Sponsor

05 มกราคม 2566

A432 vs A440 เทียบเสียงแบบไหนดีที่สุด?


เคยสงสัยมั้ยครับว่า ทำไมโน้ตดนตรีแต่ละโน้ตถึงมีเสียงที่ตรงกันในทุกๆเครื่องดนตรีจนสามารถนำมาเล่นประสานเสียงร่วมกันได้? มันเกิดจากการตั้งเสียงที่มาตรฐานเดียวกับนั่นเองครับ ด้วยการกำหนดโน้ตสักตัวนึงเป็นหลักให้ความถี่ตรงกันก่อน แล้วจึงตั้งเสียงโน้ตที่เหลือต่อไปโดยเทียบกับโน้ตหลักตัวนั้น
สมัยก่อนนั้นการตั้งเสียงไม่มีความถี่หลักที่แน่นอน(เพราะยังไม่มีความรู้เรื่องความถี่) แต่ละท้องถิ่น แต่ละวงดนตรีก็เทียบเสียงกันเองในวง โน้ตก็ตรงกันในวงตัวเอง แต่ไม่สามารถเล่นร่วมกับวงจากที่อื่นได้ ภายหลังเมื่อโลกมีความเข้าใจเรื่องความถี่เกิดขึ้น เราจึงได้รู้ว่า ในยุคนั้นมีการตั้งเสียงกันอยู่ระหว่าง A400 - A480 ซึ่งตัวเลขหมายถึงความถี่ Hz และตัว A คือ A4 ที่อยู่สูงกว่า C กลาง คือใช้โน้ต A หรือ ลา เป็นโน้ตหลักในการเทียบเสียงนั่นเอง
ทีนี้ก็ยังมีปัญหาในการเล่นร่วมกันอยู่ดีเพราะใช้ความถี่ต่างกันในการตั้งเสียงต่างกัน จึงมีการกำหนดความถี่มาตรฐานขึ้นมาในปี 1975 โดย ISO 16 กำหนดไว้ที่ A440 ก็คือ โน้ต A4 ที่ความถี่ 440 Hz ตั้งแต่นั้นมาการผลิตเครื่องดนตรีก็ออกแบบมาสำหรับ A440 เป็นมาตรฐาน ทำให้ทั่วโลกสามารถเล่นดนตรีร่วมกันได้ ไม่ว่าจะซื้อเครื่องดนตรีมาจากที่ไหนก็ตาม
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เสนอ A432 โดยบอกว่ามันให้เสียงที่นุ่มลึกกว่า ผ่อนคลายกว่า แต่ไม่ได้ถูกกำหนดเป็นมาตราฐาน และยังคงเสนอเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันคำกล่าวอ้างก็กลายเป็นว่า A432 นั้นเป็นความถี่ธรรมชาติที่ดีต่อร่างกาย ช่วยให้สุขภาพดี ช่วยเยียวยาจิตวิญญาณได้ ฯลฯ เพราะมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ดังนั้นความถี่ธรรมชาติจึงดีกว่า จนกลายเป็นดราม่าทฤษฎีสมคบคิดตบตีกันระหว่าง A432 กับ A440 กันในปัจจุบันนี้แหละครับ

ซึ่งไม่ว่าจะตั้งเสียง A4 ไว้ที่ว่าถี่ไหน เมื่อบรรเลงดนตรีเราก็ต้องเปลี่ยนโน้ตไปมาอยู่แล้ว ตัวความถี่ต่างๆนั้นก็เปลี่ยนเป็นความถี่อื่นอยู่ดี ที่บอกว่า 432 Hz ช่วยเรื่องต่างๆ ก็ไม่อาจส่งผลได้ถ้าเล่นในคีย์ที่เปลี่ยนไป แต่การตั้งเสียงที่ A432 ซึ่งเป็นความถี่ที่ต่ำกว่า A440 ทำให้เสียงมีความทุ้มกว่าและผ่อนคลายกว่า ก็เป็นไปตามลักษณะของเสียงต่ำอยู่แล้วครับ หากต้องการแบบนี้ แม้จะตั้งเสียง A440 ก็เปลี่ยนคีย์ให้ต่ำลงก็จะได้ผลที่ผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกันครับ มันเป็นเรื่องเชิงสัมพัทธ์ ทดเสียงกันไปมาไม่รู้จบ ส่วนตัวผมจึงมองว่า การกำหนดความถี่หลักของ A4 ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับสุขภาพหรือเรื่องจากจิตวิญญาณแต่อย่างใด เพราะแต่เดิมก่อนจะมีมาตราฐานก็กำหนดกันตามความชอบของแต่ละคณะอยู่แล้ว

แต่ว่าหากจะเล่นเรื่องจิตวิญญาณและสุขภาพจากเสียงดนตรีกันจริงๆแล้วล่ะก็ ผมเห็นว่ามีอยู่อย่างหนึ่งที่เข้าเค้ามากกว่าแต่ไม่มีใครพูดถึงในแนวทางนี้ ก็คือ ระบบการตั้งเสียงแบบ Just Intonation และ Equal Temperament

Just Intonation เป็นระบบการตั้งเสียงแบบที่เน้นความกลมกลืนของความถี่ธรรมชาติในคีย์นั้นๆ ถ้าตั้งเสียงในคีย์ C โน้ตที่เหลือทั้งหมดจะหาความถี่ธรรมชาติที่กลมกลืนกันที่สุดในการประสานเสียงของคีย์ C อย่างสมบูรณ์ ฟังแล้วกลมกล่อม นุ่มนวล เข้ากันเป็นอย่างดี แต่ถ้าจะเปลี่ยนคีย์ก็ต้องตั้งเสียงใหม่ทั้งหมดทุกโน้ต เป็นการตั้งเสียงแบบโบราณแบบคีย์ต่อคีย์ ความไม่สะดวกนี้ทำให้เกิดระบบการตั้งเสียงอีกแบบคือ
Equal Temperament เป็นระบบการตั้งเสียงจากความถี่ที่กำหนดไว้ตายตัว โดยการแบ่งความถี่ออกเป็นสัดส่วนเท่าๆกัน ซึ่งยอมให้มีความคลาดเคลื่อนในความเข้ากันได้ของความถี่ เพื่อแลกกับการเปลี่ยนคีย์ได้ทุกคีย์โดยไม่ต้องตั้งเสียงใหม่ แม้ว่าการประสานเสียงจะมีความแปร่งเล็กน้อย (ถ้าเล่นคอร์ดลากเสียงยาวๆจะมีเสียง แง่งๆๆๆ ลอยๆให้ได้ยิน) ซึ่งปัจจุบันนี้นิยมใช้ระบบนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะเปียโน หรือเครื่องดนตรีที่เล่นโน้ต Chromatic #,b ได้


ความเข้ากันได้ของความถี่นี่แหละครับที่ดูเข้าเค้ากว่า ไม่ว่าจะกำหนด A432 หรือ A440 ระบบการตั้งเสียงจึงส่งผลมากกว่า ซึ่งหากจะมองเรื่องสุขภาพและจิตวิญญานจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าการตั้งเสียงด้วย Just Intonation ให้เสียงที่กลมกลืนอย่างสมบูรณ์ในความถี่ธรรมชาติจริงๆ เพราะกำหนดโดยธรรมชาติของความถี่นั้นๆจากความเป็นจริง ไม่ใช่จากการแบ่งความถี่ที่กำหนดขึ้นมาเองแบบ Equal Temperament ซึ่งมีความแปร่งขัดแย้งกับธรรมชาติ และมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หากใช้ระบบความถี่แบบธรรมชาติก็ย่อมดีต่อสุขภาพและจิตวิญญาณของมนุษย์ด้วยเช่นกัน อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ อันนี้คือผมพยายามอธิบายในแนวทางเดียวกับที่ชาว A432 ใช้ครับ ดังนั้น ถ้าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและจิตวิญญาณ มันก็ต้องเป็นเรื่องระบบการตั้งเสียงนี่แหละครับ เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เชิงสัมพัทธ์ของเสียงต่ำหรือสูง
แต่ก็อย่างที่เห็นครับว่า แต่ละระบบก็มีข้อดีข้อเสียในแบบของมัน แต่เดิมดนตรีเคยใช้แบบ Just Intonation แต่ภายหลังเปลี่ยนมาเป็น Equal Temperament เนื่องจากความสะดวกในการเปลี่ยนคีย์ แม้จะสูญเสียความเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ของเสียงตามธรรมชาติไปก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักดนตรีทุกคนเข้าใจตรงกันตามนี้ และก็มีการถกเถียงอยู่เหมือนกันว่าควรใช้แบบไหนดี(แต่ยังไม่มีการถกเถียงในเชิงสุขภาพและจิตวิญญาณ)

แม้ว่าจะมีมาตราฐานที่ A440 แต่วงดนตรีต่างๆก็ใช่ว่าจะใช้ความถี่นี้ตั้งเสียงกันทั้งหมดนะครับ ปัจจุบันนี้วงออเคสตร้าจะตั้งเสียงอยู่ระหว่าง A440 - A444 โดย วงออเคสรตร้า 99% ทั่วโลกนิยมตั้งเสียงที่ A442 ส่วนเยอรมันที่ A443 อเมริกาที่ A440 และเท่าที่เห็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงตายตัว เช่น Vibraphone (ระนาดเหล็กฝรั่ง), Electric piano, Flute, หรือแม้แต่ Harmonica ที่ผลิตในปัจจุบันก็ตั้งเสียงไว้ที่ A442 ดูเหมือนว่า A442 จะเป็นมาตราฐานปัจจุบันแล้วล่ะครับ
กลายเป็นว่า A432 กับ A440 รบกัน A442 ชนะเฉย(ฮา)

จะเห็นว่า สุดท้ายก็ไม่มีอะไรตายตัว แล้วแต่ว่าจะนัดแนะกันในวงว่าจะเทียบเสียงแบบไหนครับ สำหรับเครื่องดนตรีที่ตั้งเสียงเองได้ เช่น Guitar ก็สามารถลองใช้ A432 ดูได้หรืออื่นๆก็ได้ (ปรับค่าที่เครื่องตั้งเสียงหรือแอปตั้งเสียงได้) อาจจะใช้เล่นในวงดนตรีของตัวเองก็ได้เพื่อความแปลกใหม่ของโทนเสียง แต่อย่าลืมให้เพื่อนๆในวงตั้งเสียงด้วยความถี่เดียวกันด้วย เพื่อจะได้เล่นประสานกันได้ แต่ถ้าต้องเล่นร่วมกับเครื่องดนตรีที่เสียงตายตัว ก็จำเป็นต้องตั้งเสียงให้ตรงกับเครื่องนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันคือ A442 นั่นเอง ถ้าเอามาเล่นกับ A440 - A444 คือมันต่างกันนิดเดียว เอาจริงๆมันก็เล่นร่วมกันได้หมด อาจจะแปร่งไปนิดๆหน่อยๆจนไม่อาจสังเกต แต่ถ้าเป็นไปได้ ตั้งเสียงให้ตรงกันทั้งวงจะดีกว่าครับ

Diatonic harmonica key of C
และแม้ว่าการตั้งเสียงในปัจจุบันจะใช้ระบบ Equal Temperament กันเป็นหลัก แต่ก็ยังมีเครื่องดนตรีที่ตั้งเสียงด้วยระบบ Just Intonation หนึ่งในนั้นก็คือ Harmonica เนื่องจาก Harmonica แบบ Diatonic แต่ละอันจะมีแค่คีย์เดียว ดังนั้นจึงสามารถตั้งเสียงแบบ Just Intonation ได้โดยไม่มีปัญหา เพราะเมื่อเปลี่ยนคีย์ก็ต้องเปลี่ยนอันใหม่อยู่แล้ว การตั้งเสียงให้ความถี่กลมกลืนอย่างสมบูรณ์ในคีย์นั้นๆจึงสามารถทำได้กับเครื่องดนตรีประเภทที่เปลี่ยนคีย์ก็เปลี่ยนเครื่อง แต่ก็ไม่ใช่ Harmonica ทุกรุ่นจะเป็น Just Intonation นะครับ จะมีบางรุ่นตั้งเสียงเป็น Equal Temperament ก็มี เช่น Hohoner Golden Melody ซึ่งสำหรับ Harmonica แล้ว การตั้งเสียงระบบ Equal Temperament เป็นการตั้งเสียงที่พิเศษออกไป เพราะโดยทั่วไปแล้ว Harmonica จะตั้งเสียงแบบ Just Intonation เป็นมาตราฐานอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ได้ซื้อรุ่นที่ใช้ระบบอะไรเป็นพิเศษ ก็จะได้ Just Intonation แน่นอน
ใครที่เล่นเครื่องดนตรี Diatonic (ที่ไม่มีโน้ตครึ่งเสียงนอกคีย์) เช่น Kalimba แบบปกติ ก็อาจลองตั้งเสียงระบบ Just intonationดูก็ได้นะครับ

สรุป
เรื่องความถี่เทียบเสียงความสำคัญของมันคือการนัดแนะเพื่อให้ตรงกันซะมากกว่าครับ จะใช้ความถี่ที่เท่าไหร่ก็ตามชอบใจ แต่ในวงเดียวกันควรเทียบเสียงแบบเดียวกัน และถ้าในวงมีเครื่องที่ปรับจูนเสียงไม่ได้ ก็ควรเทียบเสียงตามมาตราฐานของเครื่องที่ปรับจูนไม่ได้ครับ
และจากทั้งหมดบางทีเรื่องเหล่านี้ที่พูดกันมายืดยาวอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอะไรกับสุขภาพหรือจิตวิญาณเลยก็ได้? และถ้าจะเกี่ยวกับสุขภาพและจิตวิญญาณจริงๆละก็ น่าจะเป็นที่ตัวเพลงที่ถูกแต่งขึ้นมา เพราะเพลงจะแต่งให้หดหู่หรือร่าเริงก็ได้ มากกว่าที่จะเป็นเพราะเรื่องพวกนี้? หรือจริงๆมันเกี่ยวข้องกันหมด? ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูนจ์กันต่อไป ให้เป็นปลายเปิดแบบนี้แหละครับดีแล้ว ใครคิดเห็นยังไงก็เอาไปถกเถียงกันได้ครับ สนุกๆ


อ้างอิง
https://crumplepop.com/a432-vs-a440-which-tuning-standard-is-better/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น