Sponsor

06 กันยายน 2568

เมอร์คาบาสมาธิ - การหายใจแบบทรงกลม 18 ครั้ง


เมอร์คาบาสมาธิ (Mer-Ka-Ba Meditation)

ในคำสอนเชิงลี้ลับยุคใหม่ มีการสอนว่าเมอร์คาบา (Merkaba; Merkabah) คือยานพาหนะข้ามมิติซึ่งประกอบด้วยพีระมิดฐานสามเหลี่ยม (tetrahedra) สองอันที่เชื่อมต่อกัน ณ จุดศูนย์กลาง มีขนาดเท่ากัน อันหนึ่งชี้ขึ้นและอีกอันชี้ลง รูปทรงที่มีสมมาตรแบบจุดนี้เรียกว่า สเตลลาออกแทงกูลา (stella octangula) หรือ สเตลเลตออกตาฮีดรอน (stellated octahedron) ซึ่งสามารถสร้างได้จากการขยายพื้นผิวของรูปทรงแปดหน้าปกติ (regular octahedron) จนกระทั่งพื้นผิวเหล่านั้นมาตัดกัน

ในหนังสือของเขา นักวิจัยและนักฟิสิกส์ชื่อ ดรันวาโล เมลคิเซเดค อธิบายรูปทรงนี้ว่าเป็น "เตตราฮีดรอนรูปดาว" (Star Tetrahedron) เนื่องจากมันสามารถมองได้ว่าเป็นดาวเดวิดในรูปแบบสามมิติ โดยการจินตนาการให้ "เตตราฮีดรอนรูปดาว" สองชุดซ้อนทับกันแล้วหมุนสวนทางกัน พร้อมกับเทคนิคการหายใจแบบ "ปราณ" ที่เฉพาะเจาะจง การเคลื่อนไหวของดวงตา และการใช้มุทรา (ท่ามือ) มีการสอนว่าหนึ่งในนั้นสามารถกระตุ้นสนามพลังงานรูปทรง "จานบิน" ที่มองไม่เห็นให้เกิดขึ้นรอบร่างกายมนุษย์ ซึ่งยึดอยู่กับที่ฐานกระดูกสันหลัง สนามพลังนี้มีขนาดประมาณ 55 ฟุตเมื่อวัดตามความสูงของผู้ฝึก เมื่อถูกกระตุ้นแล้ว สนามพลังรูปทรง "จานบิน" นี้จะสามารถพาจิตสำนึกของบุคคลนั้นเดินทางไปยังมิติที่สูงกว่าได้โดยตรง

สอนการหายใจแบบทรงกลม - การหายใจ 18 ครั้ง (The Teaching Of Spherical Breathing: Using 18 Breaths)

โดย ดรันวาโล เมลคิเซเดค (Drunvalo Melchizedek)
แปล กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
*ความเห็นเพิ่มเติมของผู้แปลจะอยู่ในวงเล็บเหลี่ยม [ ]
หากผิดพลาดขาดตกบกพร่องประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

มีการหายใจ 17+1 ครั้ง โดย 6 ครั้งแรกเพื่อสร้างสมดุลขั้วพลัง, 7 ครั้งถัดมาเพื่อการไหลเวียนของพลังปราณที่เหมาะสมทั่วร่างกาย การหายใจครั้งต่อไปคือการเปลี่ยนจิตสำนึกจากมิติที่ 3 ไปยังมิติที่ 4 และสุดท้ายการหายใจ 3 ครั้งสุดท้ายคือการสร้างเมอร์คาบาที่หมุนอยู่ภายในและรอบตัวขึ้นมา การหายใจครั้งสุดท้าย (ครั้งที่ 18) จะไม่มีการสอนในบทความนี้ ให้ปฏิบัติการทำสมาธินี้ทุกวัน วันละครั้ง จนกว่าจะถึงเวลาที่คุณสามารถหายใจได้อย่างมีสติ และจดจำถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกลมหายใจ

การหายใจครั้งที่ 1: หายใจเข้า

หัวใจ: เปิดหัวใจของคุณและรู้สึกถึงความรักต่อสรรพชีวิต หากทำไม่ได้ ให้เปิดรับความรักนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือคำแนะนำที่สำคัญที่สุด

จิต: รับรู้ถึงพีระมิดชาย (male tetrahedron) [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมปลายแหลมชี้ขึ้นบน] (ปลายแหลมชี้ขึ้นไปหาตะวัน, ปลายฐานด้านหนึ่งหันไปข้างหน้าสำหรับผู้ชาย, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหลังสำหรับผู้หญิง) ที่เต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ล้อมรอบร่างกายของคุณ จินตภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากจินตภาพไม่ได้ให้รับรู้หรือรู้สึกถึงมัน

ร่างกาย: ในขณะเดียวกันที่หายใจเข้า ให้วางมือในท่ามุทรา โดยให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้แตะกัน เบาๆ อย่าให้นิ้วที่เหลือแตะกันหรือแตะวัตถุอื่น ฝ่ามือหงายขึ้น

ลมหายใจ: ในขณะนี้ ให้เริ่มหายใจแบบโยคะ (yogic manner) อย่างสมบูรณ์โดยที่ปอดว่างเปล่า หายใจผ่านรูจมูกเท่านั้น เว้นแต่บางส่วนที่จะอธิบายต่อไป พูดง่ายๆคือหายใจจากท้องก่อน จากนั้นใช้กระบังลม และสุดท้ายคือหน้าอก ทำทั้งหมดในจังหวะเดียว ไม่แบ่งเป็นสามส่วน การหายใจออกทำโดยการเกร็งหน้าอกแล้วคลายท้องเพื่อปล่อยอากาศออกช้าๆ หรือเกร็งท้องแล้วคลายหน้าอก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหายใจต้องเป็นไปตามจังหวะ เริ่มจากใช้เวลา 7 วินาทีในการหายใจเข้าและ 7 วินาทีในการหายใจออก แต่เมื่อคุ้นเคยกับการทำสมาธินี้แล้ว ให้หาจังหวะของตัวเอง

การหายใจครั้งที่ 1: หายใจออก

หัวใจ: รัก

จิต: รับรู้ถึงพีระมิดหญิง (female tetrahedron) [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมปลายแหลมชี้ลงล่าง] (ปลายแหลมชี้ลงสู่พื้นโลก, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหลังสำหรับผู้ชาย, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหน้าสำหรับผู้หญิง) ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์เช่นกัน

ร่างกาย: รักษาท่ามุทราเดิม

ลมหายใจ: อย่าลังเลที่จะเริ่มหายใจออกทันทีหลังจากหายใจเข้าจนสุด หายใจออกช้าๆ ประมาณ 7 วินาที ในแบบโยคะ เมื่ออากาศออกจากปอดจนหมดโดยไม่บังคับ ให้ผ่อนคลายหน้าอกและท้อง แล้ว กลั้นลมหายใจไว้ เมื่อรู้สึกอยากหายใจอีกครั้ง (ประมาณ 5 วินาที) แล้วให้ทำตามนี้:

จิต: รับรู้ถึงสามเหลี่ยมด้านเท่าแบนๆที่อยู่บนพีระมิดหญิงในแนวระนาบ [ฐานของพีระมิดฐานสามเหลี่ยม] ที่ผ่านหน้าอกของคุณที่กระดูกหน้าอก (sternum) ในพริบตาและด้วยพลังคล้ายชีพจร ให้ส่งระนาบสามเหลี่ยมนั้นลงไปตามพีระมิดหญิง มันจะเล็กลงเมื่อเคลื่อนที่ลงไป และจะผลักพลังงานลบทั้งหมดของท่ามุทราหรือวงจรไฟฟ้าออกไปทางปลายยอดของพีระมิด [ที่ชี้ลงดิน] จะมีแสงพุ่งออกจากปลายยอดนั้นไปยังใจกลางโลก การฝึกจิตนี้ทำไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของร่างกายดังต่อไปนี้:

ร่างกาย: กรอกตาเข้าหากันเล็กน้อย หรือพูดง่ายๆ คือเหล่ตาเล็กน้อย ตอนนี้ให้กรอกตาขึ้นไปด้านบนสุดของเบ้าตา หรือพูดง่ายๆ คือมองขึ้นไป การมองขึ้นไปนี้ไม่ควรทำอย่างรุนแรง คุณจะรู้สึกเสียวซ่าระหว่างดวงตาในบริเวณตาที่สามของคุณ ตอนนี้คุณสามารถมองลงไปยังจุดต่ำสุดที่คุณทำได้ อย่างรวดเร็วที่สุด คุณควรจะรู้สึกถึงความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแลบลงไปตามกระดูกสันหลัง จิตและร่างกายต้องประสานการฝึกจิตกับดวงตาเข้าด้วยกัน ดวงตามองลงจากตำแหน่งที่มองขึ้นไปในขณะที่จิตเห็นระนาบสามเหลี่ยมในแนวนอนของพีระมิดหญิงเคลื่อนที่ลงไปที่ยอดของพีระมิดหญิง การฝึกผสมนี้จะช่วยชำระล้างความคิดและความรู้สึกเชิงลบที่เข้ามาในระบบไฟฟ้าของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันจะทำความสะอาดส่วนของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับท่ามุทราที่คุณใช้ ทันทีที่พลังงานพุ่งลงไปตามกระดูกสันหลัง คุณจะเปลี่ยนท่ามุทราเป็นท่าถัดไปและเริ่มรอบใหม่ทั้งหมด การหายใจห้าครั้งถัดไปเป็นการทำซ้ำการหายใจครั้งแรกด้วยการเปลี่ยนท่ามุทราดังนี้:

มุทราการหายใจครั้งที่ 2: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 3: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วนางแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 4: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 5: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้แตะกัน (เหมือนการหายใจครั้งแรก)

มุทราการหายใจครั้งที่ 6: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางแตะกัน (เหมือนการหายใจครั้งที่สอง)

ส่วนแรกคือการหายใจ 6 ครั้งแรก การสร้างสมดุลของขั้วพลัง และการชำระล้างระบบไฟฟ้าของคุณเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้คุณพร้อมสำหรับส่วนถัดไป คือการหายใจ 7 ครั้งถัดไป ตอนนี้รูปแบบการหายใจใหม่ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องจินตภาพเตตราฮีดรอนรูปดาวอีกต่อไป สิ่งเดียวที่ต้องเห็นและทำงานด้วยคือหลอดที่วิ่งผ่านดาว จากยอดของพีระมิดชายที่อยู่เหนือศีรษะของคุณไปยังยอดของพีระมิดหญิงที่อยู่ใต้เท้าของคุณ หลอดนี้ขยายออกไปหนึ่งความยาวมือเหนือศีรษะและหนึ่งความยาวมือใต้เท้า เส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดของคุณจะมีขนาดเท่ากับรูที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของคุณสัมผัสกัน

การหายใจครั้งที่ 7: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก มีการปรับปรุงอีกอย่างที่สามารถใช้ได้หลังจากคุณทำสมาธินี้จนสมบูรณ์แบบแล้ว

จิต: จินตภาพหรือรู้สึกถึงท่อที่วิ่งผ่านร่างกายของคุณ ทันทีที่คุณเริ่มหายใจเข้าครั้งที่ 7 ให้เห็นแสงสีขาวบริสุทธิ์ของปราณที่เคลื่อนที่ลงไปตามท่อจากด้านบน และเคลื่อนที่ขึ้นไปตามท่อจากด้านล่างในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นเกือบจะในทันที จุดที่ลำแสงทั้งสองมาบรรจบกันในร่างกายของคุณถูกควบคุมโดยจิตใจและเป็นศาสตร์อันไพศาลที่รู้จักกันทั่วทั้งจักรวาล อย่างไรก็ตาม ในคำสอนนี้ เราจะแสดงเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น สิ่งที่จะพาคุณจากมิติที่สามไปสู่การตระหนักรู้ในมิติที่สี่ ในกรณีนี้ คุณจะนำลำแสงปราณทั้งสองมาบรรจบกันที่สะดือของคุณ หรือที่ถูกต้องกว่าคือภายในร่างกายของคุณในระดับสะดือ ภายในท่อนั้น ทันทีที่ลำแสงปราณทั้งสองมาบรรจบกัน ซึ่งเกิดขึ้นทันทีที่เริ่มหายใจเข้า จะเกิดทรงกลมของแสงสีขาวหรือปราณขึ้นที่จุดบรรจบกันนั้น โดยมีขนาดประมาณเกรปฟรุต [ประมาณผลส้ม] และมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ท่อ ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา เมื่อคุณหายใจเข้าครั้งที่ 7 ต่อไป ทรงกลมของปราณจะเริ่มรวมตัวกันและเติบโตอย่างช้าๆ

ร่างกาย: สำหรับการหายใจ 7 ครั้งถัดไป ให้ใช้มุทราเดียวกันทั้งการหายใจเข้าและออก คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางแตะกัน ฝ่ามือหงายขึ้น

ลมหายใจ: หายใจแบบโยคะเป็นจังหวะและลึก 7 วินาทีเข้าและ 7 วินาทีออก ไม่มี การกลั้นหายใจอีกต่อไป การไหลของปราณจากขั้วทั้งสองจะไม่หยุดหรือเปลี่ยนไปในทางใดเมื่อคุณเปลี่ยนจากการหายใจเข้าเป็นการหายใจออก มันจะเป็นการไหลอย่างต่อเนื่องที่จะไม่หยุดตราบเท่าที่คุณหายใจด้วยวิธีนี้ แม้กระทั่งหลังจากความตาย

การหายใจครั้งที่ 7: หายใจออก

จิต: ปราณทรงกลมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่สะดือยังคงเติบโตต่อไป เมื่อหายใจออกจนสุด ปราณทรงกลมจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 หรือ 9 นิ้ว

ลมหายใจ: อย่าบังคับอากาศออกจากปอด เมื่อปอดของคุณว่างเปล่าตามธรรมชาติ ให้เริ่มหายใจถัดไปทันที

การหายใจครั้งที่ 8: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก

จิต: ปราณทรงกลมยังคงรวมพลังชีวิตและเติบโตในขนาด

การหายใจครั้งที่ 8: หายใจออก

จิต: ปราณทรงกลมยังคงเติบโตในขนาดและจะถึงขนาดสูงสุดเมื่อสิ้นสุดลมหายใจนี้ ขนาดสูงสุดนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากคุณแตะนิ้วที่ยาวที่สุดของคุณที่กึ่งกลางสะดือ เส้นที่ข้อมือของคุณกำหนดที่ขอบเขตมือจะแสดงให้คุณเห็นรัศมีของขนาดสูงสุดของทรงกลมนี้สำหรับคุณ [ปราณทรงกลมขยายจนมีรัศมีห่างจากสะดือประมาณหนึ่งฝ่ามือ] ปราณทรงกลมนี้ไม่สามารถเติบโตได้อีก

การหายใจครั้งที่ 9: หายใจเข้า

จิต: ปราณทรงกลมไม่สามารถเติบโตได้อีก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือปราณเริ่มรวมตัวกันภายในทรงกลม รูปลักษณ์ที่มองเห็นได้คือทรงกลมจะ สว่างขึ้น

ลมหายใจ: ทรงกลมจะสว่างขึ้นเรื่อยๆเมื่อคุณหายใจเข้า

การหายใจครั้งที่ 9: หายใจออก

ลมหายใจ: เมื่อคุณหายใจออก ทรงกลมจะยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

การหายใจครั้งที่ 10: หายใจเข้า

จิต: เมื่อหายใจเข้าถึงครึ่งทาง และทรงกลมยังคงสว่างขึ้น ทรงกลมปราณจะถึงมวลวิกฤต (critical mass) ทรงกลมจะลุกเป็นไฟกลายเป็นดวงอาทิตย์ เป็นลูกบอลแสงสีขาวที่สว่างจ้า คุณพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปแล้ว

การหายใจครั้งที่ 10: หายใจออก

จิต: ในขณะที่หายใจออก ทรงกลมเล็กๆที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสองความยาวมือจะโป่งออกและขยายตัว ในหนึ่งวินาที เมื่อรวมกับการหายใจที่กล่าวถึงด้านล่าง ทรงกลมจะขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังทรงกลมของลีโอนาร์โด ไปที่ปลายนิ้วของคุณเมื่อกางแขนออก ร่างกายของคุณตอนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยทรงกลมขนาดใหญ่ของแสงสีขาวบริสุทธิ์ [ทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 วา หรือระยะกางแขนสองข้างและแบมือออกจนสุด] คุณได้กลับไปสู่รูปแบบโบราณของการหายใจแบบทรงกลมแล้ว อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ ทรงกลมนี้ยังไม่เสถียร คุณ ต้อง หายใจอีกสามครั้งเพื่อทำให้ทรงกลมเสถียร

ลมหายใจ: ในขณะที่หายใจออก ให้ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน เมื่อคุณรู้สึกว่าทรงกลมเริ่มโป่งออก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในหนึ่งวินาทีแรกของการหายใจออก ให้ปล่อยอากาศทั้งหมดออกอย่างรวดเร็ว ทรงกลมจะขยายตัวในขณะนั้น

การหายใจครั้งที่ 11, 12 และ 13: หายใจเข้าและหายใจออก

จิต: ผ่อนคลายและเพียงแค่รู้สึกถึงการไหลของปราณที่ไหลจากขั้วทั้งสองมาบรรจบกันที่สะดือแล้วขยายออกไปสู่ทรงกลมขนาดใหญ่

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและลึก เมื่อสิ้นสุดการหายใจครั้งที่ 13 คุณได้ทำให้ทรงกลมขนาดใหญ่เสถียรแล้วและพร้อมสำหรับการหายใจครั้งที่ 14 ที่สำคัญ

การหายใจครั้งที่ 14

หัวใจ: รัก

จิต: ในการหายใจเข้าครั้งที่ 14 ในช่วงเริ่มต้นของลมหายใจ ให้ย้ายจุดที่ลำแสงปราณสองลำมาบรรจบกันจากสะดือไปยังกระดูกหน้าอก ซึ่งเป็นจักระมิติที่สี่ ทรงกลมขนาดใหญ่ทั้งหมด พร้อมกับทรงกลมดั้งเดิมซึ่งยังคงอยู่ในทรงกลมขนาดใหญ่ จะเคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดบรรจบกันใหม่ภายในท่อ แม้ว่าสิ่งนี้จะทำได้ง่าย แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่มีพลังมหาศาล การหายใจจากจุดใหม่นี้ภายในท่อจะเปลี่ยนการรับรู้ของคุณจากจิตสำนึกมิติที่สามไปสู่จิตสำนึกมิติที่สี่ หรือจากจิตสำนึกแบบโลกไปสู่จิตสำนึกแบบพระคริสต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ร่างกาย: มุทรานี้จะถูกใช้ตลอดการทำสมาธิที่เหลือ วางฝ่ามือซ้ายบนฝ่ามือขวาสำหรับผู้ชายและฝ่ามือขวาบนฝ่ามือซ้ายสำหรับผู้หญิง เป็นมุทราที่ทำให้ผ่อนคลาย [ฝ่ามือคว่ำประกบเข้าด้วยกัน?]

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและลึก อย่างไรก็ตาม หากคุณยังคงหายใจจากศูนย์กลางพระคริสต์โดยไม่ไปต่อที่เมอร์คาบา ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำจนกว่าคุณจะติดต่อกับจิตสำนึกชั้นสูง (Higher Self) ของคุณได้ ให้เปลี่ยนเป็นการหายใจที่ตื้นขึ้น พูดอีกอย่าง คือ หายใจเป็นจังหวะ แต่ในลักษณะที่สบายซึ่งความสนใจของคุณจะอยู่ที่การไหลของพลังงานที่เคลื่อนที่ขึ้นและลงตามท่อ มาบรรจบกันที่กระดูกหน้าอกและขยายออกไปสู่ทรงกลมขนาดใหญ่ เพียงแค่รู้สึกถึงการไหล ใช้ด้านที่เป็นหญิง (feminine side) ของคุณเพื่อเพียงแค่เป็น ในจุดนี้ไม่ต้องคิด เพียงแค่หายใจ รู้สึก และเป็น รู้สึกถึงความสัมพันธ์ของคุณกับสรรพชีวิตผ่านลมหายใจแห่งพระคริสต์ จดจำความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้าของคุณ

เมอร์คาบา ยานพาหนะแห่งการยกระดับ (The Mer-Ka-Ba, The Vehicle Of Ascension)

การหายใจสามครั้งสุดท้าย

คุณไม่ควรพยายามทำส่วนที่สี่นี้จนกว่าคุณจะได้ติดต่อกับจิตสำนึกชั้นสูงของคุณแล้ว และ จิตสำนึกชั้นสูงของคุณได้ให้อนุญาตให้คุณดำเนินการต่อได้ ส่วนนี้ต้องทำอย่างจริงจัง พลังงานที่จะเข้ามาและล้อมรอบร่างกายและจิตวิญญาณของคุณมีพลังมหาศาล หากคุณยังไม่พร้อม คุณอาจทำร้ายตัวเองได้ [ฝึกแค่ 14 ลมหายใจไปก่อน ไม่ควรฝึกขั้นตอนต่อไป หากยังไม่เชื่อมต่อกับจิตสำนึกชั้นสูง] หากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณอนุญาตให้คุณเข้าไปในเมอร์คาบาแล้ว อย่ากลัว เพราะคุณจะพร้อม

การหายใจครั้งที่ 15: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก

จิต: รับรู้ถึงเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมด [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมทั้งที่ปลายชี้ขึ้นและชี้ลง] ตระหนักว่ามีเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดสามอันซ้อนทับกันอยู่ อันหนึ่งคือตัวร่างกายเอง และถูกล็อคอยู่กับที่และไม่เคลื่อนที่ ยกเว้นในบางสภาวะ มันถูกจัดวางรอบร่างกายตามความเป็นชายหรือความเป็นหญิง เตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดอันที่สองมีธรรมชาติเป็นชาย เป็นไฟฟ้า เป็นจิตใจของมนุษย์ และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากร่างกายของคุณ หรืออีกนัยหนึ่งคือมันหมุนไปทางซ้ายมือของคุณ เตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดอันที่สามมีธรรมชาติเป็นหญิง เป็นแม่เหล็ก เป็นร่างกายอารมณ์ของมนุษย์ และหมุนตามเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากร่างกายของคุณ หรืออีกนัยหนึ่งคือมันหมุนไปทางขวามือของคุณ

เพื่อให้ชัดเจน เราไม่ได้บอกให้คุณหมุนเตตราฮีดรอนชายไปทางหนึ่งและเตตราฮีดรอนหญิงไปอีกทางหนึ่ง เมื่อเราพูดว่าหมุนเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมด เราหมายถึงทั้งหมด

[จินตนาการว่ามีเตตราฮีดรอนรูปดาว 3 ชุดขนาดเท่ากันและซ้อนทับกันอยู่ในบริเวณเดียวกันรอบร่างกาย ชุดแรกเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของร่างกายซึ่งอยู่นิ่งไม่หมุน, ชุดที่สองเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของจิตใจ ทั้งชุดหมุนทวนเข็มนาฬิกา, ชุดที่สามเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของอารมณ์ ทั้งชุดหมุนตามเข็มนาฬิกา]

ในการหายใจเข้าครั้งที่ 15 ขณะที่คุณกำลังหายใจเข้า คุณจะพูดกับตัวเองในใจว่ารหัสคำว่า ความเร็วเท่ากัน (EQUAL SPEED) สิ่งนี้จะบอกจิตใจของคุณว่าคุณต้องการให้เตตราฮีดรอนรูปดาวที่หมุนได้ทั้งสองชุดเริ่มหมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วยความเร็วที่เท่ากันในขณะที่หายใจออก หมายความว่าในการหมุนที่สมบูรณ์ทุกครั้งของเตตราฮีดรอนจิตใจ จะมีการหมุนที่สมบูรณ์หนึ่งครั้งของเตตราฮีดรอนอารมณ์

ร่างกาย: ใช้มุทราของมือที่พับกันต่อไปจากนี้

ลมหายใจ: หายใจแบบโยคะเป็นจังหวะและลึกอีกครั้ง แต่เฉพาะสำหรับการหายใจสามครั้งถัดไป หลังจากนั้นให้กลับไปหายใจแบบตื้นๆ

การหายใจครั้งที่ 15: หายใจออก

จิต: เตตราฮีดรอนทั้งสองชุดเริ่มหมุน ในพริบตา มันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ปลายด้านนอกที่หนึ่งในสามของความเร็วแสง คุณอาจไม่สามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้เนื่องจากความเร็วที่มหาศาล แต่คุณสามารถรู้สึกได้ สิ่งที่คุณเพิ่งทำไปคือการสตาร์ท มอเตอร์ของเมอร์คาบา คุณจะยังไม่ไปที่ไหนหรือมีประสบการณ์ใดๆ มันก็เหมือนกับการสตาร์ทมอเตอร์รถยนต์ แต่เกียร์ยังอยู่ในตำแหน่งว่าง

ลมหายใจ: ทำปากเป็นรูเล็กๆเหมือนที่คุณทำกับการหายใจครั้งที่ 10 เป่าลมออกในลักษณะเดียวกัน และเมื่อคุณทำเช่นนั้น ให้รู้สึกถึงเตตราฮีดรอนทั้งสองชุดที่เริ่มหมุน

การหายใจครั้งที่ 16: หายใจเข้า

จิต: เมื่อคุณหายใจออก เตตราฮีดรอนทั้งสองชุดจะเพิ่มความเร็วจากหนึ่งในสามของความเร็วแสงเป็นสองในสามของความเร็วแสงในพริบตา เมื่อพวกมันเข้าใกล้ความเร็วสองในสามของความเร็วแสง จะเกิดปรากฏการณ์ขึ้น จานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 55 ฟุตจะก่อตัวขึ้นรอบๆร่างกายในระดับฐานของกระดูกสันหลัง และทรงกลมของพลังงานที่มีศูนย์กลางอยู่รอบๆเตตราฮีดรอนทั้งสองชุดจะก่อตัวพร้อมกับจานเพื่อสร้างรูปร่างที่ดูเหมือน จานบิน รอบๆร่างกาย เมทริกซ์พลังงานนี้ถูกเรียกว่า เมอร์คาบา (MER-KA-BA) อย่างไรก็ตาม มันยังไม่เสถียร หากคุณเห็นหรือรู้สึกถึงเมอร์คาบารอบตัวคุณในจุดนี้ คุณจะรู้ว่ามันไม่เสถียร มันจะสั่นคลอนช้าๆ ดังนั้นการหายใจครั้งที่ 17 จึงจำเป็น

ลมหายใจ: เหมือนการหายใจครั้งที่ 16 ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน ในจุดนี้ความเร็วจะเพิ่มขึ้น เมื่อคุณรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้น ให้ปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกด้วยแรง การกระทำนี้จะทำให้ความเร็วที่สูงขึ้นถูกบรรลุอย่างสมบูรณ์และเมอร์คาบาถูกสร้างขึ้น

การหายใจครั้งที่ 17: หายใจเข้า

หัวใจ: จำไว้ว่าต้องรู้สึกถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขต่อสรรพชีวิตตลอดการทำสมาธินี้ทั้งหมด มิฉะนั้นจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ

จิต: เมื่อคุณหายใจเข้า ให้พูดกับตัวเองในใจว่ารหัส เก้าในสิบของความเร็วแสง (NINE TENTHS THE SPEED OF LIGHT) รหัสนี้จะบอกจิตใจของคุณให้เพิ่มความเร็วของเมอร์คาบาเป็นเก้าในสิบของความเร็วแสง ซึ่งจะทำให้สนามพลังงานที่หมุนอยู่เสถียร นอกจากนี้ยังจะทำสิ่งอื่นด้วย จักรวาลมิติที่สามที่เราอาศัยอยู่นี้ถูกปรับให้เข้ากับความเร็ว 9/10 ของความเร็วแสง อิเล็กตรอนทุกตัวในร่างกายของคุณหมุนรอบอะตอมทุกตัวในร่างกายของคุณด้วยความเร็ว 9/10 ของความเร็วแสง นี่คือเหตุผลที่ความเร็วเฉพาะนี้ถูกเลือก

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและแบบโยคะ

การหายใจครั้งที่ 17: หายใจออก

จิต: ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 9/10 ของความเร็วแสงและทำให้เมอร์คาบาเสถียร

ลมหายใจ: เหมือนการหายใจครั้งที่ 15 และ 16 ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน เมื่อคุณรู้สึกถึงความเร็วที่พุ่งขึ้น ให้ปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกด้วยแรง คุณตอนนี้อยู่ในเมอร์คาบาที่เสถียรและถูกปรับให้เข้ากับมิติที่สามแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณ คุณจะเข้าใจว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไรจริงๆ

การหายใจครั้งที่ 18

การหายใจที่พิเศษมากนี้จะไม่มีการสอนที่นี่ คุณต้องได้รับจากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณ เป็นการหายใจที่จะพาคุณทะลุความเร็วแสงเข้าสู่มิติที่สี่ คุณจะหายไปจากโลกนี้และปรากฏขึ้นในอีกโลกหนึ่งซึ่งจะเป็นบ้านใหม่ของคุณชั่วขณะ นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัวของจิตสำนึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งจะพาคุณกลับ บ้าน สู่ พระบิดา ของคุณ


อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น