![]() |
https://www.harmonance.com/resources/understanding-binaural-beats-vs-isochronic-tones-a-comprehensive-guide |
Binaural Beats (ไบนอรอลบีทส์)
Binaural Beats เป็นเทคนิคที่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1839 โดยเล่นเสียงที่มีความถี่แตกต่างกันในหูแต่ละข้าง เช่น 400 Hz ในหูซ้าย และ 410 Hz ในหูขวา สมองจะรับรู้ความแตกต่างของสองความถี่นี้ ซึ่งก็คือ 10 Hz และสร้างคลื่นที่สามขึ้นมาเองในสมอง เสียงนี้ไม่ใช่เสียงจริงที่หูได้ยิน แต่เป็นคลื่นสมองที่สมองสร้างขึ้นมาเอง การทำงานของ Binaural Beats จึงจำเป็นต้องใช้หูฟังเท่านั้นเพื่อแยกเสียงในแต่ละข้าง

Isochronic Tones (ไอโซโครนิกโทน)
เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้จริงในปี 1981 โดยเป็นเสียงโทนเดี่ยวๆที่เปิดปิดอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่เต้นเป็นจังหวะ (pulsing sound) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นสมองให้ปรับจังหวะการทำงานให้ตรงกับความถี่ของเสียงนั้นๆ ซึ่งจะส่งผลให้สภาวะจิตใจเปลี่ยนไป เสียงนี้จะกระตุ้นสมองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Binaural Beats โดยสามารถเปิดได้จากลำโพงทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังเสมอไป นอกจากนี้ Isochronic Tones ยังถูกนำไปใช้ในเทคนิคขั้นสูงได้อีกด้วย เช่น การกระตุ้นสมองแต่ละซีกด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน เป็นต้น
เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้จริงในปี 1981 โดยเป็นเสียงโทนเดี่ยวๆที่เปิดปิดอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่เต้นเป็นจังหวะ (pulsing sound) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นสมองให้ปรับจังหวะการทำงานให้ตรงกับความถี่ของเสียงนั้นๆ ซึ่งจะส่งผลให้สภาวะจิตใจเปลี่ยนไป เสียงนี้จะกระตุ้นสมองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Binaural Beats โดยสามารถเปิดได้จากลำโพงทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังเสมอไป นอกจากนี้ Isochronic Tones ยังถูกนำไปใช้ในเทคนิคขั้นสูงได้อีกด้วย เช่น การกระตุ้นสมองแต่ละซีกด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน เป็นต้น
แนวทางการใช้งาน Isochronic Tones
- เลือกความถี่ที่เหมาะสมกับเป้าหมาย: แต่ละความถี่จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจที่ต่างกัน เช่น:
- ตื่นตัว ความสามารถด้านการแก้ไขปัญหา: ใช้คลื่นแกมม่า Gamma (40-50 Hz)
- การจดจ่อ การขบคิด: ใช้คลื่นเบต้า Beta (12-20 Hz)
- สมาธิ ใคร่ครวญ ความผ่อนคลาย ความคิดสร้างสรรค์: ใช้คลื่น อัลฟ่า Alpha (8-12 Hz)
- ผ่อนคลายล้ำลึก ดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึก จินตนาการ: ใช้คลื่นธีต้า Theta (4-8 Hz)
- การนอนหลับลึก ฟื้นฟูร่างกาย: ใช้คลื่นเดลต้า Delta (0.5-4 Hz)
- เตรียมสภาพแวดล้อมให้พร้อม: ควรหาที่นั่งที่สบายและปราศจากสิ่งรบกวน และไม่ควรใช้ Isochronic Tones ขณะทำกิจกรรมที่ต้องการสมาธิสูง เช่น การขับรถ
- การเลือกอุปกรณ์: แม้จะไม่จำเป็นต้องใช้หูฟัง แต่มีการแนะนำว่าถ้าใช้หูฟังสเตอริโอจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้ไฟล์เสียงที่มีคุณภาพสูงและไม่มีการบีบอัด
- ลองผิดลองถูก: แต่ละคนจะตอบสนองต่อความถี่ต่างกัน ควรทดลองฟังในความถี่ที่หลากหลายเพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด
- ระยะเวลาในการฟัง: เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรฟังอย่างน้อย 10-25 นาทีต่อเซสชัน เนื่องจากสมองต้องใช้เวลาประมาณ 7 นาทีในการปรับจังหวะให้เข้ากับเสียง
- มีสมาธิกับเป้าหมาย: ในขณะที่ฟัง ให้จดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การอ่านหนังสือ หรือการทำสมาธิ เพื่อช่วยให้คลื่นสมองปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้ง Binaural Beats และ Isochronic Tones ก็ช่วยชักนำทำให้สมองเข้าสู่ความถี่เฉพาะสำหรับการทำงานของสมองได้เหมือนกัน แต่ Isochronic Tones จะมีข้อดีที่ชัดเจนอยู่อย่างหนึ่งก็คือเปิดผ่านลำโพงได้ ไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังก็สามารถชักนำสมองเข้าสู่ความถี่ที่ต้องการได้ จึงสะดวกที่จะเปิดได้ทั้งหูฟังและลำโพง จึงนับว่าสะดวกมากมากสำหรับคนที่ไม่มีหูฟัง
ลองนำไปค้นหาและเปิดฟังกันดูนะครับ ใน Youtube มีมากมายด้วยคำค้นว่า Isochronic Tones + ชื่อความคลื่นถี่ เช่น isochronic tones beta เป็นต้น บางเพลงก็ผสมผสานความถี่บำบัดเข้าไปด้วยก็มี หรือจะเลือกฟังจากรายการหลักๆที่เราคัดสรรมาไว้ข้างล่างนี้เลยก็ได้ครับ รวบรวมมาครบทุกย่านแล้ว เลือกใช้ได้ตามต้องการเลยครับ
แถม
💡 เคล็ดลับการเลือกใช้ Isochronic Tones- ทำงาน หรืออ่านหนังสือ (สมาธิจดจ่อ): ควรเลือกใช้คลื่น แกมม่า (Gamma) (40-50 Hz) หรือ เบต้า (Beta Wave) ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วง 12-30 Hz เป็นหลัก คลื่นนี้ช่วยเพิ่มความตื่นตัว ความจดจ่อ และสมาธิ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิด การแก้ปัญหา หรือการเรียนรู้
- งีบกลางวัน หรือผ่อนคลาย (ชาร์จพลังงานช่วงสั้น): ลองใช้คลื่น ธีต้า (Theta Wave) ที่ความถี่ 4-8 Hz คลื่นนี้ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และเข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งเหมาะสำหรับการงีบหลับสั้นๆ (power nap) ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมองโดยไม่ทำให้รู้สึกงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา
- นั่งสมาธิ หรือทำสมาธิแบบลึก: คลื่น ธีต้า (Theta Wave) และ อัลฟ่า (Alpha Wave) (8-12 Hz) เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม คลื่นอัลฟ่าช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการทำสมาธิ ส่วนคลื่นทีต้าช่วยให้เข้าถึงสมาธิระดับลึกได้ง่ายขึ้น
- พักผ่อน หรือทำกิจกรรมสบายๆ: คลื่น อัลฟ่า (Alpha Wave) ที่ความถี่ 8-12 Hz เหมาะสำหรับช่วงเวลาพักผ่อนสบายๆ เช่น การพักสมองจากการทำงานหนัก การทำกิจกรรมที่ต้องการความผ่อนคลาย หรือการทำสมาธิแบบตื้นๆ
- นอนหลับลึก: ควรใช้คลื่น เดลต้า (Delta Wave) ที่ความถี่ต่ำสุดคือ 0.5-4 Hz ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึกที่สุดและช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมเซลล์
การใช้ Isochronic Tones จึงเป็นการ ปรับสมดุลระหว่างหยินและหยาง ในสมองเพื่อให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการนั่นเองครับ
ชุดรวม Pure Isochronic Tones เป็นแบบความถี่เปล่าๆดิบๆที่ไม่มีเสียงดนตรีประกอบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแบบสงบๆไม่เอาเพลงประกอบ หรือสำหรับเอาไว้เปิดเป็นฉากหลังประกอบกับเพลงที่ชอบเองได้ ไม่ต้องเปิดให้ดังจนเกินไป เพียงแค่เปิดเบาที่สุดเท่าที่จะได้ยินจังหวะ หรือค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นในระดับที่รู้สึกสบายๆก็พอ สำคัญคือเปิดในระดับที่ฟังสบายๆ เพราะหาเปิดดังเกินไปจะเกิดความเครียดและอันตรายต่อหูแทนซึ่งไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น