงนั้นไม่แนะนำสำหรับคนทั่วไปเพราะว่าร้อนจัด ใช้เฉพาะแพทย์สั่งเท่านั้น) โสมควรดื่มตอนกลางวัน ส่วนในการล้างพิษก็มักจะแนะนำ เห็ดหลินจือ บำรุงได้และล้างพิษดี(หลินจือชิ้นสำหรับต้มหรือหลินจือผงแคปซูลก็ได้) เป็นกลางไม่ร้อนไม่เย็น เหล่านี้เป็นแค่คำแนะนำแบบทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน แต่คนส่วนใหญ่ใช้ได้ ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์แผนโบราณ
แม้จะใช้สมุนไพรบำรุงที่ได้รับความเชื่อถือว่าปลอดภัยสูง แต่หากใช้บำรุงอย่างต่อเนื่องทุกวันก็ควรมีช่วงหยุดบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พัก โดยเฉพาะ หลินจือ หากใช้ต่อเนื่อง 1-3 เดือนก็ควรจะหยุดพัก 1 เดือน และหากล้างพิษหมดแล้วก็อาจดื่มเป็นครั้งคราวเพื่อบำรุงได้(อาจใช้ต่อเนื่องเพื่อล้างพิษปีละครั้งก็พอ เช่น 3 เดือน) ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุด เพราะหากพิษหมดแล้วหลินจือจะไปล้างเอาสารอาหารแทน ดั่งสุภาษิตที่ว่า สิ่งที่ดีมากไปก็ไม่ดี ความสมดุลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
แต่มีข้อห้ามอยู่อย่างหนึ่งในการใช้สมุนไพรบำรุงร่างกายเหล่านี้ก็คือ ห้ามกินสมุนไพรบำรุงในขณะที่เป็นไข้ เพราะสมุนไพรจะไปบำรุงเชื้อโรคด้วย

จะเห็นว่าแพทย์แผนโบราณจะเด่นในด้านรักษาแบบองค์รวม เพื่อให้ร่างกายเยียวยาตัวเองต่อไป หากเป็นอาการเรื้อรังน่ารำคาญที่รู้สึกไม่ปกติหรืออาการไม่รุนแรงมาก ก็จะช่วยได้เป็นอย่างดี เพราะหากเยียวยาได้ถูกต้องร่างกายก็จะฟื้นฟูตัวเอง การเยียวยาต้องใช้เวลา แต่ถ้าอาการรุนแรงมากจนเด่นชัด ตรงจุดนี้แพทย์แผนปัจจุบันจะเด่นมากกว่าและรวดเร็วกว่า จึงควรเลือกเข้ารับการรักษาตามจุดอ่อนจุดแข็งของวิธีการรักษาแต่ละแบบ หรือใช้ร่วมกันก็ยิ่งดีครับ รักษาด้วยและเยียวยาด้วย ได้ทั้งโรคหายและร่างกายก็แข็งแรงครับ

สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารที่ดี นั่นคือการรักษาสุขภาพกาย และต้องไม่เครียดและทำจิตใจให้เบิกบาน นั่นคือการรักษาสุขภาพใจ ภายในภายนอก หยินหยาง กายใจ ต้องได้รับการดูแลทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกัน เมื่อมีสมดุลทุกอย่างก็ปกติสุข

มาดูแลสุขภาพกันให้ดีครับ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้านะครับ
สวัสดีครับ

แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม

01 มีนาคม 2567

บทเรียนชีวิตจากโลกหลังหายนะของ CDDA


Cataclysm: Dark Days Ahead - มหาภัยพิบัติ: สู่วันอนธการ หรือ CDDA เป็นเกม roguelike ที่มีความท้าทาย ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะที่เต็มไปด้วยซอมบี้ สัตว์กลายพันธุ์ และอันตรายอื่นๆ เกมนี้ไม่ใช่แค่เกมเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่สอนบทเรียนชีวิตอันล้ำค่าอีกด้วย

คุณค่าของชีวิต
ในโลกของ CDDA ชีวิตมีราคาแพง ผู้เล่นต้องระวังทุกย่างก้าว การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงชีวิต
เกมนี้สอนให้เรารู้คุณค่าของชีวิต และใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ความสำคัญของการเตรียมพร้อม
ในโลกหลังหายนะ ผู้เล่นที่เตรียมพร้อมจะอยู่รอดได้ ผู้เล่นต้องหาอาหาร น้ำ ที่พักพิง และยา
เกมนี้สอนให้เรารู้จักเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

การทำงานเป็นทีม
ในโลกของ CDDA การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เล่นต้องร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อเอาชีวิตรอด
เกมนี้สอนให้เรารู้จักทำงานเป็นทีม และช่วยเหลือผู้อื่น

ความยืดหยุ่น
ในโลกของ CDDA ผู้เล่นต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย ผู้เล่นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและยืดหยุ่น
เกมนี้สอนให้เรารู้จักอดทน และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

ความหวัง
แม้จะอยู่ในโลกที่สิ้นหวัง แต่ผู้เล่นต้องไม่สูญเสียความหวัง ผู้เล่นต้องหาสิ่งที่ทำให้พวกเขามีแรงจูงใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เกมนี้สอนให้เรารู้จักมองโลกในแง่ดี และไม่เคยยอมแพ้

CDDA เป็นเกมที่สอนบทเรียนชีวิตอันล้ำค่า บทเรียนเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้

การตั้งค่าเปิดโปรแกรมอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่องสำหรับ Zorin OS Core



ในการตั้งค่าให้เปิดโปรแกรมที่อัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดเครื่องบน Zorin OS Core นั้นจะยุ่งยากหน่อย ตรงที่เราต้องใส่ Command ในช่องคำสั่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหน เอาจริงๆ Zorin OS Lite นั้นง่ายกว่า แค่คลิ๊กขวาที่ไอค่อนของโปรแกรมนั้นเลือกดู Properties ก็ดู Command ได้แล้ว แต่สำหรับ Zorin OS Core ที่มีฟังชั่นครบถ้วนก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำครับ มาลองดูวิธีหา Command ของโปรแกรมต่างๆกันได้เลย
  1. อันดับแรกให้เปิดโปรแกรม Startup Applications เอาไว้ก่อนเลย แล้วคลิ๊กปุ่มคำสั่ง Add เพื่อเตรียมเพิ่มโปรแกรมที่ต้องการให้เปิดทันทีเมื่อเปิดเครื่อง
  2. จากนั้นคลิ๊กไปที่ปุ่ม Super (ปุ่ม Win หรือเมนูที่มุมล่างซ้าย) แล้วพิพม์ในช่องค้นหาว่า Main Menu จากนั้นคลิ๊กเข้าไปที่โปรแกรม Main Menu นั้นเลย
  3. ทีนี้ก็เลือกหาโปรแกรมที่เราต้องการจากรายการเหล่านั้น เมื่อเลือกได้แล้ว ก็คลิ๊กที่ชื่อโปรแกรมนั้น แล้วกด Properties ที่อยู่ที่ปุ่มคำสั่งข้างๆ
  4. จากนั้นเราก็ก๊อปข้อมูลทุกช่องทีละช่องไปใส่ในโปรแกรม Startup Applications ให้ครบถ้วน(จริงๆไม่ต้องครบก็ได้ ต้องการแค่ Command ก็เพียงพอ) แล้วกด Save เป็นอันเสร็จพิธี
จากนี้เมื่อเปิดเครื่องใหม่ทุกครั้งโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้ก็จะรันเองทันทีเป็นโปรแกรมเริ่มต้นได้อย่างสะดวกไปเลยครับ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นลองดูตัวอย่างได้จากคลิปวีดีโอข้างบนได้เลยนะครับ