Sponsor

04 สิงหาคม 2559

ประวัติของ มิยาโมโต้ มูซาชิ (ฉบับย่อ)

ภาพเหมือนของ มูซาชิ ซึ่งวาดโดย มูซาชิ เอง
จุดเริ่มต้นคงต้องย้อนกลับไปถึงผู้ที่ทำให้ชื่อเสียงของมูซาชิเริ่มกลายเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นยุคสมัยใหม่ นั่นคือ โยชิคาวะ เอญิ นักเขียนนวนิยายชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ได้สร้างชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เขาได้ศึกษาข้อมูลและชีวประวัติรวมถึงตำนานของมูซาชิอย่างละเอียด จากนั้นจึงได้นำเรื่องราวของมูซาชิมาเรียบเรียงแล้วเขียนเป็นนิยายขึ้นมา ผลงานของเขากลายเป็นที่โด่งดังมาก (สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้รับการเรียบเรียงเป็นภาษาไทยครั้งแรกโดย สุวินัย ภรณวลัย ใช้ชื่อว่า มูซาชิ ฉบับท่าพระจันทร์)

ในนิยายเรื่องมูซาชิของเอญินั้น เริ่มจับความหลักตั้งแต่เรื่องราวของมูซาชิในวัยหนุ่ม ซึ่งเขาได้กระโจนเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งเซกิงาฮาระ ซึ่งเป็นยุทธการศึกระหว่างกองทัพบูรพาและกองทัพประจิม ศึกนี้ได้ชื่อว่าเป็นสงครามภายในประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เพราะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของยุคสมัย ที่ทำให้แผ่นดินซึ่งแตกแยกวุ่นวายมายาวนานนับร้อยปีสิ้นสุดลง
มูซาชิได้เข้าร่วมเป็นทหารในกองทัพประจิม ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ในศึกนี้ เขาจึงกลายเป็นทหารพ่ายศึกไปโดยปริยาย ต้องหนีตายกลับบ้านเกิด หลังจากนั้นเขาจึงหันเหเส้นทางที่คิดจะสร้างชื่อเสียงในสงคราม แล้วกลายเป็นมุ่งมั่นสู่เส้นทางของนักดาบแทน
ในช่วงที่มูซาชิยังเป็นวัยรุ่นนั้น เขาเป็นคนหนุ่มที่มีบุคลิกนิสัยใจร้อนวู่วาม ห้าวหาญไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ เนื่องจากเขาถือว่าตนเคยฝึกฝนวิชาดาบจากบิดามาตั้งแต่เด็ก จึงมีความร้อนรนและเชื่อมั่นในวิชาดาบของตนเองอย่างมาก อยากจะแสดงฝีมือและประกาศศักดาด้วยการประลองดาบเพื่อเอาชนะคนอื่นๆ โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ประเมินความสามารถที่แท้จริงของตนเองในเวลานั้นเลย มูซาชิในวัยหนุ่มจึงโดนพระชื่อดังนามว่า ทากุอัน ซึ่งเป็นพระนักรบที่มีวิทยายุทธ์ชั้นเลิศได้เข้า มาสั่งสอนด้วยการกำราบมูซาชิให้หลาบจำ จากเหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้มูซาชิเริ่มรู้สึกตัวว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เขาจึงเริ่มสำรวมจิตใจของตนเองมากขึ้น
หลังจากนั้นมา มูซาชิก็ได้ตัดสินใจสละชีวิตส่วนตัว ยอมทอดทิ้งหญิงคนรักของตนนามว่า โอซึอุ แล้วออกเดินทางเร่ร่อนพเนจรไปทั่วแผ่นดิน ได้พบเจอเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ได้ประลองดาบกับยอดฝีมือจำนวนมากในแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหอก เคียว โซ่ กระบอง หรือกระทั่งโดนกลุ้มรุมจากคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า แล้วยังได้มีโอกาสรับคำชี้แนะจากยอดฝีมืออันดับต้นๆในยุคนั้น ส่วนในช่วงที่พักจากประประลองฝีมือเดิมพันชีวิต เขาก็ได้หันเหตัวเองเข้าสู่โลกของศิลปะและพุทธศาสนา การปฏิบัติตนตามหลักเซน ไปจนถึงการบุกเบิกที่ดินทำนาร่วมกับชาวบ้าน ชีวิตของมูซาชิเดินทางเสาะแสวงหาการบรรลุสู่ความเป็นสุดยอดฝีมือตั้งแต่อายุ 15 ปี จนถึง อายุ 29 ปี ได้ท้าประลองกับยอดฝีมือไปทั่วโดยไม่เคยปราชัยแม้สักครั้ง
แล้วในที่สุด มูซาชิก็ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังถึงขีดสุดด้วยการประลองเอาชนะยอดนักดาบนามว่า ซาซากิ โคจิโร่ ที่เกาะฟุเนชิม่า
ภาพวาดที่โด่งดังที่สุดโดยฝีมือของมูซาชิ
ในที่สุด มูซาชิก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะจอมดาบผู้เก่งกล้าที่สุดในแผ่นดิน ซึ่งนิยายของ โยชิคาวะ เอญิ ได้จบเรื่องราวลงที่ตรงนี้ ว่าหลังจากนั้นมูซาชิก็คิดจะเดินทางกลับไปอยู่ร่วมกับโอซึอุ หญิงคนรักอีกครั้ง

แต่ในประวัติศาสตร์นั้น มูซาชิเป็นมากกว่าแค่ยอดนักดาบ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่บรรลุมรรคาบู๊ สามารถเข้าถึงแก่นแห่งวิชาดาบและหลักกลยุทธ์ แนวคิดเพื่อการพิชิตชัย ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำให้มูซาชิไร้พ่าย ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมาเขายังได้ถ่ายทอดแนวคิดของตน ด้วยการใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต เดินทางไปเก็บตัวที่ถ้ำเรงันโด เพื่อขัดเกลาเอาประสบการณ์ในการสู้รบทั้งชีวิต กลยุทธ์ แนวคิดทั้งหลาย เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นสุดยอดคัมภีร์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน คัมภีร์กลยุทธ์เพื่อการพิชิตเป้าหมายที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดของ ญี่ปุ่นและของโลก คัมภีร์นี้มีชื่อว่า โกะริงโนะโชะ หรือแปลไทยได้ว่า คัมภีร์ห้าห่วง

แทบทุกสาขาอาชีพในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวงการบริหารธุรกิจนั้น ให้ความสำคัญต่อคัมภีร์ห้าห่วงเทียบเท่ากับตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ และให้ความสำคัญเหนือกว่าตำราการบริหารจากโลกตะวันตกเป็นจำนวนมากทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ประเทศญี่ปุ่นได้ตกอยู่ในสภาพพังพินาศจากฐานผู้แพ้สงคราม คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ในยุคนั้นมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะฟื้นฟูและพัฒนา บ้านเมืองให้กลับคืนมาใหม่ และหมายจะสร้างญี่ปุ่นให้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับ ชาติมหาอำนาจตะวันตกให้ได้ ส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการมุ่งศึกษาวิทยาการของมหาอำนาจตะวันตก เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดให้ชาติตนเองแล้ว ก็ยังหวนกลับไปมุ่งศึกษาภูมิปัญญาดั้งเดิมของตนอีกครั้ง ซึ่งคัมภีร์ห้าห่วงของมูซาชิ คือหนึ่งในตำราชุดที่ได้รับการศึกษาค้นคว้า แล้วนำมาประยุกต์ใช้งานจริงจนประสบความสำเร็จ กระทั่งได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดจากบรรดานักธุรกิจ ผู้บริหาร และผู้ประกอบอาชีพในแทบทุกสาขาต่างๆของญี่ปุ่น
ดังนั้นในสายตาของคน ญี่ปุ่นแล้ว คัมภีร์ห้าห่วงของมูซาชิจึงมีความยิ่งใหญ่และมีความสำคัญต่อวิถีแห่งความสำเร็จใน ชีวิตเทียบเท่ากับสุดยอดคัมภีร์ของโลกอย่างตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ (Art of War) และ พงศาวดารสามก๊ก (The Romance of Three Kingdoms) เลยทีเดียว

บทความโดยคุณ อินทรีสามก๊ก
http://pantip.com/topic/34915158

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น