Sponsor

10 มกราคม 2566

ทฤษฎีดนตรีคืออะไร?

Circle of fifths
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:CircleOfKeys.svg

โดยเบื้องต้นแล้วทฤษฎีดนตรีไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวิธีเล่นดนตรีนะครับ วิธีเล่นดนตรีก็ต้องฝึกเอาที่เครื่องดนตรี ไม่รู้ทฤษฎีดนตรีก็เล่นดนตรีได้ ไม่รู้โน้ตสากลก็เล่นดนตรีได้ อ่านหนังสือไม่ออกก็ร้องเพลงได้ ถูกต้องครับ ก็เพราะมันไม่เกี่ยวกับการเล่น มันเกี่ยวกับการอธิบายทางดนตรีครับ หมายความว่า ไม่ว่าจะเล่นดนตรีออกมายังไหน ใช้โน้ตอะไร พิศดารแค่ไหน ก็ไม่มีผิดในทางทฤษฎีดนตรีครับ เพราะทฤษฎีดนตรีเอาไว้ใช้ในการตั้งชื่อเพื่อเรียกสิ่งที่เล่นออกมา เช่น เล่นโน้ตพวกนี้เรียกว่า Major, Major7, Minor, ฯลฯ ไม่ว่าจะเล่นมั่วโน้ตยังไง ก็ไม่มีผิดครับ มันเอามาตั้งชื่อได้หมดในทางทฤษฎีดนตรี เป็นมาตราฐาน เพื่อสื่อสารได้ตรงกัน เท่านั้นเองครับ
นักดนตรีที่ต้องร่วมเล่นกับคนหลายคน หรือต้องคุมวงหลายคน พวกเขาจำเป็นต้องรู้ทฤษฎีดนตรี ไม่ใช่เพื่อให้เล่นได้เก่ง จะเล่นเก่งไม่เก่งอยู่ที่ฝีมือ แต่เพื่อให้สื่อสารได้ตรงกันครับ อันนี้สำคัญเลย เพราะทฤษฎีดนตรีมีไว้สื่อสารครับ เพื่อบอกชื่อให้ทุกคนเล่นตรงกันได้ เท่านั้นแหละครับ(ย้ำอีกที อันนี้คือโดยเบื้องต้นนะครับ โดยลึกๆยังมีอะไรอีกมาก)

ถ้าบอกว่า ทฤษฎีดนตรีปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ หรืออะไรอย่างนี้ อย่างที่เคยได้ยินกันมาบ้าง คือผิดประเด็นเลยครับ เป็นมายาคติ คนที่พูดน่าจะไม่เคยศึกษาทฤษฎีดนตรีจริงๆ เพราะถ้าเคยศึกษาจะรู้ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับความคิดสร้างสรรค์ หรืออารมณ์ หรือฝีมือ หรือ ฯลฯ หรืออะไรในการเล่นเลยครับ มันเกี่ยวกับการสื่อสารล้วนๆ เหมือนทฤษฎีทางศิลปะในการวาดรูป ที่สื่อสารให้ตรงกันว่าสีแบบไหนเรียกว่า แดง เหลือง น้ำเงิน ฯลฯ รวมไปถึง RGB code สำหรับวาดภาพสีในคอมฯด้วย มันก็ไม่ได้ไปปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ในการวาดรูปอะไรตรงไหน แค่ไว้สื่อสารกันเท่านั้นเองว่าต้องการโทนอะไร ดนตรีก็เหมือนกันครับ
บางทีถ้าตั้งชื่อ "ทฤษฎีดนตรีเบื้องต้น" ใหม่เป็น "หลักการตั้งชื่อทางดนตรี" ก็อาจจะตรงตัวกว่า แต่ในเชิงลึกแล้ว ทฤษฎีดนตรีก็มีส่วนช่วยเสริมความเข้าใจในเรื่องอื่นๆได้ด้วยเหมือนกัน สำรับคนที่ต้องการศึกษาดนตรีในเชิงลึกไปจนถึงเชิงเทคนิคก็จำเป็นครับ เพราะเครื่องดนตรีย่อมถูกช่างสร้างมาอย่างถูกต้องตามหลักทฤษฎีดนตรี จึงทำให้เล่นได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะใครเล่นยังไงก็ออกมาถูกต้อง
ทฤษฎีดนตรีบางมุมก็เหมือนวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่สามารถทำให้ทุกคนเล่นกีฬาได้เต็มศักยภาพ สามารถทำให้คนทั่วไปที่มีใจรัก ทำได้ดีที่สุดจนก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แน่นอน เขาอาจจะแพ้คนมีพรสวรรค์ที่ไม่เคยใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเลย แต่วิทยาศาสตร์การกีฬาก็ปั้นคนเก่งๆขึ้นมาได้โดยไม่ต้องรอคนที่มีพรสวรรค์ที่ร้อยปีจะมีสักคนที่เกิดมาเพื่อเป็นแชมป์ นั่นเป็นกรณีพิเศษ และทฤษฎีดนตรีเองก็ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจดนตรีได้ในแบบเดียวกันครับ
ทฤษฎีดนตรีทำให้ทุกคน ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์หรือไม่มีพรสวรรค์ทางดนตรี ก็สามารถเล่นดนตรีได้เท่าเทียมกันในแบบของตนเอง

สรุป
โดยเบื้องต้น ถ้าต้องสื่อสารกับนักดนตรีคนอื่นๆ ทฤษฎีดนตรีจำเป็น แต่ถ้าไม่ต้องสื่อสารกับใครเลย หรือมีวิธีสื่อสารที่เข้าใจกันเองในวงอยู่แล้ว ทฤษฎีดนตรีก็ไม่จำเป็น(อาจเรียกว่าทฤษฎีดนตรีประจำวงก็ได้ ซึ่งเป็นทฤษฎีดนตรีแบบหนึ่งที่ตั้งขึ้นเอง และใช้ในการสื่อสารเช่นกัน เห็นมั้ย มันไม่เกี่ยวอะไรกับฝีมือการเล่นเลย ใช้สื่อสารล้วนๆ)

ดนตรีก็คือดนตรี ไม่ว่าจะสื่อสารแบบไหนหรืออธิบายแบบไหน ต่างคนต่างก็หาวิธีที่เหมาะสมได้ทั้งสิ้น และเราทุกคนก็มีความสุขกับดนตรีได้ในแบบเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเลย
ท้ายที่สุดแล้ว ก็มีเพียงเสียงดนตรี ที่บรรเลงร่วมกัน

Circles of color

If you learn music, you'll learn most all there is to know. - Edgar Cayce

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น