Sponsor

05 มีนาคม 2552

สูงสุดสู่ตกต่ำของมวยตระกูลหย่งชุน


ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1950 มวยจีนเป็นที่นิยมของคนหนุ่มและคนทำงานมาก มวยในยุคนั้นมี มวยตระกูลหง มวยกระเรียนขาว มวยมังกร มวยไฉเลฝัด แต่มวยหย่งชุนกลับไม่เคยมีใครเคยได้ยิน ในขณะนั้นหนุ่มน้อยจากฟอซานชื่อว่ายิปมันได้อพยพมายังฮ่องกง ยิปมันฝึกมวยหย่งชุนจากฮ่องกงและต่อมาเรียนรู้เพิ่มเติมจากเหลี่ยงปิ๊ก ลูกชายปรมาจารย์เหลียงจ้าน หลังจากมาถึงฮ่องกงเขาก็เริ่มสอนมวยที่สมาคมภัตตาคาร หลังจากนั้นเขาก็เปิดสำนักมวยเล็กๆที่บ้านเขาแถบธุรกิจร้านอาหารด้วย เนื้อที่เพียงสิบถึงสิบห้าตารางเมตร กับเวลาผ่านไปเขาได้สอนศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคน และมวยหย่งชุนก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฮ่องกง ตอนนั้นมวยต่างสำนักก็เริ่มท้าประลองกัน ทั้งในที่สาธารณะและลับๆ ศิษย์ของอาจารย์ ยิปมันที่มีชื่อเสียงในการประลองและชนะบ่อยๆคือ หลกหยิ่ว หว่องซั่มเหลี่ยง เนื่องจากบริษัทรถโดยสารเกาลูนอยู่เพียงไม่กี่ก้าวจากโรงเรียนของยิปมัน พนักงานขับรถบัสหลังเลิกงานก็มาร่วมฝึกกับพนักงานของภัตตาคารในละแวกนั้น จากนั้นนักเรียนจากโรงเรียนใกล้ เช่น เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ เช่น บรู๊ซลี และฮอกกิ่นเชียง ก็เริ่มมาฝึกด้วย เศรษฐกิจแย่มากในขณะนั้น ผู้ลี้ภัยจากจีนเข้ามายังฮ่องกงเป็นร้อยๆต่อวันและงานก็หายากมาก ค่าแรงต่ำและชั่วโมงงานยาวต่อวัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ศิษย์หาเวลามาฝึกได้น้อย ศิษย์ช่วงต้นๆของยิปมันจึงเริ่มหารายได้โดยการเปิดโรงเรียนสอน เช่น เหลี่ยงเซียง หลกหยิ่ว หว่องซั่มเหลี่ยง ส่วน ซุ่ยเซียงถิ้น เปิดสอนเป็นการส่วนตัว


ปี 1957 ศิษย์รุ่นแรกๆของยิปมัน วิลเลี่ยม เชียง อพยพไปออสเตรเลีย ระหว่างเดินทางเกิดเรื่องขึ้นโดยเขาถูกล๊อคอยู่ในห้อง กลาสีและต่อสู้กับกลาสีมากว่าสิบคน เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในออสเตรเลียและหย่งชุนจึงเป็น ที่รู้จักในประเทศนั้น แต่บัดนั้น ประมาณหนึ่งปีต่อมาบรู๊ซลีได้ย้ายไปอยู่อเมริกา ที่นั้นคนอเมริกาได้เป็นความสามารถของเขาในการป้องกันตัวเริ่มจากการเป็น ตัวรองในเรื่องหน้ากากแตน Green Hornet เขาจึงเริ่มสอนมวยหย่งชุนให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียง และดาราในแคลิฟอร์เนีย หลังจากนั้นเขา กลับไปฮ่องกงและได้แสดงในหนังที่ได้รับความนิยมทั่วโลก คนทั้งโลกเริ่มรู้จักมวยจีนและโดยเฉพาะมวยหย่งชุน หลังจากที่บรู๊ซเสีย ชีวิตไป ศิษย์ของเหลียงเซียงหรือเหลียงถิงสอนศิษย์ที่ชื่อว่า เกนเบิรต์ในเยอรมันนีทำให้หย่งชุนเริ่มเผยแพร่ในประเทศนั้น วิตเตอร์ กานหรือ ก๋านหว่าจิต ศิษย์อีกคนของ ยิปมันนำหย่งชุนไปสอนที่อังกฤษ ส่วน ลอหมันกั๋ม หลานอาจารย์ยิปมันนำเอาหย่งชุนไปสอนที่สวิสและ ไต้หวันประเทศของเขา หย่งชุนจึงเริ่มเป็นมวยที่แพร่หลายที่สุด มวยหนึ่งในโลกนี้ ในขณะที่มวยนี้ถูกแพร่ขยายออกไป อาจารย์ยิปมันก็ได้เสียชีวิตลง

ก่อนยิปมันเสียชีวิตในปี 1972 เขาได้หยุดการสอนแต่เป็นการชี้แนะแทนเขามีชีวิตที่ลำบากในปีแรกๆที่เขาอพยพมาฮ่องกง แต่ในปีท้ายๆของชีวิตศิษย์มีสตางค์ เช่น ดังซิงและฉานจีชู สายสืบแห่งตำรวจหลวงฮ่องกงได้หยุงสถานะทางการเงินของอาจารย์ยิปมันไว้ ยิปมันคือปรมาจารย์แห่งมวยหย่งชุนและบั้นปลายของชีวิตมี ความสุขพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้มอบหมายตำแหน่งผู้สืบทอดมวยหย่งชุนกับใครเลย อาจเป็นเพราะเขาไม่พบคนที่เขาคิดว่าเหมาะสม หรือว่านี่ไม่เป็นสิ่งที่เขายี่หระเลยก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามยิปมันคือปรมาจารย์ ของมวยหย่งชุน หลังเขาเสียชิวิตลงไม่นานศิษย์หย่งชุนเริ่มรู้ว่าเสาหลักของหย่งชุนได้ศูนย์ สิ้นไปแล้ว

ปัจจุบัน หย่งชุนเป็นสังคมที่ใหญ่มากมีโรงฝึกทั่วโลก ไม่ว่าสมาคมหรือองค์กรใดๆต้องการผู้นำที่จะรวมศูนย์ทุกคนอยู่ร่วมและร่วมงานด้วยกัน ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ ศิษย์ของยิปมันน่าจะเป็นผู้นำของมวยนี้กลับไม่สามารถทำได้หรือไม่อยากทำ

ยี่สิบเจ็ดปีหลังยิปมันลาโลกไป ผู้ฝึกมวยหย่งชุนเริ่มห่างจากกันไปทุกที โดยที่ไม่มีผู้นำนั่นเอง หลายคนเริ่มสอนวิธีของตนเอง บางคนติคนอื่นที่สอนไม่เหมือนตนเอง หลายคนเริ่มสร้างทฤษฎีที่ยิปมันไม่เคยสอน หลานคนก็อ้างว่าเขาสอนมวยหย่งชุนต้นตำหรับและของแท้ เขาอ้างว่าคนที่สอนมวยหย่งชุนขนานแท้ต้องผ่านการทดสอบของเขาเท่านั้น การอ้างที่กล่าวมาได้ทำลายความเชื่อมั่นที่ดีๆและแบ่งแยก ผู้ฝึกมวยหย่งชุนจากกัน หย่งชุนคือมวยแขนงหนึ่งที่เราพูดถึงเป็นศาสตร์แห่งการต่อสู้ ผู้ฝึกต้อง เรียนและฝึกฝนเป็นเวลานาน เขาต้องใช้มัน ในการต่อสู้และป้องกันตัวเพื่อได้ประสพการณ์ที่แท้จริง นี่เป็นเรื่องที่จริงจังซึ่งอาจหมายถึงความเป็นหรือตายในบางสถานการณ์ มันไม่ใช่สิ่ง ที่คุณจ่ายเงินและผมทำก๊อปปี้ให้ มันไม่ง่ายอย่างนั้น ใครก็ตามที่เรียน ฝึก และใช้มวยหย่งชุนเป็นเวลานานคงเข้าใจถึงความจริงของมวยนี้ บ้าง เห็นไปได้อย่างไร ที่ใครก็ตามจะดูถูกประสพการณ์ของคนอื่นและเรียกตนเองว่าเป็นเจ้าของมวยหย่งชุนที่แท้คนเดียวและชักนำให้คนอื่นมีความคิดอ่านเช่นตน

ฐานรากของ หย่งชุนอยู่ในมวยเส้นที่ยิปมันได้ ทิ้งไว้ให้เรา แต่หลักและทฤษฎีท่านสอนโดยคำพูด หลายคนอาจแปลความ หมายได้ต่างๆนาๆ ผมแน่ใจว่า อาจารย์ยิปมันคงดีใจมากที่ทราบว่าเราได้นำสิ่งที่ท่านสอนมาใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเรามีผู้นำที่ดีที่สามารถรวมพวกเราเข้าด้วยกันได้ เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนประสพการณ์ ความคิดและยอมรับซึ่งกันและกัน ด้วยความคิดที่เปิดกว้าง หย่งชุนจะพัฒนา มากกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่มีการรวมตัว และการสนับสนุนจากสมาชิกในสังคมหย่งชุนแล้ว สักวันมวยหย่งชุนคงจะถูกลืมเลือนไปในกาลเวลา หลักและทฤษฎีที่อาจารย์ยิปมันได้สอนไว้ก็คงหายไปจนไม่มีใครรู้จักมวยหย่งชุนอีกต่อไป วันหนึ่งหย่งชุนคงจะเหลือแค่ชื่อในประวัติศาสตร์ของศิลปะการต่อสู้


โดย อาจารย์ดันเกิ้น เลียง
http://www.geocities.com/yuttha015/home.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น