Sponsor

21 กันยายน 2568

สองวิถีแห่งการเล่นเกม - ความผูกพันที่ยั่งยืนและการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์

Minamoto no Yoshiie โดย Tsukioka Yoshitoshi, ค.ศ. 1886
ภาพพิมพ์แกะไม้ที่ได้รับความนิยมนี้ พรรณนาถึงตำนานโบราณเรื่องราวของสามีคนหนึ่งที่สงสัยว่าภรรยาของตนกำลังมีสัมพันธ์กับซามูไร มินาโมโตะ โนะ โยชิอิเอะ เพื่อป้องกันการมาเยือนของซามูไร สามีจึงล้อมบ้านของตนด้วยพุ่มไม้หนาม และวางกระดานหมากล้อมไว้ที่ระเบียง โดยหวังให้สะดุดล้ม แต่ซามูไรผู้นั้นกลับใช้ความคล่องแคล่วฟันกระดานขาดขณะที่กระโดดข้ามราวระเบียงไปได้อย่างแนบเนียน หลีกเลี่ยงอุปสรรคทั้งสองประการได้สำเร็จ
https://en.wikipedia.org/wiki/Go_(game)

ในโลกของเกมกระดาน มิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นนั้นมีสองรูปแบบหลัก ๆ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รูปแบบแรกเกิดขึ้นจาก 'วิถีแห่งความสนุก' ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีรากฐานมาจากความเพลิดเพลินร่วมกันในกระบวนการและความเคารพในความเป็นตัวของตัวเองของผู้เล่นแต่ละคน มิตรภาพประเภทนี้มีความจริงใจสูงและยืดหยุ่น เพราะไม่ได้ถูกวัดด้วยผลลัพธ์ของเกม เมื่อผู้เล่นฝ่ายหนึ่งแพ้ เพื่อนที่ให้คุณค่ากับความสนุกจะไม่ตำหนิ แต่จะร่วมยินดีไปกับความคิดสร้างสรรค์ที่ได้ลองใช้ไปบนกระดาน เป้าหมายร่วมคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน ทำให้ความผูกพันนี้มีความมั่นคงสูงและแทบไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะบ่อนทำลายกันเมื่อผลประโยชน์เปลี่ยนไป

ในทางตรงกันข้าม มิตรภาพที่เกิดขึ้นจาก 'วิถีแห่งผลลัพธ์' มักจะเป็นความสัมพันธ์ที่มองเห็นได้ชัด แต่มีรากฐานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์นี้เปรียบเสมือนพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่คบค้ากันเพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคและรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่งคนอื่น ๆ พวกเขาย่อมเข้าใจถึงความกดดันในการฝึกฝนเพื่อความสมบูรณ์แบบ จึงเกิดการยอมรับในความสามารถซึ่งกันและกัน แต่ในใจลึก ๆ ของผู้เล่นที่ยึดติดกับผลลัพธ์แพ้ชนะ มักมีความระแวงแฝงอยู่เสมอ เพราะพวกเขาต่างเป็นคู่แข่งโดยธรรมชาติ และนี่คือจุดที่ความสัมพันธ์ถูกทดสอบอย่างรุนแรง หากพันธมิตรคนหนึ่งขวางทางไปสู่ชัยชนะที่ใหญ่กว่า ความผูกพันนั้นย่อมสั่นคลอนและสามารถแตกหักได้ทันทีที่ผลประโยชน์ส่วนตนไม่ลงรอยกัน เพราะสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์จะดำรงอยู่ได้ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายยังคงสอดคล้องกันเท่านั้น

การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ มิตรภาพที่เกิดจากความสนุกในการสำรวจร่วมกันคือความผูกพันที่ยั่งยืนเป็นมิตรภาพที่ไว้ใจได้ ในขณะที่มิตรภาพที่เกิดจากความต้องการความยินดีจากชัยชนะเป็นเพียงพันธมิตรที่มีเงื่อนไข ทำให้ความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้ควรถูกจัดอยู่ในหมวดพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มากกว่ามิตรภาพที่ไว้ใจได้

แถม
ตีความภาพประกอบข้างต้น ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวให้ตีความหรือไม่ แต่การเอากระดานหมากล้อมไปวางขวางทางก็เป็นอะไรที่แปลก ๆ อยู่สักหน่อย และการฟันกระดานหมากล้อมของผู้มาเยือนก็ชวนสงสัยได้เหมือนกันว่าจะฟันทำไม? (ใครมีข้อมูลเชิงลึกคอมเม้นต์ไว้ได้เลยนะครับ)
ผมคิดว่าบางทีอาจเป็นสัญญะในเรื่องเล่าก็ได้ เพราะแต่เดิมหมากล้อมเป็นสัญญลักษ์แห่งสติปัญญาและการวางแผน การนำกระดานหมากล้อมไปวางที่ระเบียงเพื่อหวังให้สะดุดนั้น จึงเปรียบเสมือนคนสายบุ๋นใช้สติปัญญาหรือกลยุทธ์ที่ไม่ลึกซึ้งพอ เพราะวางเอาไว้โต้งๆ จึงถูกคนสายบู๊ใช้ดาบฟันกระดานพัง ในที่นี้อาจกำลังบ่งบอกถึงพละกำลังที่มากกว่าอาจอยู่เหนือสติปัญญาอันตื้นเขิน เป็นการวางแผนโดยไม่รู้เขารู้เรา ในที่นี้คือไม่รู้ระดับความสามารถของอีกฝ่ายหนี่ง
สรุปการตีความเรื่องเล่านี้ได้ว่า หากกลยุทธ์ไม่แยบยลพอ ก็จะถูกกำลังที่เหนือกว่าบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

สองวิถีแห่งการเล่นเกม - ความสุขภายในและการแสวงหาการยืนยันจากภายนอก

https://en.wikipedia.org/wiki/Go_(game)

โลกของการเล่นเกมนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองเส้นทางหลัก ๆ เส้นทางแรกคือ 'วิถีแห่งความสนุก' ซึ่งเป็นของผู้ที่มองว่าเกมคือโอกาสในการสำรวจ การเรียนรู้ และการผ่อนคลาย ผู้เล่นกลุ่มนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับป้ายสถานะ 'ผู้ชนะ' หรือ 'ผู้แพ้' พวกเขายินดีกับการลองเดินหมากที่แปลกใหม่ การค้นพบกลไกที่ซ่อนอยู่ และความท้าทายที่มาพร้อมกับการไม่รู้ว่าวิธีการใหม่ๆนี้จะนำไปพบเจอกับอะไร ความสุขของพวกเขาเกิดขึ้นจากภายใน จากการได้เข้าร่วมในกระบวนการนั้นอย่างแท้จริง และพวกเขามักจะเปิดกว้าง ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและผู้อื่นได้โดยไม่ตัดสิน

แต่เมื่อผู้เล่นเหล่านี้เข้าสู่สังคมที่เน้นการแข่งขัน พวกเขามักจะถูกท้าทายโดยผู้ที่เดินบนเส้นทางที่สอง นั่นคือ 'วิถีแห่งผลลัพธ์' ผู้เล่นกลุ่มนี้ผูกโยงคุณค่าในตนเองเข้ากับชัยชนะ และใช้ผลลัพธ์เป็นมาตรวัดความฉลาดหรือความสามารถ การล้อเลียน ดูถูก หรือการตีตราว่า "การเล่นเพื่อสนุกคือความคิดของคนขี้แพ้" เป็นอาวุธทางสังคมที่ถูกใช้เพื่อดึงทุกคนเข้าสู่ระบบค่านิยมของพวกเขา แรงกดดันนี้เองที่ทำลายความสนุกดั้งเดิมของผู้เล่นกลุ่มแรก ทำให้ความกลัวที่จะถูกประเมินค่าจากภายนอกเข้ามาแทนที่ความเพลิดเพลินในการสำรวจ สิ่งนี้คือการแลกเปลี่ยนที่เจ็บปวด เพราะเป็นการยอมทิ้งความสุขที่ยั่งยืนจากภายใน เพื่อแลกกับการยืนยันตัวตนที่เปราะบางจากภายนอก

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลือกที่จะเล่นเพื่อความสนุกพึงตระหนักว่า ความสุขและความสมบูรณ์ของการเล่นของท่านนั้นเป็นอิสระจากคำตัดสินของผู้อื่น ผลแพ้ชนะเป็นเพียงปรากฏการณ์ ไม่ใช่เครื่องวัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของท่าน การรักษาความสงบและยืนยันในวิถีของตนเอง แม้จะถูกท้าทาย คือการกระทำที่ทรงพลังที่สุด การตอบกลับอย่างเรียบง่ายและเป็นกลางเช่นว่า "ฉันแค่สนุกที่ได้เล่น" เป็นการปฏิเสธที่จะให้อำนาจแก่ผู้อื่นในการควบคุมอารมณ์ของท่าน เมื่อท่านสามารถยึดมั่นในแก่นแท้ของการเล่นได้ ความสุขในการเรียนรู้ก็จะไม่สูญสลายไป

ท้ายที่สุดแล้ว เกมคือประสบการณ์ ไม่ใช่ใบรับรอง ถ้าท่านเก็บกระดานแล้วรู้สึกว่าได้ใช้ความคิดอย่างเต็มที่ ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม และที่สำคัญได้ยิ้มหัวเราะ นั่นแหละคือชัยชนะที่แท้จริงที่ไม่มีใครสามารถลบล้างได้เลย และการเล่นด้วยความสุข ท่านย่อมเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เองอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืนโดยไม่ต้องกดดันในระหว่างทาง

ชนะคนอื่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ในการเล่นเกมน่ะ มีอะไรสำคัญกว่าความสนุกขณะเล่น มิตราภาพจากเกม และการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกันอีกหรอ?

20 กันยายน 2568

Dead Center - ศูนย์กลางมรณะ ฝ่าดงซอมบี้


Dead Center
ศูนย์กลางมรณะ ฝ่าดงซอมบี้

เกมไพ่เล่นคนเดียว

By Wil Su
Translated by Kanokkiat Harirakhansa
โดย วิล ซู
แปลและเรียบเรียงโดย กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
[แปลจากหนึ่งในเกมไพ่ Isaludo - Beta 1.11 by Wil Su หน้า 19-23]

ความซับซ้อน (Complexity)●●●
น้ำหนัก (Weight)●●○
พื้นที่ (Footprint)●●○
กลยุทธ์ (Strategy)●●●
กลวิธี (Tactics)●●○
ดวง (Luck)●●○


Dead Center มีพื้นฐานมาจากเกม Gridcannon ของ Tom Francis แต่ได้เปลี่ยนกลไกหลักในการวางการ์ดเพื่อให้ผู้เล่นสามารถควบคุมได้รัดกุมยิ่งขึ้น และมีแผนผังการตัดสินใจที่เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผลลัพธ์ที่ได้คือปริศนาที่ให้รางวัลแก่ทั้งการเล่นเชิงกลยุทธ์และกลวิธี (และสำหรับฉันอย่างน้อย มันดูเหมือนจะจบลงอย่างตื่นเต้นทุกครั้ง) กฎการวางอาจดูแปลก ๆ ในตอนแรก แต่ก็ค่อนข้างง่ายที่จะเข้าใจเมื่อคุณเริ่มเล่นจริง

ภาพรวม
ใน Dead Center คุณต้องกำจัดซอมบี้สิบสองตัว ที่ล้อมรอบกระท่อม 3x3 ของคุณก่อนที่กองการ์ดจะหมด คุณทำเช่นนี้โดยการเล่นการ์ดลงในกองการ์ดภายในกระท่อมเพื่อโจมตีซอมบี้ที่อยู่ติดกัน พลังและความแม่นยำของการโจมตีของคุณไม่ได้ถูกกำหนดโดยการ์ดที่คุณเล่น แต่โดยการ์ดอีกสองใบที่อยู่ในแนวเดียวกัน

อุปกรณ์
สำรับไพ่มาตรฐาน 52 ใบ กับโจ๊กเกอร์ 2 ใบ

การเตรียมไพ่ก่อนเล่น
แยกการ์ดหน้า [Jack, Queen, King] ทั้งสิบสองใบออก (ถือว่าเป็นซอมบี้) สับการ์ดที่เหลือของสำรับ และแจกการ์ดเก้าใบ หงายหน้าเป็นตาราง 3x3 นี่คือกระท่อม (The Cabin)
สับการ์ดหน้า แล้วแจกทีละใบคว่ำหน้าลงในพื้นที่สิบสองช่องที่อยู่ติดกับด้านนอกของกระท่อมในแนวตั้งและแนวนอนทั้งหมด

การเล่น
เกมจะเล่นต่อเนื่องกันหลายเทิร์น ในแต่ละเทิร์น คุณต้องดำเนินการสามอย่างต่อไปนี้ตามลำดับ:
  1. เผยซอมบี้ ถ้าทำได้
  2. จั่วแล้วเล่นการ์ดตามกฎ
  3. สังหารซอมบี้ที่อยู่ติดกับการ์ดที่คุณเล่น ถ้าทำได้
เผยซอมบี้ (Reveal a Zombie)
หากยังมีซอมบี้คว่ำหน้าอยู่ ให้เลือกและเปิดเผยหนึ่งในนั้นโดยการหงายหน้าการ์ดขึ้น การดำเนินการนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงสิบสองเทิร์นแรกเท่านั้น

เล่นการ์ด (Play a card)
จั่วการ์ดใบบนสุดของสำรับ แล้วเล่นหงายหน้าลงในกองใดกองหนึ่งในเก้ากองของกระท่อม คุณสามารถเล่นการ์ดของคุณได้บนกองที่การ์ดใบบนสุดมีคุณสมบัติดังนี้:
    • การ์ดมีค่าเท่ากัน
    • การ์ดมีสีเดียวกัน และมีค่ามากกว่า หรือ
    • การ์ดมีสีตรงข้าม และมีค่าน้อยกว่า
อีกวิธีหนึ่งในการคิดเกี่ยวกับกฎการจัดวาง ในแง่ของเกมโซลิแทร์ คือ คุณจะ สร้างขึ้น ด้วยสีที่ต่างกัน ในขณะที่คุณจะ สร้างลง ด้วยสีเดียวกัน

เอซ (Aces) มีค่าเป็น 1
โจ๊กเกอร์ (Jokers) สามารถเล่นบนการ์ดใดก็ได้ และการ์ดใด ๆ เล่นบนมันได้ การ์ดที่คุณเล่นบนกองจะกลายเป็นการ์ดใบบนสุดใหม่ของกองนั้น

  • ถ้าไพ่ใบถัดไปคือ 3♦ ฉันสามารถเล่นมันบนไพ่ 7♥, 8♥, A♠, หรือ โจ๊กเกอร์ ได้
  • ไพ่ 7♠ สามารถเล่นบนไพ่ 7♥, 2♦, 10♣, หรือ โจ๊กเกอร์ ได้
  • โจ๊กเกอร์ สามารถเล่นที่ไหนก็ได้

สังหารซอมบี้ (Kill a Zombie)
หลังจากวางการ์ดแล้ว คุณอาจสังหารซอมบี้ที่เปิดหน้าไพ่หนึ่งตัวที่อยู่ติดกับกองที่คุณเพิ่งเล่นได้ หากการโจมตีของคุณแข็งแกร่งพอ (มุมทั้งสี่ของตาราง 3x3 มีซอมบี้ติดกันสองตัว, ขอบมีหนึ่งตัว, และตรงกลางไม่มีเลย) ความแข็งแกร่งของการโจมตีขึ้นอยู่กับการ์ดสนับสนุน (support cards) สองใบ: การ์ดที่อยู่ในกระท่อมอีกสองใบที่อยู่บนแนวเดียวกับการ์ดที่คุณเพิ่งเล่นและซอมบี้ที่คุณกำลังโจมตี

สำหรับการโจมตีที่จะสังหารซอมบี้ได้ ผลรวมของการ์ดสนับสนุนทั้งสองใบนี้จะต้องมี ค่าอย่างน้อย 10 ข้อจำกัดเพิ่มเติม:

  • สังหารคิง (King): การ์ดสนับสนุนทั้งสองใบต้อง ตรงกับดอกของการ์ดคิงนั้น
  • สังหารควีน (Queen): การ์ดสนับสนุนทั้งสองใบต้อง ตรงกับสีของการ์ดควีนนั้น
  • สังหารแจ็ค (Jack): ไม่มีข้อจำกัดเรื่องดอก

  • หากฉันเล่นการ์ดบนกอง A♠ ฉันสามารถสังหาร K♣ หรือ J♦ ได้ แต่ไม่สามารถสังหารได้ทั้งคู่
  • การเล่นการ์ดบนกอง 7♥ ไม่สามารถสังหาร Q♠ ได้ เนื่องจากการ์ดสนับสนุนมีสีที่ถูกต้องแต่มีผลรวมเพียง 5 เท่านั้น (4♠ + A♠)
  • การเล่นการ์ดบนกอง โจ๊กเกอร์ ไม่สามารถ สังหาร K♥ ได้ เนื่องจากการ์ดสนับสนุนมีผลรวม อย่างน้อย 10 (7♥ + 6♣) แต่ การ์ดสนับสนุนทั้งสองใบไม่ใช่ดอกหัวใจทั้งคู่

โจ๊กเกอร์ เมื่อใช้เป็น การ์ดสนับสนุนการโจมตี จะมีค่าเป็นศูนย์ (0) แต่ถูกนับว่าเป็นทุกดอก ดังนั้นโจ๊กเกอร์จะต้องจับคู่กับ 10 เพื่อสังหาร

เกมนี้เป็นปริศนาของการจัดลำดับการโจมตีและการตั้งค่าการ์ดสำหรับการโจมตีในอนาคต ลำดับที่คุณเลือกเปิดเผยซอมบี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้วย หากคุณไม่สามารถสังหารซอมบี้ใด ๆ ได้ ให้ดำเนินการในเทิร์นถัดไป

การสิ้นสุดเกม
หากคุณต้องจั่วการ์ดแต่กองการ์ดหมด หรือหากคุณไม่สามารถเล่นการ์ดได้ คุณจะแพ้
ถ้าคุณสามารถสังหารซอมบี้ได้ครบทั้งสิบสองตัว คุณจะชนะ
คะแนน (score) คือ จำนวนการ์ดที่เหลืออยู่ในสำรับ

ตัวเลือกเสริม (Variants)
สำหรับการเล่นที่ยากขึ้น ให้ลดจำนวนโจ๊กเกอร์เหลือ 1 ใบ (เป็นวิธีที่ฉันชอบเล่น) จากนั้นลดเหลือศูนย์


ยังมีเกมไพ่น่าเล่นอีกมากมายที่ ไพ่เล่นเกมอะไรได้บ้าง?

19 กันยายน 2568

Lost Cats - วิฬาที่หายไป



Lost Cats
เกมไพ่ความจำ เล่นคนเดียว

By Kevin Langouët
Translated by Kanokkiat Harirakhansa
โดย เควิน ล็องกูเอต์
แปลและเรียบเรียงโดย กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา

ใช้สำรับไพ่มาตรฐาน 52 ใบ (ไม่รวมไพ่โจ๊กเกอร์)

เป้าหมายของเกม
พาแมวที่หลงทางสามตัวกลับไปหาเจ้าของ

การตั้งค่าเกม
เรียงดอกไพ่ควีน หัวใจ, ดอกจิก และข้าวหลามตัด หงายหน้าขึ้น แถวล่างของควีนแต่ละใบให้วางดอกเดียวกันของไพ่ 9, แจ็ค, และ 10 คว่ำหน้าลง (โดยแจ็คต้องอยู่ตรงกลางของทุกกอง)



นำไพ่โพดำทั้งหมดออกไป สับไพ่ที่เหลือแล้วจั่วมาสิบใบเพื่อสร้างกองจั่ว (deck)

วิธีการเล่น
ให้จั่วไพ่หนึ่งใบจากกองจั่ว แล้ววางลงบนกองทิ้ง (discard pile) โดยหงายหน้าไพ่ขึ้น

ใช้ผลที่เกิดขึ้นของมัน (ดูรายการผลที่เกิดขึ้น (Effects) ด้านล่าง) กับไพ่ที่วางอยู่แถวล่างควีนของดอกเดียวกันกับไพ่ที่จั่วได้ ไม่สามารถใช้ผลของมันกับควีน
ตัวอย่างเช่น หากคุณจั่วไพ่ดอกจิก 2 ใบ ผลของมันจะต้องใช้กับไพ่ที่วางอยู่แถวล่างควีนดอกจิกในขณะนั้น

เมื่อไพ่ในกองจั่วหมดแล้ว ให้ค้นหาไพ่แจ็คทั้งสามใบจากในความทรงจำ โดยค้นหาจากกองไพ่คว่ำหน้าทั้งสามกอง จากนั้นให้พลิกหงายไพ่แจ็คแต่ละใบ แล้วนำไปวางบนไพ่ควีนที่มีดอกเดียวกัน

คุณจะชนะเกมถ้าไพ่แจ็คแต่ละใบวางอยู่ใต้ไพ่ควีนของชุดเดียวกัน

คุณจะแพ้เกมถ้าคุณจั่วไพ่ที่ไม่ได้เป็นแจ็คหรือคุณวางไพ่แจ็คลงในกองที่ผิดชุด

ผลที่เกิดขึ้น (Effects)
ACE: สลับกองไพ่กับกองที่อยู่ทางซ้าย (ถ้ากองนี้อยู่ซ้ายสุด ให้สลับกับกองที่อยู่ขวาสุด)
2: สลับกองไพ่กับกองที่อยู่ทางขวา
3: เลื่อนทุกกองไปทางซ้าย (กองที่อยู่ซ้ายสุดจะไปอยู่ขวาสุด)
4: เลื่อนทุกกองไปทางขวา (กองที่อยู่ขวาสุดจะไปอยู่ซ้ายสุด)
5: หยิบไพ่บนสุดของกองไพ่แล้วนำไปวางไว้ด้านล่างของกอง
6: หยิบไพ่ด้านล่างของกองไพ่แล้วนำไปวางไว้ด้านบนของกอง
7: หยิบไพ่แต่ละใบจากบนสุดของกองแล้วนำไปวางไว้ด้านล่างของกองนั้น
8: หยิบไพ่แต่ละใบจากด้านล่างของกองแล้วนำไปวางไว้ด้านบนของกองนั้น
King (หลงทาง): วางไพ่คิงนี้ลงบนกองไพ่ คุณต้องหาไพ่ใบนี้และนำไปวางบนไพ่ควีนที่มีดอกเดียวกันกับไพ่คิงในตอนจบของเกม มิฉะนั้นคุณจะแพ้

มาเป็นเจ้าแห่งแมว (Become the Master of the Cats)
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และถ้าคุณมีเวลา ให้ลองเล่นหลาย ๆ เกมติดต่อกันโดยค่อย ๆ เพิ่มความยากขึ้นเรื่อย ๆ

ระดับ 1: ตอนเตรียมเกม ให้ใช้เฉพาะไพ่ควีนกับไพ่แจ็คเท่านั้น (นำไพ่ 9 และ 10 ออก) และใส่ไพ่ 1 และ 2 ในกองจั่วเท่านั้น
ระดับ 2: กฎเหมือนระดับ 1 แต่เพิ่มไพ่ 3 และ 4 เข้าไปเหมือนกับเกมปกติ แล้วสับไพ่และจั่ว 10 ใบเพื่อสร้างกองจั่ว
ระดับ 3: เหมือนกับเกมปกติ ให้เพิ่มไพ่ 9 ของแต่ละดอกไว้บนสุดของกองไพ่ และไพ่ 10 ไว้ด้านล่าง จากนั้นเพิ่มไพ่ 5 และ 6 เข้าไปในไพ่ที่จะใช้ก่อนสับ
ระดับ 4: กฎเหมือนระดับ 3 แต่เพิ่มไพ่ 7 และ 8
ระดับ 5: เหมือนกับ Level 4 แต่เพิ่มไพ่ 9 ใบสำหรับกองจั่ว และเพิ่มไพ่คิงก่อนการสับไพ่
ระดับ 6: เหมือนกับ Level 5 แต่เพิ่มไพ่ 8 ใบสำหรับกองจั่ว และเพิ่มไพ่คิง 2 ใบก่อนการสับไพ่
ระดับ 7: เหมือนกับ Level 6 แต่เพิ่มไพ่ 7 ใบสำหรับเด็ค และเพิ่มไพ่คิง 3 ใบก่อนการสับไพ่

หากคุณเอาชนะระดับ 7 ได้ ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณคือเจ้าแห่งแมว!

เพิ่มความยากได้อีก
หากคุณต้องการให้เกมยากขึ้น ให้เพิ่มไพ่แจ็ค, 9, 10 และควีนของโพดำไว้ด้านหน้าของกองจั่วพร้อมกับไพ่แมว 4 ตัวและเจ้าของ 4 คน และเพิ่มไพ่โพดำที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในกองทิ้ง

คุณยังสามารถเพิ่มจำนวนไพ่ในกองจั่วเพื่อทดสอบความอึดของคุณได้อีกด้วย (15, 20, ...)

เอาชนะเกมโดยใช้ไพ่โพดำทั้งหมด และกองจั่วที่มีไพ่ 36 ใบ เพื่อขึ้นเป็นราชินีหรือราชาแห่งแมว! (Queen or King of cats!)


ยังมีเกมไพ่น่าเล่นอีกมากมายที่ ไพ่เล่นเกมอะไรได้บ้าง

11 กันยายน 2568

Earthing - ชาร์จแบตเตอร์ี่แท้ให้ร่างกายและจิตใจด้วยการกราวดิ้ง

https://allgrounded.com/grounding/

ในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ อาหารแปรรูปสูง และแสงไฟประดิษฐ์ เรามักรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดพลังโดยไม่รู้สาเหตุ เปรียบได้กับร่างกายที่กำลังใช้แบตเตอรี่ปลอม จนการทำงานของระบบต่างๆเริ่มรวนและผิดเพี้ยนไป ปรัชญาจีนโบราณได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติว่ามีพลังงานที่คอยหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันเสมอ ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีเติมพลังงานที่บริสุทธิ์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่แท้ให้กับร่างกาย บทความนี้จะนำเสนอ 3 วิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณกลับมาเชื่อมต่อกับโลกได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

3 วิธีการกราวดิ้ง (grounding; earthing) แบบง่ายๆ

1. เท้าเปล่าสัมผัสพื้นโลก
การสัมผัสพื้นดินโดยตรงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกราวดิ้ง การเดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้า, ทราย, หรือหินที่เปียกน้ำก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกันครับ สิ่งเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อพลังงานได้

2. สัมผัสต้นไม้
การใช้มือเปล่าสัมผัสต้นไม้เป็นการกราวดิ้งที่ยอดเยี่ยมอีกวิธีหนึ่ง ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรากยึดลึกอยู่ในดินและดูดซับพลังงานจากพื้นโลก การที่เราใช้มือสัมผัสลำต้นหรือแม้แต่กอดต้นไม้ จะช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อและรับพลังงานจากโลกผ่านต้นไม้ได้เช่นกัน

3. การแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ
หากไม่สามารถออกไปกราวดิ้งนอกสถานที่ได้ โดยเฉพาะคนเมืองในตึกสูงสมัยนี้ การใช้วิธีแช่เท้าในน้ำเกลือก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยใช้เกลือ 1-2 ช้อนชา กับน้ำอุ่นใส่ในภาชนะท่วมประมาณข้อเท้า น้ำเป็นสื่อนำพลังงานที่ดีเยี่ยม การแช่เท้าในน้ำอุ่นที่ผสมเกลือหรือเกลือทะเลเล็กน้อยก็สามารถช่วยถ่ายเทประจุไฟฟ้าส่วนเกินออกจากร่างกายได้เช่นกัน นิยมแช่เท้าตอนหัวค่ำก่อนนอน

ไม่ว่าจะเลือกวิธีการกราวดิ้งแบบใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งใจเชื่อมต่อกับธรรมชาติและพลังงานที่บริสุทธิ์ของโลก การปฏิบัติที่เรียบง่ายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดูแลสุขภาพกาย แต่ยังเป็นการบำบัดจิตใจให้กลับมามีรากฐานที่มั่นคงอีกครั้ง เมื่อคุณสามารถถ่ายเทพลังงานที่ติดขัดและรับพลังงานที่บริสุทธิ์จากโลกอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับของร่างกายและจิตใจ เปรียบเสมือนร่างกายที่ได้รับการชาร์จด้วยแบตเตอรี่แท้จากธรรมชาติจนสามารถกลับมาทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพอีกครั้งครับ

กราวดิ้ง + แสงแดดอ่อนๆยามเช้า + อาการบริสุทธิ์ + สมาธิกายบริหารชี่กง = การชาร์จแบตเตอรี่แท้ในอุดมคติ

https://www.soulventure.com/what-is-grounding/

10 กันยายน 2568

การตั้งเสียงพิณไลร์ 7 สาย คีย์ C แบบ Just intonation - Lyre Harp standard C tuning

เทพอะพอลโล

การตั้งเสียงแบบ Just intonation เป็นการตั้งเสียงที่เหมาะสำหรับเครื่องดนตรีที่มีคีย์เดียวหรือมักจะเล่นแค่คีย์เดียว เช่น Kalimba, Harmonica (ฮาร์โมนิก้ามักตั้งเสียงแบบ Just มาตั้งแต่โรงงานอยู่แล้ว), หรือ Lyre เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ได้ชุดความถี่เสียงที่กลมกล่อมสมบูรณ์ที่สุดกับคีย์ที่ใช้อยู่ เป็นการตั้งเสียงด้วยชุดความถี่ธรรมชาติของคีย์นั้นๆอย่างสมบูรณ์ ซึ่งได้เคยกล่าวถึงหลักการต่างๆไว้ในบทความ Just intonation tuning - การตั้งเสียงแบบ Just intonation หากสนใจเชิงวิชาการสามารถเข้าไปอ่านได้ครับ สำหรับเครื่องดนตรีที่เล่นคีย์เดียว การตั้งเสียงแบบ Just เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ (แต่ต้องใช้กำลังภายในนิดนึง)

สำหรับไลร์ 7 สาย นั้น มีวิธีการตั้งเสียงหลายแบบมากมายไม่แน่ไม่นอน แต่ที่นิยมหลักๆจะมีอยู่ 2 แบบ คือ
  1. เพนทาโทนิก (Pentatonic) ซึ่งมักจะตั้งเสียงคีย์ G Pentatonic จากต่ำไปสูงคือ D-E-G-A-B-D-E (จะเห็นว่าไม่มีโน้ต C และ F#) หากจะตั้งเป็นคีย์ C Pentatonic จะเป็น G-A-C-D-E-G-A เป็นต้น (จะเห็นว่าไม่มีโน้ต F และ B)
  2. ไดอะโทนิก (Diatonic) หากตั้งเป็นคีย์ C จากจากเสียงต่ำไปสูง คือ G-A-B-C-D-E-F
C=โด, D=เร, E=มี, F=ฟา, G=โซ, A=ลา, B=ที

ในบทความนี้จะกล่าวถึงการตั้งเสียงไลร์ 7 สาย คีย์ C มาตราฐาน จาก A442 แบบไดอะโทนิก ด้วยมาตราฐาน Just

การตั้งเสียงไลร์ 7 สาย จากเสียงต่ำไปสูง (G3-A3-B3-C4-D4-E4-F4)
G3 ความถี่ 196.66 Hz +1.96 cents
A3 ความถี่ 219.01 Hz -15.64 cents
B3 ความถี่ 246.02 Hz -11.73 cents
C4 ความถี่ 262.81 Hz 0 cent
D4 ความถี่ 295.66 Hz +3.91 cents
E4 ความถี่ 328.51 Hz -13.69 cents
F4 ความถี่ 350.41 Hz -1.96 cents

หากดูความถี่เสียงเป็นตัวตั้ง ของ 7 สายก็ดูได้ประมาณนั้นเลยครับ
แต่แนะนำว่าให้ตั้งค่าแอพจะสะดวกกว่า เพราะถ้าตั้งค่าแอพแล้วสามารถใช้ตั้งเสียงระบบ Just กับไลร์กี่สายก็ได้ สำหรับการตั้งค่าแอพตั้งเสียงให้ตั้งเสียง Just แบบอัตโนมัติจะใช้ cents ในการตั้งค่า แอพที่ตั้งค่าได้แนะนำแอพ Tuner-gStrings ส่วนวิธีการตั้งค่าในแอพให้ดูวิธีการจากบทความ Just intonation tuning - การตั้งเสียงแบบ Just intonation ครับ
ส่วนใหญ่แอพตั้งเสียงจะมีค่าปริยายเป็น Equal บทความนี้จึงเอามาแนะนำไว้สำหรับอ้างอิงเพื่อสนใจจะได้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าของแอพด้วยตนเองได้นั่นเองครับ

เท่านี้ก็จะได้เสียงในคีย์ C ที่กลมกลืนตามธรรมชาติ เมื่อเล่นประสานเสียงก็จะไม่มีหางเสียง 'แง่งๆๆๆ' อีกแล้วล่ะครับ
สำหรับเครื่องคีย์เดียวมีทางเลือกมากมายในการตั้งเสียง สามารถเลือกตั้งเสียงได้ทุกแบบตามต้องการ ไม่ว่าจะตั้งแบบไหนก็เล่นได้ทั้งนั้นครับ อันนี้ก็เอามาแนะนำสำหรับเพื่อนๆที่สนใจครับ (แต่ถ้าเครื่องที่เป็นโครมาติก (Chromatic) ยังไงก็แนะนำการตั้งเสียงแบบ Equal นะครับ)

ขอให้มีความสุขกับการเล่นดนตรีครับ

แถม
เมื่อเล่นด้วยมือขวาเป็นหลัก ควรเลือกไลร์แบบสายเสียงต่ำอยู่ไกลตัว หรือ เสียงต่ำอยู่ใกล้ตัวดี? จากที่ศึกษาข้อมูลมา ไลร์แบบเสียงต่ำอยู่ไกลตัวแบบเดียวกับพิณใหญ่ (Harp) นั้น เป็นแบบดั้งเดิม (Classic) ส่วนไลร์แบบเสียงต่ำอยู่ใกล้ตัว เป็นแบบใหม่ (Modern) ซึ่งส่วนใหญ่สมัยนี้มักจะเจอแบบใหม่มากกว่า แต่แบบดั้งเดิมก็พอจะเห็นอยู่บ้าง ส่วนจะเลือกแบบไหน อันนี้ก็แล้วแต่ชอบครับ เพราะเล่นได้เหมือนกันครับ แต่ส่วนตัวผมชอบแบบสายต่ำไกลตัวแบบดั้งเดิมมากกว่าครับ

410/2b #9871-39 Q.POMPONI MVSA Apollo lyre-key Muse Calliope Denarius

การตั้งเสียงแบบมาตราฐานมักจะใช้ที่ A440 แต่ปัจจุบันนี้เครื่องดนตรีสำเร็จรูปหลายชนิดตั้งเสียงที่ A442 กันหมดแล้ว จึงแนะนำที่ A442 เผื่อจะไปเล่นร่วมกับคนอื่นหรือเล่นพร้อมกับเปิดเพลงไปด้วยน่ะครับ แต่ถ้าเล่นคนเดียวก็เลือกตั้งเสียงได้หลากหลายกว่านี้อีกมาก เพราะยังมีการตั้งเสียงที่เรียกว่า A432 เป็นการตั้งค่า A ให้อยู่ที่ 432Hz ซึ่งจะต่ำลงกว่า A442 เล็กน้อย เขาว่ากันว่าเป็นความถี่ธรรมชาติที่ทำให้เสียงไพเราะที่สุด และยังมีความถี่ที่เรียกว่าระดับเสียงเชิงปรัชญาซึ่งอยู่ที่ C256 คราวนี้ใช้ตัว C4 เป็นตัวหลักในการเทียบเสียง ที่ต้องเป็น C256Hz เนื่องจากความถี่นี้ไม่ว่าจะลงต่ำหรือขึ้นสูงกี่ออฟเตฟก็จะไม่มีทศนิยมเลย คลื่นที่ได้จะกลมอย่างสมบูรณ์ เสียงที่ได้จึงสมบูรณ์เป็นตัวเลขกลมๆ ซึ่งเอาจริงๆ C4 ของ A432 ก็อยู่ที่ C256.87Hz ถือว่าใกล้เคียงกับ  C256Hz มากทีเดียวจนบางคนถือว่าเป็นความถี่ชุดเดียวกันไปเลย คือถือว่าเป็นชุดวามถี่ธรรมชาติที่ให้เสียงที่ไพเราะอย่างเป็นไปตามธรรมชาติด้วยนั่นเอง
ซึ่งอันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนละครับว่าชอบตั้งเสียงด้วยความถี่ไหน  นี่ก็นำมาแนะนำให้เป็นทางเลือก เพราะถ้าเล่นเครื่องเดียวคนเดียว จะเลือกตั้งความถี่ไหนก็ได้ ไม่มีปัญหาเรื่องเข้ากันไม่ได้ แต่ถ้าเล่นกับวงดนตรีหรือเครื่องอื่นๆก็จำเป็นต้องตั้งเสียงในความถี่เดียวกันนะครับ

Solitary Journey - ผจญภัยด้วยไพ่สำรับเดียว

https://boardgamegeek.com/image/4475134/solitary-journey

Solitary Journey
ผจญภัยด้วยไพ่สำรับเดียว

by Karen Deal Robinson
Translated by Kanokkiat Harirakhansa
โดย แคเรน ดีล โรบินสัน
แปลและเรียบเรียงโดย กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา

ภาพรวม
เกมไพ่เล่นคนเดียวที่เล่นได้ในอุ้มมือเกมนี้ เล่นด้วยไพ่สำรับธรรมดา เป็นการจำลองการเดินทางผ่านทุ่งหญ้าและป่าไม้ ท้องทะเลและภูเขา ระหว่างทางคุณอาจพบกับผู้นำทางที่คอยช่วยเหลือและผู้ร่วมเดินทางที่ชอบก่อกวน หากโชคดี คุณอาจได้พบกับสมบัติและอุปกรณ์วิเศษมากพอที่จะช่วยให้คุณพบบ้านในฝันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ถ้าคุณรู้สึกกระสับกระส่าย คุณก็สามารถออกเดินทางครั้งใหม่ได้เสมอ

เกมนี้เล่นได้ทั้งหมดในมือ จึงไม่จำเป็นต้องใช้โต๊ะ คุณสามารถเล่นได้ทุกที่ หากคุณถูกขัดจังหวะ คุณสามารถเก็บไพ่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วกลับมาเล่นต่อได้ในภายหลัง

การจัดเตรียม
นำไพ่แจ็คทั้งสี่ใบออกจากสำรับ แล้วสับไพ่ที่เหลือทั้งหมด รวมถึงไพ่โจ๊กเกอร์สองใบด้วย จัดเรียงไพ่แจ็คโดยหงายหน้าขึ้นตามลำดับ โพธิ์แดง, ข้าวหลามตัด, ดอกจิก, และโพธิ์ดำ โดยให้โพธิ์ดำอยู่ด้านหลังสุดและโพธิ์แดงอยู่ด้านหน้าสุด วางไพ่ที่สับแล้วคว่ำหน้าลงทับไว้บนไพ่แจ็ค

ไพ่แจ็คจะทำหน้าที่เป็น "ตัวนับ" เพื่อติดตามจำนวนครั้งที่คุณเล่นจนหมดสำรับ เมื่อไพ่แจ็คปรากฏขึ้น ให้ย้ายใบที่เจอไปไว้ด้านหลังอีกสามใบที่เหลือแล้วเล่นต่อ เมื่อคุณเจอไพ่แจ็คโพธิ์ดำ แสดงว่าคุณได้เล่นจนหมดสำรับครบสี่รอบแล้วและจบเกม นอกจากนี้ ไพ่แจ็คยังทำหน้าที่ "เก็บสิ่งของ" ให้กับคุณ

พลิกไพ่สี่ใบบนสุดในสำรับและคลี่ออกเพื่อให้คุณมองเห็นได้ทั้งหมด แล้วถือทั้งหมดไว้บนสำรับ เพื่อให้การเล่นทั้งหมดอยู่ในมือเดียว

การตีความไพ่
ไพ่ทั้งสี่ดอกแทน "ภูมิประเทศ" สี่แบบ โพธิ์แดงคือมหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำ ข้าวหลามตัดคือที่ราบ ทุ่งหญ้า และทุ่งกว้าง ดอกจิกคือป่า และโพธิ์ดำคือภูเขา

ค่าของไพ่แต่ละใบแทนสิ่งของหลากหลายชนิด ทั้งสมบัติ, เครื่องมือ, สิ่งของ, ภูมิประเทศ และผู้คน ดังที่แสดงในตารางท้ายบทความ "ทิวทัศน์" คือชื่อเรียกของไพ่สี่ใบที่คลี่หงายหน้าอยู่ในมือคุณ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นไพ่ที่คุณมองเห็นได้เท่านั้น แต่ยังแทนสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้รอบตัวอีกด้วย

กฎของเกมจะใช้ได้ในแบบเดียวกันสำหรับไพ่แต่ละดอก แต่คุณจะได้รับประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้นหากอ้างอิงจากแผนภูมิท้ายบทความ ซึ่งจะอธิบายความหมายของแต่ละสิ่งตามภูมิประเทศที่ไพ่ดอกนั้นเป็นตัวแทน

ไพ่บางใบในตอนแรกอาจเป็นสถานที่ จากนั้นภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นสิ่งของที่คุณพบ ณ สถานที่นั้น ๆ ในหน้าถัดไปจะเป็นภาพช่วยจำความหมายของไพ่แต่ละใบ หลังจากนั้นคุณจะพบคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเล่นเกม

วิธีจำความหมายของไพ่
ไพ่เอซ (Ace): ในหลายเกม ไพ่เอซคือไพ่ที่มีค่าสูงที่สุด ดังนั้นจึงแทน "สมบัติ"

ไพ่ 2: ไพ่ 2 มีค่าน้อย ดังนั้นจึงแทน "กุญแจเล็กๆ"

ไพ่ 3: จุดสามจุดเรียงกันเป็นแถว ดังนั้นไพ่ใบนี้จึงแทน "เส้นทางตรง"

ไพ่ 4: ม้ามีสี่ขา และรถม้ามีสี่ล้อ ดังนั้นไพ่ใบนี้จึงแทน "พาหนะ" หากเป็นในน้ำ ก็อาจหมายถึงเรือที่มีใบเรือสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่

ไพ่ 5: จุดห้าจุดดูคล้ายรูปตัว X ดังนั้นจึงแทน "ทางแยก" ที่ซึ่งภูมิประเทศประเภทต่างๆ มาบรรจบกัน

ไพ่ 6: จุดหกจุดก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งดูคล้ายประตูของโรงแรม และยังดูคล้ายกระดาษที่พิมพ์แผนที่อยู่ โรงแรมเป็นที่ที่คุณอาจพบแผนที่

ไพ่ 7: เจ็ดคือตัวเลขแห่งเวทมนตร์ ดังนั้นจึงแทน "พลังวิเศษแห่งการบิน" และ 7 (seven) ยังคล้องจองกับคำว่า "heaven" (สวรรค์) ซึ่งอาจหมายถึงท้องฟ้า จุดเจ็ดจุดอาจแทนสี่ขา, หัว, และปีกสองข้างของม้าบินและนางฟ้า นอกจากนี้ยังอาจแทนรูปทรงของพรมวิเศษที่มีคนนั่งอยู่บนนั้น

ไพ่ 8: รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีเส้นทแยงมุมตัดกันอาจเป็นหน้าต่างลูกกรงของร้านหนังสือ และยังเป็นลวดลายบนปกของหนังสือเวทมนตร์ที่คุณอาจพบที่นั่น

ไพ่ 9: เส้นแนวตั้งสองเส้นคือกำแพงของหอคอย และจุดเดียวที่อยู่ระหว่างนั้นคือ "เครื่องมือวิเศษ" (scrying tool) ที่คุณอาจพบที่นั่น

ไพ่ 10: จุดจำนวนมากที่ล้อมรอบพื้นที่ว่างตรงกลางแทน "ความสะดวกสบาย" มากมายของบ้านในฝันของคุณ

ไพ่แจ็ค (Jack): ผู้พิทักษ์ทั้งสี่นี้ทำหน้าที่เป็น "ตัวนับ" เพื่อติดตามจำนวนครั้งที่คุณเล่นจนหมดสำรับ และยังมีประโยชน์ในการเก็บไพ่ที่เก็บไว้

ไพ่ควีน (Queen) และไพ่คิง (King): ทั้งสองคือ "ผู้นำทาง" ที่เป็นประโยชน์ซึ่งคุณจะได้พบระหว่างทาง หนึ่งช่วยให้คุณค้นพบสิ่งของและทำหน้าที่เป็น "แผนที่" ส่วนอีกหนึ่งช่วยให้คุณปลดล็อกสิ่งต่างๆ และทำหน้าที่เป็น "กุญแจ" คุณสามารถกำหนดหน้าที่ให้พวกเขาสลับกันได้ แต่จะจำง่ายกว่าหากให้ไพ่คิงทำหน้าที่เป็นกุญแจ เพราะทั้งคู่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร K (ในภาษาอังกฤษ: King กับ Key)

ไพ่โจ๊กเกอร์ (Joker): แน่นอนว่าไพ่เหล่านี้คือ "ตัวก่อกวน" (tricksters)

เป้าหมาย
เดินทางผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย เพื่อรวบรวมสมบัติและเครื่องมือวิเศษ และในที่สุดก็ใช้เครื่องมือเหล่านั้นเพื่อค้นหาบ้านในฝันของคุณ หากคุณพบบ้านได้สำเร็จ แสดงว่าคุณชนะเกม แต่เมื่อไพ่แจ็คโพธิ์ดำปรากฏขึ้น คุณก็ได้สิ้นสุดการเดินทางแล้ว ไม่ว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ก็ตาม

คำศัพท์เฉพาะ
ทิวทัศน์ (View): ไพ่สี่ใบบนสุดที่คลี่หงายหน้าอยู่บนสำรับ ในบางสถานการณ์ อาจมีไพ่ในทิวทัศน์ของคุณมากกว่าสี่ใบ
ทิ้ง (Discard): การวางไพ่คว่ำหน้าลงที่ด้านหลังสุดของสำรับ
เก็บ (Store): การวางไพ่หงายหน้าไว้หลังไพ่แจ็คที่ตรงกับดอกนั้น

การเล่นเกม
ถือสำรับไพ่คว่ำหน้าไว้ในมือ โดยมีไพ่แจ็คหงายหน้าอยู่ด้านหลัง พลิกไพ่สี่ใบบนสุดและคลี่ออกเพื่อให้คุณเห็นไพ่ทั้งหมด ไพ่เหล่านี้จะก่อร่างเป็น "ทิวทัศน์" ปัจจุบันของคุณ หากระหว่างการเล่นทิวทัศน์ของคุณมีไพ่น้อยกว่าสี่ใบ ให้เติมไพ่จากด้านหน้าสำรับเข้าไปแทน

คุณสามารถ "ทิ้ง" ไพ่ใบใดก็ได้จากทิวทัศน์ของคุณได้ตลอดเวลา และคุณสามารถดูไพ่ที่คุณ "เก็บ" ไว้หลังไพ่แจ็คได้ตลอดเช่นกัน ไพ่เหล่านี้จะหาง่ายเพราะจะหงายหน้าอยู่รวมกัน ในขณะที่ไพ่ที่เหลือในสำรับจะคว่ำหน้าอยู่

ดูรายการท้ายบทความเพื่อความหมายเชิงบรรยายที่มากขึ้นของไพ่ทั้ง 54 ใบ

ไพ่เอซ (Ace): หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์ของคุณเป็น "แหล่งสมบัติ" (ไพ่เอซ) และคุณได้ "เก็บ" ทั้ง "แผนที่" (ไพ่ 6) และ "กุญแจ" (ไพ่ 2) ที่ตรงกับดอกของไพ่เอซนั้น คุณสามารถเก็บสมบัติได้ จากนั้นคุณจะต้องทิ้งทั้งแผนที่และกุญแจ หากคุณมีไพ่ควีนดอกเดียวกันอยู่ในทิวทัศน์ เธอสามารถทำหน้าที่เป็นแผนที่ได้ หากคุณมีไพ่คิงดอกเดียวกันอยู่ในทิวทัศน์ เขาอาจทำหน้าที่เป็นกุญแจได้ ไพ่คิงและควีนจะไม่มีการเก็บ แต่จะต้องถูกทิ้งหลังจากที่ถูกใช้งาน

หมายเหตุ: หากคุณมีทั้งแผนที่หรือกุญแจ หรือทั้งสองอย่างอยู่ในทิวทัศน์พร้อมกับแหล่งสมบัติ คุณสามารถเก็บพวกมันก่อน แล้วจึงใช้เพื่อรับสมบัติได้ ไม่จำเป็นว่าไพ่เหล่านั้นต้องถูกเก็บมาตั้งแต่ทิวทัศน์ก่อนหน้า

ไพ่ 2: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์ของคุณเป็น "กุญแจ" (ไพ่ 2) ให้ "เก็บ" มัน (ไว้หลังไพ่แจ็คที่ตรงกับดอกนั้น)

ไพ่ 3: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "เส้นทางตรง" (ไพ่ 3) ให้ตรวจสอบว่าไพ่แจ็คใบใดอยู่บนสุด นั่นคือภูมิประเทศที่คุณกำลังเดินทางอยู่ หากเส้นทางตรงนั้นตรงกับดอกของไพ่แจ็ค คุณสามารถทิ้งมันได้ และจั่วไพ่เพิ่มเพื่อให้ทิวทัศน์ของคุณมี 6 ใบ *สำหรับเกมที่เล่นง่ายขึ้น ให้ใช้เส้นทางตรงได้ไม่ว่าไพ่จะตรงกับดอกของไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดหรือไม่ก็ตาม

หากไพ่ 3 และไพ่แจ็คไม่ตรงดอกกัน แต่คุณมี "ทางแยก" (ไพ่ 5) ที่มีดอกเดียวกันกับไพ่ 3 หรือไพ่แจ็ค คุณก็สามารถใช้เส้นทางตรงได้ จากนั้นคุณจะต้องทิ้งทั้งไพ่ 5 และไพ่ 3

คุณสามารถใช้ไพ่ใดก็ได้ในทิวทัศน์ที่ขยายออกไปของคุณ แต่จะไม่สามารถจั่วไพ่เพิ่มจากสำรับได้อีก จนกว่าทิวทัศน์ของคุณจะกลับมามีไพ่น้อยกว่า 4 ใบ

ข้อยกเว้น: หากคุณมีไพ่มากกว่าหนึ่งใบที่ช่วยให้คุณขยายทิวทัศน์ได้ คุณสามารถเก็บอีกใบไว้ในทิวทัศน์และใช้มันในภายหลังได้ เมื่อทิวทัศน์กลับมามี 6 ใบหรือน้อยกว่า

ไพ่ 4: หากไพ่ใดในทิวทัศน์เป็นที่ที่คุณพบ "พาหนะ" (ไพ่ 4) และคุณได้เก็บไพ่เอซดอกใดก็ได้ไว้ และดอกของไพ่ 4 ตรงกับไพ่แจ็คที่อยู่บนสุด คุณสามารถทิ้งไพ่พาหนะนั้นและจั่วไพ่เพิ่มเพื่อให้ทิวทัศน์ของคุณมี 6 ใบ คุณ ไม่จำเป็น ต้องทิ้งไพ่เอซ (คุณใช้จ่ายสมบัติไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) *สำหรับเกมที่เล่นง่ายขึ้น ให้ใช้พาหนะได้ไม่ว่าไพ่จะตรงกับดอกของไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดหรือไม่ก็ตาม

หากไพ่ 4 และไพ่แจ็คไม่ตรงดอกกัน แต่คุณมี "ทางแยก" (ไพ่ 5) ที่มีดอกเดียวกันกับไพ่ 4 หรือไพ่แจ็ค คุณก็สามารถใช้พาหนะได้ จากนั้นคุณจะต้องทิ้งทั้งไพ่ 5 และไพ่ 4 คุณสามารถใช้ไพ่ใดก็ได้ในทิวทัศน์ที่ขยายออกไปของคุณ แต่จะไม่สามารถจั่วไพ่เพิ่มจากสำรับได้อีก จนกว่าทิวทัศน์ของคุณจะกลับมามีไพ่น้อยกว่า 4 ใบ

ข้อยกเว้น: หากคุณมีไพ่มากกว่าหนึ่งใบที่ช่วยให้คุณขยายทิวทัศน์ได้ คุณสามารถเก็บอีกใบไว้ในทิวทัศน์และใช้มันในภายหลังได้ เมื่อทิวทัศน์กลับมามี 6 ใบหรือน้อยกว่า

หากคุณมีทั้งเส้นทางตรง (ไพ่ 3) และพาหนะ (ไพ่ 4) ที่มีดอกเดียวกันกับไพ่แจ็คที่อยู่บนสุด (และมีไพ่เอซดอกใดก็ได้เพื่อใช้จ่ายสำหรับพาหนะ) คุณสามารถทิ้งไพ่ทั้งสองใบและเพิ่มทิวทัศน์ของคุณเป็นแปดใบ โดยใช้กฎเดียวกันกับที่กล่าวไว้ข้างต้น

ไพ่ 5: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "ทางแยก" (ไพ่ 5) คุณได้มาถึงสถานที่ที่อยู่ติดกับภูมิประเทศหลายแห่ง หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ไพ่สองใบที่มีดอกเดียวกัน คุณสามารถละเว้นข้อกำหนดนั้นได้ ตราบใดที่ไพ่ใบหนึ่งมีดอกเดียวกับทางแยก ไพ่ทางแยกจะต้องถูกทิ้งทันทีที่การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์

ไพ่ 6: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "โรงแรม" (ไพ่ 6) และคุณได้ "เก็บ" "กุญแจ" (ไพ่ 2) ที่มีดอกเดียวกันไว้ คุณจะพบ "แผนที่" ในโรงแรมและสามารถเก็บไพ่นั้น (ไพ่ 6) ได้ หากคุณไม่ได้เก็บกุญแจไว้ แต่มีไพ่คิงดอกเดียวกันอยู่ในทิวทัศน์ เขาจะช่วยปลดล็อกแผนที่ให้คุณได้ ทิ้งไพ่คิงนั้น

ไพ่ 7: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "สถานที่วิเศษ" (ไพ่ 7) และคุณมี "แผนที่" (ไพ่ 6) ของดอกนั้น คุณจะพบ "อุปกรณ์บิน" (ไพ่ 7) คุณสามารถทิ้งไพ่อุปกรณ์บินนั้นและจั่วไพ่เพิ่มเพื่อให้ทิวทัศน์ของคุณมี 10 ใบ คุณ ไม่จำเป็น ต้องทิ้งแผนที่ คุณสามารถใช้ไพ่ใดก็ได้ในทิวทัศน์ที่ขยายออกไปของคุณ แต่จะไม่อนุญาตให้จั่วไพ่เพิ่มจากสำรับอีก จนกว่าทิวทัศน์ของคุณจะกลับมามีไพ่น้อยกว่า 4 ใบ (หรือ 6 ใบหากคุณมีเส้นทางตรงหรือพาหนะและใช้มันเพื่อขยายทิวทัศน์อีกครั้ง) หากคุณไม่มีแผนที่ แต่มีไพ่ควีนดอกนั้นอยู่ในทิวทัศน์ เธอจะช่วยหาอุปกรณ์บินให้คุณได้ ทิ้งไพ่ควีนนั้น

หากคุณได้เก็บไพ่ 9 ไว้ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถขยายทิวทัศน์ได้อย่างถาวร และมีไพ่ 7 อยู่ในทิวทัศน์ คุณสามารถเก็บไพ่ 7 นั้นได้

ไพ่ 8: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "ร้านหนังสือ" (ไพ่ 8) และคุณมี "แหล่งสมบัติ" (ไพ่เอซ) และ "แผนที่" (ไพ่ 6) ที่มีดอกเดียวกัน คุณสามารถซื้อ "หนังสือเวทมนตร์" (ไพ่ 8) ได้ เก็บไพ่หนังสือ (ไพ่ 8) และทิ้งไพ่เอซและแผนที่ (ไพ่ 6) *สำหรับเกมที่เล่นง่ายขึ้น ให้ใช้ไพ่เอซดอกใดก็ได้ไม่ว่ามันจะตรงดอกหรือไม่ก็ตาม *สำหรับเกมที่ยากขึ้น ให้เก็บไพ่ 8 ทั้งสี่ใบให้ครบเพื่อทำหนังสือเวทมนตร์ให้สมบูรณ์ก่อนจะนำไปใช้

ไพ่ 9: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "หอคอย" (ไพ่ 9) และคุณได้เก็บ "กุญแจ" (ไพ่ 2) และ "หนังสือ" (ไพ่ 8) ไว้ รวมถึงมีไพ่ควีนอยู่ในทิวทัศน์ โดยทั้งหมดเป็นดอกเดียวกัน คุณอาจพบและใช้ "เครื่องมือทำนาย" (ไพ่ 9) เก็บเครื่องมือทำนาย (ไพ่ 9) และทิ้งไพ่ควีนและกุญแจ เครื่องมือทำนายจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มทิวทัศน์ของคุณเป็น 10 ใบได้อย่างถาวร หากคุณมีไพ่คิงอยู่ในทิวทัศน์ เขาอาจทำหน้าที่เป็นกุญแจได้

เมื่อคุณได้เก็บไพ่ 9 ไว้ หาก "อุปกรณ์บิน" (ไพ่ 7) ดอกเดียวกันปรากฏในทิวทัศน์ของคุณ คุณก็สามารถเก็บไพ่ 7 นั้นได้ ในแง่ของเรื่องราว นี่จะช่วยให้คุณไม่เพียงแค่มองเห็นในระยะไกล แต่ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ที่คุณเห็นได้อีกด้วย

ไพ่ 10: หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็น "บ้าน" (ไพ่ 10) และคุณมี "อุปกรณ์บิน" (ไพ่ 7), "หนังสือเวทมนตร์" (ไพ่ 8), และ "เครื่องมือทำนาย" (ไพ่ 9) ที่มีดอกเดียวกัน รวมถึงไพ่เอซดอกใดก็ได้ แสดงว่าคุณได้พบบ้านของคุณแล้ว และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป

ไพ่ควีน (Queen): หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็นไพ่ควีน เธอคือ "ผู้นำทาง" ที่สามารถมอบ "แผนที่" ให้คุณได้ ขณะที่เธออยู่ในทิวทัศน์ของคุณ คุณสามารถใช้เธอเป็นแผนที่สำหรับสิ่งของในดอกของเธอได้ แต่เธอไม่สามารถเก็บไว้ได้และจะต้องถูกทิ้งหลังจากใช้

ไพ่คิง (King): หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็นไพ่คิง เขาคือ "ผู้นำทาง" ที่สามารถมอบ "กุญแจ" ให้คุณได้ ขณะที่เขาอยู่ในทิวทัศน์ของคุณ คุณสามารถใช้เขาเป็นกุญแจสำหรับสิ่งของในดอกของเขาได้ แต่เขาไม่สามารถเก็บไว้ได้และจะต้องถูกทิ้งหลังจากใช้

ไพ่โจ๊กเกอร์ (Joker): หากไพ่ใบใดในทิวทัศน์เป็นไพ่โจ๊กเกอร์ พวกมันจะทำให้คุณเสียสมาธิไปกับความสนุกสนาน และคุณจะต้องทิ้งไพ่ทั้งสี่ใบในทิวทัศน์ของคุณ และจั่วไพ่ใหม่ หากทิวทัศน์มีไพ่มากกว่าสี่ใบ คุณต้องทิ้งไพ่โจ๊กเกอร์และไพ่อีกสามใบที่คุณเลือก หากการทำเช่นนี้ทำให้ทิวทัศน์ของคุณมีไพ่น้อยกว่าสี่ใบ ให้จั่วไพ่เพิ่มกลับมาเป็นสี่ใบตามปกติ

หากทิวทัศน์ของคุณมีไพ่โจ๊กเกอร์สองใบ คุณต้องทิ้งไพ่ทั้งหมดในทิวทัศน์ของคุณไม่ว่าจะมีกี่ใบก็ตาม และจั่วไพ่เพิ่มอีกสี่ใบ

ไพ่แจ็ค (Jack): เมื่อคุณเจอไพ่แจ็ค ให้ทิ้ง "กุญแจ" (ไพ่ 2) และ "แผนที่" (ไพ่ 6) ที่เก็บไว้ด้านหลังไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดโดยตรง แต่ให้เก็บสิ่งของอื่น ๆ ที่เก็บไว้ทั้งหมด เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ให้แยกทิวทัศน์ของคุณออกไป และแยกไพ่แจ็คกับสิ่งของที่เก็บไว้ หลังจากนั้นสับไพ่ที่คว่ำหน้าอยู่ (ทางเลือกเสริม: ไม่ต้องสับ)

ย้ายไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดพร้อมกับสิ่งของที่เก็บไว้ไปไว้ด้านหลังสุดของไพ่แจ็คใบอื่น ๆ และสิ่งของของมัน โดยวางไพ่แจ็คและสิ่งของที่เก็บไว้ที่เหลือทับลงไป วางไพ่ที่คว่ำหน้าอยู่ทับลงไปบนพวกมัน จากนั้นจึงวางไพ่ในทิวทัศน์หงายหน้าทับไว้บนสุดของสำรับ

เมื่อคุณเจอไพ่แจ็คโพธิ์ดำ แสดงว่าคุณได้เดินทางจากท้องทะเลสู่ภูเขา และการเดินทางของคุณได้สิ้นสุดลงแล้ว (คุณสามารถเลือกจัดเรียงไพ่แจ็คในลำดับที่แตกต่างออกไปตั้งแต่ตอนเริ่มต้นได้ หากคุณต้องการเดินทางในลำดับที่ต่างกัน)

ความหมายของไพ่ตามภูมิประเทศ
โพธิ์แดง (มหาสมุทร, แม่น้ำ)
  • Ace: แหล่งเก็บไข่มุก
  • 2: พบกุญแจไข่มุกในบ่อ หรือแหล่งน้ำขึ้นน้ำลง
  • 3: สะพาน, คลอง หรือแม่น้ำ
  • 4: จ่ายค่าโดยสารบนเรือขนาดเล็กหรือเรือใหญ่
  • 5: ท่าเรือหรือแม่น้ำ
  • 6: โรงแรมบนเกาะ; ถ้ามีกุญแจ, พบแผนที่
  • 7: ถ้ามีแผนที่, พบพรมวิเศษบนเกาะร้าง
  • 8: ร้านหนังสือในเมืองบนเกาะ; ถ้ามีไข่มุกและแผนที่, คุณสามารถซื้อหนังสือเวทมนตร์ได้
  • 9: หอคอยบนเกาะ; ถ้ามีกุญแจไข่มุก, หนังสือเวทมนตร์ และการชี้นำจากสตรีผู้ชาญฉลาด, คุณอาจใช้ชามทำนายเพื่อมองเห็นในระยะไกลได้
  • 10: คฤหาสน์และบ้านขนาดใหญ่บนเกาะ
  • Jack: ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลนี้ช่วยให้คุณติดตามเวลาและสิ่งของ
  • Queen: ผู้นำทางแห่งท้องทะเลนี้สามารถช่วยให้คุณพบสมบัติ
  • King: ผู้นำทางแห่งท้องทะเลนี้สามารถช่วยให้คุณปลดล็อกสมบัติ
  • Joker: เพื่อนร่วมทางผู้รักความสนุกสนานนี้ ทำให้คุณเสียสมาธิจากเส้นทางที่คุณกำลังจะไป

ข้าวหลามตัด (ที่ราบ)
  • Ace: แหล่งเก็บเพชร
  • 2: พบกุญแจเพชรในทุ่งหญ้า
  • 3: ถนนที่ทอดผ่านทุ่งหญ้าหรือที่ราบ
  • 4: จ่ายค่าโดยสารในรถม้า
  • 5: ทางแยกบนที่ราบสูง
  • 6: โรงแรมหินเก่าแก่; ถ้ามีกุญแจ, พบแผนที่
  • 7: ถ้ามีแผนที่, พบเครื่องบินวิเศษในฟาร์มร้าง
  • 8: ร้านหนังสือในเมืองบนที่ราบ; ถ้ามีเพชรและแผนที่, คุณสามารถซื้อหนังสือเวทมนตร์ได้
  • 9: หอคอยบนที่ราบสูง; ถ้ามีกุญแจเพชร, หนังสือเวทมนตร์ และการชี้นำจากสตรีผู้ชาญฉลาด, คุณอาจใช้ลูกแก้วคริสตัลเพื่อมองเห็นในระยะไกลได้
  • 10: คฤหาสน์และบ้านขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยทุ่งหญ้า
  • Jack: ผู้พิทักษ์แห่งทุ่งหญ้านี้ช่วยให้คุณติดตามเวลาและสิ่งของ
  • Queen: ผู้นำทางแห่งทุ่งหญ้านี้สามารถช่วยให้คุณพบสมบัติ
  • King: ผู้นำทางแห่งทุ่งหญ้านี้สามารถช่วยให้คุณปลดล็อกสมบัติ
  • Joker: เพื่อนร่วมทางผู้รักความสนุกสนานนี้ ทำให้คุณเสียสมาธิจากเส้นทางที่คุณกำลังจะไป

ดอกจิก (ป่า)
  • Ace: แหล่งเก็บมรกต
  • 2: พบกุญแจมรกตในโพรงไม้
  • 3: ถนนที่ตัดผ่านป่า
  • 4: จ่ายค่าโดยสารในรถโค้ช
  • 5: ทางแยกในป่า
  • 6: โรงแรมที่ทำจากไม้ซุง; ถ้ามีกุญแจ, พบแผนที่
  • 7: ถ้ามีแผนที่, พบขวดผงนางฟ้าที่ทำให้คุณบินได้ ซ่อนอยู่ในโพรงไม้
  • 8: ร้านหนังสือในเมืองกลางป่า; ถ้ามีมรกตและแผนที่, คุณสามารถซื้อหนังสือเวทมนตร์ได้
  • 9: หอคอยในป่า; ถ้ามีกุญแจมรกต, หนังสือเวทมนตร์ และการชี้นำจากสตรีผู้ชาญฉลาด, คุณอาจใช้กระจกวิเศษเพื่อมองเห็นในระยะไกลได้
  • 10: คฤหาสน์และบ้านขนาดใหญ่ในป่า
  • Jack: ผู้พิทักษ์แห่งป่านี้ช่วยให้คุณติดตามเวลาและสิ่งของ
  • Queen: ผู้นำทางแห่งป่านี้สามารถช่วยให้คุณพบสมบัติ
  • King: ผู้นำทางแห่งป่านี้สามารถช่วยให้คุณปลดล็อกสมบัติ
  • Joker: เพื่อนร่วมทางผู้รักความสนุกสนานนี้ ทำให้คุณเสียสมาธิจากเส้นทางที่คุณกำลังจะไป

โพธิ์ดำ (ภูเขา)
  • Ace: แหล่งเก็บทองคำ
  • 2: พบกุญแจทองคำในถ้ำ
  • 3: ถนนที่ตัดผ่านช่องเขา
  • 4: จ่ายค่าโดยสารบนหลังม้า
  • 5: ทางแยกบนภูเขา
  • 6: โรงแรมบนเทือกเขาแอลป์; ถ้ามีกุญแจ, พบแผนที่
  • 7: ถ้ามีแผนที่, พบม้าบินในทุ่งหญ้าบนภูเขาที่ซ่อนอยู่
  • 8: ร้านหนังสือในเมืองบนเกาะ; ถ้ามีทองคำและแผนที่, คุณสามารถซื้อหนังสือเวทมนตร์ได้
  • 9: หอคอยบนภูเขา; ถ้ามีกุญแจทองคำ, หนังสือเวทมนตร์ และการชี้นำจากสตรีผู้ชาญฉลาด, คุณอาจใช้ลูกแก้วคริสตัลเพื่อมองเห็นในระยะไกลได้
  • 10: คฤหาสน์และบ้านขนาดใหญ่ในภูเขา
  • Jack: ผู้พิทักษ์แห่งเทือกเขาแอลป์นี้ช่วยให้คุณติดตามเวลาและสิ่งของ
  • Queen: ผู้นำทางแห่งเทือกเขาแอลป์นี้สามารถช่วยให้คุณพบสมบัติ
  • King: ผู้นำทางแห่งเทือกเขาแอลป์นี้สามารถช่วยให้คุณปลดล็อกสมบัติ
  • Joker: เพื่อนร่วมทางผู้รักความสนุกสนานนี้ ทำให้คุณเสียสมาธิจากเส้นทางที่คุณกำลังจะไป

รายการสรุปแบบย่อ
  • หากคุณมีไพ่กุญแจ (2)
    • คุณสามารถ เก็บไพ่กุญแจ (2) ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่กุญแจ (2)
  • หากคุณมีไพ่กุญแจ (2) และแผนที่ (6) ดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ เก็บไพ่แผนที่ (6) ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่กุญแจและแผนที่
  • หากไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดมีดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ ใช้ไพ่เส้นทางตรง (3) ได้
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่เส้นทางตรง
  • หากไพ่แจ็คที่อยู่บนสุดมีดอกเดียวกันและคุณมีสมบัติ (Ace) ดอกใดก็ได้
    • คุณสามารถ ใช้ไพ่พาหนะ (4) ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่สมบัติ
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่พาหนะ
  • หากคุณมีไพ่กุญแจ (2) และแผนที่ (6) ดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ เก็บไพ่สมบัติ (Ace) ดอกนั้น ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่สมบัติ
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่กุญแจและแผนที่
  • หากคุณมีไพ่แผนที่ (6) ดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ ใช้ไพ่ของวิเศษที่ทำให้บินได้ (7) ดอกนั้น ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่แผนที่
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่ของวิเศษที่ทำให้บินได้
  • หากคุณมีไพ่สมบัติ (Ace) และแผนที่ (6) ดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ เก็บไพ่หนังสือเวทมนตร์ (8) ดอกนั้น ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่หนังสือ
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่สมบัติและแผนที่
  • หากคุณมีไพ่หนังสือ (8), กุญแจ (2), และควีน ดอกเดียวกัน
    • คุณสามารถ เก็บไพ่เครื่องมือทำนาย (9) ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่หนังสือและเครื่องมือทำนาย
    • สิ่งที่ทิ้ง: ไพ่กุญแจและควีน
  • หากคุณมีไพ่เครื่องมือทำนาย (9)
    • คุณสามารถ เก็บไพ่ของวิเศษที่ทำให้บินได้ (7) ดอกเดียวกัน ได้
    • สิ่งที่คงไว้: ไพ่เครื่องมือทำนายและของวิเศษที่ทำให้บินได้
  • หากคุณมีไพ่ของวิเศษที่ทำให้บินได้ (7), หนังสือ (8), และเครื่องมือทำนาย (9) ดอกเดียวกัน, รวมถึงสมบัติ (Ace) ดอกใดก็ได้
    • คุณได้ พบบ้านในฝัน (10) ในดอกนั้น และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป

ข้อควรจำ ไพ่ทางแยก (5) ช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่สองใบที่ต้องมีดอกเดียวกัน ขอเพียงแค่ไพ่หนึ่งในสองใบนั้นมีดอกเดียวกับไพ่ทางแยก ไพ่ควีน (Queen) สามารถทำหน้าที่เป็น แผนที่ ดอกเดียวกันได้
ไพ่คิง (King) สามารถทำหน้าที่เป็น กุญแจ ดอกเดียวกันได้
ไพ่ควีนและคิง ไม่สามารถเก็บได้ ต้องใช้จากทิวทัศน์และทิ้งหลังจากใช้แล้ว

[แปลจาก]--เวอร์ชัน 5 ปรับปรุงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2018



ลองดูเกมไพ่อื่นๆได้ใน ไพ่เล่นเกมอะไรได้บ้าง?

อ้างอิง

09 กันยายน 2568

บทสวดพาหุง ชัยมงคลคาถา พาหุงมหากา - คำแปลและการตีความเพื่อการปรับใช้ในชีวิตประจำวัน


คำแปลบทสวดพาหุง
พาหุงมหากา หรือ พุทธชัยมงคลคาถา

  1. พระยามารผู้นิรมิตแขนได้ตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างชื่อ ครีเมขละ พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องมา องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะมารได้ ด้วยทานบารมี ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  2. อาฬะวกะยักษ์ผู้มีจิตกระด้าง ปราศจากความยับยั้ง มีฤทธิ์ใหญ่ยิ่งกว่าพระยามาร เข้ามาประทุษร้ายอยู่ตลอดรุ่ง องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยขันติบารมี ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  3. ช้างตัวประเสริฐ ชื่อนาฬาคีรี เป็นช้างเมามัน โหดร้ายเหมือนไฟไหม้ป่า มีกำลังเหมือนจักราวุธ และสายฟ้า องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยพระเมตตาบารมี ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  4. โจร ชื่อ องคุลีมาล มีฝีมือเก่งกล้า ถือดาบเงื้อวิ่งไล่พระองค์ไปตลอดทาง ๓ โยชน์ องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยการกระทำปาฏิหาริย์ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  5. นางจิญจมาณวิกาใช้ไม้มีสัณฐานกลมใส่ที่ท้อง ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพื่อกล่าวร้ายพระพุทธเจ้า องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยวิธีสงบ ระงับพระทัยในท่ามกลางหมู่คน ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  6. สัจจะกะนิครนถ์ ผู้มีนิสัยละทิ้งความสัตย์ใฝ่ใจจะยกย่องถ้อยคำของตนให้สูงประหนึ่งว่ายกธงเป็นผู้มืดมัวเมา องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ ด้วยรู้นิสัยแล้วตรัสเทศนา ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  7. องค์พระจอมมุนี ได้โปรดให้พระโมคคัลลาน์เถระ นิรมิตกายเป็นนาคราช ไปทรมานพระยานาคชื่อ นันโทปนันทะ ผู้มีฤทธิ์มากให้พ่ายแพ้ด้วยวิธีอันเป็นอุปเท่ห์แห่งฤทธิ์ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา
  8. พรหม ผู้มีนามว่า ท้าวผกา มีฤทธิ์และสำคัญตน ว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ ด้วยเดชะอันนี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่เรา

ขอบคุณคำแปลจาก https://84000.org/pray/puttakun.shtml


การตีความเพื่อการปรับใช้บทสวดพาหุงในชีวิตประจำวัน
  1. ชนะมาร (ความกลัว และความไม่มั่นใจ) ด้วยทาน และการระลึกถึงสิ่งดีๆ หรือความสำเร็จที่เคยทำมา
  2. ชนะยักษ์ ​(ความโกรธ) ด้วยขันติ หรือการอดทนอย่างมีกลยุทธ
  3. ชนะสัตว์​ร้าย (ความเดือดดาลขาดสติ) ด้วยความเมตตาเชิกรุก
  4. ชนะโจร​ร้าย (นิสัยที่ไม่ดีและพฤติกรรมเสพติด) ด้วยการรู้เท่าทัน และหยุดยั้งพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดี
  5. ชนะคนว่าร้าย (การใส่ร้าย และคำวิจารณ์) ด้วยความสงบนิ่งอย่างมั่นคง และเจรจาอย่างสันติ
  6. ชนะคนอวดรู้​ (การโต้เถียง และความเย่อหยิ่งทางปัญญา) ด้วยเหตุผล และความรู้ความรอบครอบ
  7. ชนะอันธพาล (ปัญหาที่เกินความสามารถ) ด้วยการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ
  8. ชนะความเห็นผิด (กรอบความคิดที่จำกัดตัวเอง) ด้วยการพัฒนาตนเอง และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

อ้างอิง

สมาธิเต๋า - เน่ยตัน (內丹) การหลอมโอสถอายุวัฒนะภายใน


กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา - แปล

ฟ้าเบื้องบนไม่มีเทพเซียนที่ไร้คุณธรรม.
ก่อนบำเพ็ญวิถีเซียน, บำเพ็ญวิถีมนุษย์ให้ได้เสียก่อน.
คุณธรรม(เต๋อ)คือรากฐานแห่งวิถี(เต๋า).

เฉินจื้อซวีในยุคราชวงศ์หยวนได้กล่าวไว้ในคัมภีร์จินตันต้าเหยา (แก่นแท้แห่งโอสถทองคำ) ม้วนสี่ว่า: "ทั้งหมดนี้ล้วนไม่พ้นสามสิ่ง เสิน (神), ชี่ (氣) และ จิง (精), เมื่อสามสิ่งนี้มีปฏิสัมพันธ์กัน, หากไหลตามปกติก็จะกลายเป็นคน, หากย้อนกลับก็จะก่อเกิดโอสถอายุวัฒนะ. อะไรคือไหลตามปกติ? หนึ่งเกิดสอง, สองเกิดสาม, สามเกิดสรรพสิ่ง, ดังนั้นความว่าง (虛) จึงแปรเป็นเสิน, เสินแปรเป็นชี่, ชี่แปรเป็นจิง, จิงแปรเป็นรูป, รูปก็กลายเป็นคน. อะไรคือย้อนกลับ? สรรพสิ่งล้วนมีสาม, สามกลับคืนสอง, สองกลับคืนหนึ่ง, ผู้ที่รู้วิถีนี้จะสงบเสินรักษารูป, หล่อเลี้ยงรูปเพื่อกลั่นจิง, สะสมจิงเพื่อแปรเป็นชี่, หลอมชี่เพื่อรวมกับเสิน, กลั่นเสินกลับสู่ความว่าง, โอสถทองคำก็สำเร็จ"


เน่ยตัน (內丹) การหลอมโอสถอายุวัฒนะภายใน
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา - แปล
*หากผิดพลาดขาดตกบกพร่องประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

หลอมจิงแปรเป็นชี่ (煉精化氣)

ลัทธิเต๋าเชื่อในการยืดอายุและบรรลุเป็นเซียน โดยใช้การฝึกฝน จิง (精), ชี่ (氣), และ เสิน (神) เป็นพื้นฐาน ในมุมมองของนักพรตเต๋า ในช่วงแรกเริ่มของมนุษย์ จิง, ชี่, และ เสิน เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ดังนั้นสภาวะของทารกจึงถือเป็นอุดมคติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทำให้ จิง, ชี่, และ เสิน แยกออกจากกันเป็นสามส่วน และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายก็จะนำไปสู่ความตาย เพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบดังกล่าว นักพรตเต๋าจึงคิดถึงการย้อนกลับของกาลเวลา ในแง่ของการบำเพ็ญตน นั่นคือการ "กลับคืนสู่" สภาวะทารก แล้วจะ "กลับคืน" ได้อย่างไร? นั่นคือการนำ จิง, ชี่, และ เสิน ที่แยกจากกันกลับมารวมกันใหม่ ขั้นตอนแรกของการรวมกันคือ "หลอมจิงแปรเป็นชี่" ซึ่งหมายถึง "รวมสามให้เป็นสอง" (收三歸二) โดย "สาม" ในที่นี้คือ จิง, ชี่, และเสิน ส่วน "สอง" คือ ชี่ กับ เสิน เมื่อ "จิง" ถูกหลอมกลายเป็นชี่แล้ว "จิง" ก็จะไร้รูป คงเหลือเพียง "ชี่" และ "เสิน" ตามปกติแล้วการหลอมจิงให้เป็นชี่ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งร้อยวัน จึงเรียกว่า "ด่านร้อยวัน" (百日關) เนื่องจากเป็นขั้นตอนแรกในการฝึกฝนจิงชี่เสิน จึงเรียกว่า "ด่านแรก" (初關) ตามลำดับการฝึกฝน การหลอมจิงให้เป็นชี่ถือเป็นทักษะ "มีการกระทำ" (有為) คำว่า "มีการกระทำ" หมายถึงการต้องทำตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง โดยขั้นตอนเหล่านี้ได้แก่: เก็บสมุนไพร (採藥), ปิดผนึก (封固), กลั่นหลอม (烹煉), และ หยุดไฟ (止火) สี่ขั้นตอนใหญ่นี้เป็นการเปรียบเทียบกับการหลอมโอสถภายนอก (เว่ยตัน, 外丹) ความหมายโดยรวมคือการนั่งสมาธิ (靜坐) เพื่อให้หยวนชี่ (元氣) ที่มีมาแต่กำเนิดทำงานขึ้น จากนั้นส่งพลังงานนี้ไปเก็บไว้ที่ตันเถียนล่าง (下丹田) แล้วใช้เจตจำนง (意念) ของตนเองเฝ้ารับรู้ เพื่อกระตุ้นให้สารจิงกลายเป็นชี่ และหมุนเวียนไปตามเส้นลมปรานเญิ่น-ตู (壬督之脈) เมื่อเสินและชี่รวมตัวกัน ก็จำเป็นต้องหยุดไฟ นั่นคือการบรรลุผลของการหลอมจิงให้เป็นชี่

หลอมชี่แปรเป็นเสิน (煉氣化神)

เมื่อการฝึกฝน "ด่านแรก" หรือ "การหลอมจิงแปรเป็นชี่" บรรลุผลแล้ว ก็สามารถก้าวไปสู่การฝึกฝน "การหลอมชี่แปรเป็นเสิน" ได้ "การหลอมชี่แปรเป็นเสิน" จัดอยู่ใน "ด่านกลาง" (中關) ของ "การฝึกสามขั้น" (三步功) เนื่องจากต้องใช้เวลาถึงสิบเดือน จึงเรียกอีกอย่างว่า "ด่านสิบเดือน" (十月關) หากการหลอมจิงแปรเป็นชี่เป็นการเปิดทางให้หยวนชี่ (元氣) หมุนเวียนใน "เสี่ยวโจวเทียน" (小周天) (เส้นลมปราณเญิ่น-ตู) แล้ว การหลอมชี่แปรเป็นเสินก็เป็นการฝึกฝนแบบ "ต้าโจวเทียน" (大周天) คำว่า "ต้าโจวเทียน" หมายถึงการที่หยวนชี่หมุนเวียนไปทั่วทั้งสิบสองเส้นลมปราณ ไม่จำกัดอยู่แค่เส้นลมปรานเญิ่น-ตูอีกต่อไป เมื่อเทียบกับการหลอมจิงแปรเป็นชี่ที่เป็นการ "รวมสามให้เป็นสอง" (收三歸二) แล้ว "การหลอมชี่แปรเป็นเสิน" คือกระบวนการ "รวมสองให้เป็นหนึ่ง" (由二歸一) ซึ่งก็คือการหลอมรวม "ชี่" และ "เสิน" เข้าด้วยกัน นักพรตเต๋าเรียกผลลัพธ์ของการรวม "เสิน" กับ "ชี่" เป็นหนึ่งเดียวว่า "ครรภ์ศักดิ์สิทธิ์" (聖胎) และหากใช้คำศัพท์จากวิชาหลอมโอสถภายนอกก็จะเรียกว่า "โอสถใหญ่ประสูติ" (大藥產) นี่คือช่วงเปลี่ยนผ่านจากวิธี "มีการกระทำ" (有為) ไปสู่วิธี "ไร้การกระทำ" (無為) โดยใช้ตันเถียนล่าง (下丹田) เป็นเตา และใช้หวงถิง (黃庭 หรือตันเถียนกลาง) เป็นหม้อหลอม ให้หยวนชี่ควบแน่นกันอยู่ที่ตันเถียนล่าง (หนึ่งชุ่นสามเฟินใต้สะดือ) และตันเถียนกลาง (ระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง) หมุนเวียนไปมา ฝึกบำรุงครรภ์เป็นเวลาสิบเดือน เพื่อให้บรรลุถึงการรวมกันอันมหัศจรรย์ของ "ฟ้ากับดิน" (乾坤交媾) โดยการเปิดและปิดหนึ่งครั้ง การหายใจเข้าและออกหนึ่งครั้ง ก็สามารถช่วงชิงการรังสรรค์ของฟ้าดิน และเป็นหนึ่งเดียวกับความลับสวรรค์แห่งหนึ่งปีได้แล้ว

หลอมเสินกลับสู่ความว่าง (ซวี) (煉神還虛)

เมื่อการฝึกฝน "ด่านกลาง" (中關) หรือ "การหลอมชี่แปรเป็นเสิน" (煉氣化神) บรรลุผลแล้ว ก็สามารถก้าวไปสู่การฝึกฝน "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" (煉神還虛) ได้ "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" จัดอยู่ใน "ด่านบน" (上關) ของ "การฝึกสามขั้น" (三步功) ตามธรรมเนียมโบราณ "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" ใช้เวลาฝึกฝนจนบรรลุผลเป็นเวลาเก้าปี จึงเรียกอีกชื่อว่า "ด่านเก้าปี" (九年關) ในทางปฏิบัติแล้ว "เก้าปี" ไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว แต่เป็นเพียงเวลาอ้างอิง ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น คุณสมบัติที่มีมาแต่กำเนิด, คโบราณวามเข้าใจส่วนบุคคล, และสภาพแวดล้อมภายนอกของผู้ฝึกฝน "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" คือขั้นตอนขั้นสูงของการฝึกฝนในวิชาหลอมโอสถภายใน และยังเป็นอุดมคติของสภาวะที่จิตวิญญาณหลุดพ้นอีกด้วย หาก "การหลอมจิงแปรเป็นชี่" คือการ "รวมสามให้เป็นสอง" และ "การหลอมชี่แปรเป็นเสิน" คือการ "รวมสองให้เป็นหนึ่ง" แล้ว "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" คือกระบวนการที่ปล่อยให้เสินก้าวไปสู่สภาวะความว่างอย่างถึงที่สุด ต่างจากการฝึกฝน "ด่านแรก" ที่เป็นแบบ "มีการกระทำ" (有為) และ "ด่านกลาง" ที่เป็นแบบ "กึ่งมีกึ่งไร้" (若有若無) การฝึกฝนใน "ด่านบน" เป็นทักษะแบบ "ไร้การกระทำ" (無為) โดยสมบูรณ์ คำว่า "ไร้การระทำ" คือสภาวะตามธรรมชาติของเต๋ามหามรรคา (大道) ซึ่งไม่อาจอธิบายด้วยคำพูดได้ นักพรตเต๋าจึงมักใช้สัญลักษณ์รูปวงกลม "O" เพื่อแสดงถึงสภาวะนี้ วงกลมนี้สื่อถึงทั้งสภาวะที่จิตวิญญาณก้าวไปสู่ความว่าง และยังสื่อถึงคุณสมบัติของการหมุนเวียนพลังภายในที่สมบูรณ์ "วงกลม" มาจากรูปลักษณ์ของพระจันทร์ ซึ่งเมื่อพระจันทร์เต็มดวงก็คือความสว่างอันยิ่งใหญ่ เป็นการรวมกันของสัญลักษณ์หยินหยางของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ส่วนสาเหตุที่ทักษะในระดับนี้ถูกเรียกว่า "ด่านเก้าปี" นั้น เป็นไปตามหลักการของการย้อนกลับจากสภาวะหลังกำเนิด (後天) ไปสู่สภาวะก่อนกำเนิด (先天) จากสภาวะหลังกำเนิดแล้วเป็นสภาวะก่อนกำเนิด ทำให้เกิดหยินหยางในกว้าขั่น (坎) และ หลี (離) ประสานกันแล้วกลายเป็นแก่นกว้าเชี๋ยน (乾) ซึ่งมีเลข "เก้า" เป็นเลขสูงสุดของหยาง เก้าเก้าจำนวนครบถ้วน (เมื่อหยางบรรลุถึงขีดสุดอย่างสมบูรณ์แล้ว) ก็จะกลายเป็นหยางบริสุทธิ์และมีอายุยืนยาว นี่คือเหตุผลที่หลี่ว์ต้งปิน (呂洞賓) ตั้งฉายาตัวเองว่า "บุตรแห่งหยางบริสุทธิ์" (純陽子) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของขอบเขตอันลึกซึ้งของการหลอมโอสถภายในในวิชา "การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง" นั่นเอง


หลอมความว่างรวมกับเต๋า (煉虛合道)

นี่คือวิชาขั้นสูงสุดของการฝึกฝนในวิชาหลอมโอสถภายในของลัทธิเต๋า การฝึกฝน "หลอมความว่างรวมกับเต๋า" ยังเป็นการแสดงออกถึงแนวคิดการคิดแบบย้อนกลับและการ "ทำลายความยึดติด" ของนักพรตเต๋าด้วย จากการหลอมจิงแปรเป็นชี่ไปสู่การหลอมชี่แปรเป็นเสิน และจากการหลอมชี่แปรเป็นเสินไปสู่การหลอมเสินกลับสู่ความว่าง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามแบบแผนการคิดแบบการฟื้นฟูแลหวนคืน ลัทธิเต๋าเชื่อว่า เมื่อเข้าสู่สภาวะความว่างเปล่าแล้ว หากยังคงมีความยึดติดในใจอยู่ ก็ยังไม่หลุดพ้นจากกฎของวิธี "มีการกระทำ" (有為) ควรทำลายความยึดติดในใจนั้นต่อไป แม้กระทั่งลืมสภาวะความว่างเปล่าจนไร้ร่องรอย จึงจะสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋ามหามรรคา (大道) ซึ่งเป็นรากฐานที่แท้จริงได้ในที่สุด นับตั้งแต่สำนักเต๋าสายจงหลี่ว์ (鍾呂道脈) ในสมัยราชวงศ์ถัง จนถึงนักหลอมโอสถเต๋าทุกคนในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ต่างก็ย้ำถึงแก่นสารของ "การหลอมความว่างรวมกับเต๋า" อย่างต่อเนื่อง หนึ่งใน "เจ็ดผู้บรรลุ" (七真) ของสำนักเฉวียนเจิน ชิวฉู่จี (丘處機) ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนในหนังสือต้าตันจื๋อจื่อ (大丹直指) และหลี่ว์เต้าฉุน (李道純) ได้เรียกสภาวะนี้ว่า "การทำลายความว่าง" (打破虛空) ที่เรียกว่า "ทำลายความว่าง" ก็คือการลืมความยึดติดในใจที่มีการกระทำทั้งหมด เพื่อให้ตัวตนก้าวข้ามทั้งวัตถุภายนอกและก้าวข้ามตัวตนของตนเองในที่สุด

แปลต้นฉบับจาก
https://kknews.cc/zh-mo/culture/9x9qvx8.html

07 กันยายน 2568

The Emerald Tablet - คัมภีร์มรกตของเฮอร์เมส แปลไทย


คัมภีร์มรกตของเฮอร์เมส เป็นจารึกขนาดสั้นที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้เป็นความลับจากผู้ที่เคยครอบครองมัน ทำให้มีคำเล่าลือกันว่าข้อความบนจารึกแห่งภูมิปัญญาแผ่นนี้เป็นจารึกแห่งความลับที่บันทึกกฏแห่งจักรวาล ซึ่งเขียนอยู่ในรูปแบบที่เปี่ยมไปด้วยความลึกลับและยากจะเข้าใจ แต่หากผู้ใดเข้าใจถึงวิธีการและนำมาปฏิบัติด้วยศรัทธาและปัญญา ผู้นั้นจะสามารถดึงดูดทุกสิ่งที่ปรารถนานามาสู่ตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งร่ำรวย ความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ และอื่นๆ ได้ทุกสิ่งตามแต่ปรารถนา

สำนักพิมพ์ Harirak Farm
เฮอร์เมส ทริสเมจิสทัส - เขียน
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา - แปล

อ่าน eBook คัมภีร์มรกตของเฮอร์เมส แปลไทย ฟรี ได้ที่ https://cutt.ly/jel9LFoJ

06 กันยายน 2568

เมอร์คาบาสมาธิ - การหายใจแบบทรงกลม 18 ครั้ง


เมอร์-คา-บาสมาธิ (Mer-Ka-Ba Meditation)

[Mer = แสง, Ka = จิตวิญญาณ (Spirit), Ba = ร่างกาย
Mer-Ka-Ba จึงหมายถึง จิตและกายที่ล้อมรอบด้วยแสง]

ในคำสอนเชิงลี้ลับยุคใหม่ มีการสอนว่าเมอร์คาบา (Merkaba; Merkabah) คือยานพาหนะข้ามมิติซึ่งประกอบด้วยพีระมิดฐานสามเหลี่ยม (tetrahedra) สองอันที่เชื่อมต่อกัน ณ จุดศูนย์กลาง มีขนาดเท่ากัน อันหนึ่งชี้ขึ้นและอีกอันชี้ลง รูปทรงที่มีสมมาตรแบบจุดนี้เรียกว่า สเตลลาออกแทงกูลา (stella octangula) หรือ สเตลเลตออกตาฮีดรอน (stellated octahedron) ซึ่งสามารถสร้างได้จากการขยายพื้นผิวของรูปทรงแปดหน้าปกติ (regular octahedron) จนกระทั่งพื้นผิวเหล่านั้นมาตัดกัน

ในหนังสือของเขา นักวิจัยและนักฟิสิกส์ชื่อ ดรันวาโล เมลคิเซเดค อธิบายรูปทรงนี้ว่าเป็น "เตตราฮีดรอนรูปดาว" (Star Tetrahedron) เนื่องจากมันสามารถมองได้ว่าเป็นดาวเดวิดในรูปแบบสามมิติ โดยการจินตนาการให้ "เตตราฮีดรอนรูปดาว" สองชุดซ้อนทับกันแล้วหมุนสวนทางกัน พร้อมกับเทคนิคการหายใจแบบ "ปราณ" ที่เฉพาะเจาะจง การเคลื่อนไหวของดวงตา และการใช้มุทรา (ท่ามือ) มีการสอนว่าหนึ่งในนั้นสามารถกระตุ้นสนามพลังงานรูปทรง "จานบิน" ที่มองไม่เห็นให้เกิดขึ้นรอบร่างกายมนุษย์ ซึ่งยึดอยู่กับที่ฐานกระดูกสันหลัง สนามพลังนี้มีขนาดประมาณ 55 ฟุตเมื่อวัดตามความสูงของผู้ฝึก เมื่อถูกกระตุ้นแล้ว สนามพลังรูปทรง "จานบิน" นี้จะสามารถพาจิตสำนึกของบุคคลนั้นเดินทางไปยังมิติที่สูงกว่าได้โดยตรง

สอนการหายใจแบบทรงกลม - การหายใจ 18 ครั้ง (The Teaching Of Spherical Breathing: Using 18 Breaths)

โดย ดรันวาโล เมลคิเซเดค (Drunvalo Melchizedek)
แปล กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
*ความเห็นเพิ่มเติมของผู้แปลจะอยู่ในวงเล็บเหลี่ยม [ ]
หากผิดพลาดขาดตกบกพร่องประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

มีการหายใจ 17+1 ครั้ง โดย 6 ครั้งแรกเพื่อสร้างสมดุลขั้วพลัง, 7 ครั้งถัดมาเพื่อการไหลเวียนของพลังปราณที่เหมาะสมทั่วร่างกาย การหายใจครั้งต่อไปคือการเปลี่ยนจิตสำนึกจากมิติที่ 3 ไปยังมิติที่ 4 และสุดท้ายการหายใจ 3 ครั้งสุดท้ายคือการสร้างเมอร์คาบาที่หมุนอยู่ภายในและรอบตัวขึ้นมา การหายใจครั้งสุดท้าย (ครั้งที่ 18) จะไม่มีการสอนในบทความนี้ ให้ปฏิบัติการทำสมาธินี้ทุกวัน วันละครั้ง จนกว่าจะถึงเวลาที่คุณสามารถหายใจได้อย่างมีสติ และจดจำถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกลมหายใจ

การหายใจครั้งที่ 1: หายใจเข้า

หัวใจ: เปิดหัวใจของคุณและรู้สึกถึงความรักต่อสรรพชีวิต หากทำไม่ได้ ให้เปิดรับความรักนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือคำแนะนำที่สำคัญที่สุด

จิต: รับรู้ถึงพีระมิดชาย (male tetrahedron) [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมปลายแหลมชี้ขึ้นบน] (ปลายแหลมชี้ขึ้นไปหาตะวัน, ปลายฐานด้านหนึ่งหันไปข้างหน้าสำหรับผู้ชาย, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหลังสำหรับผู้หญิง) ที่เต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ล้อมรอบร่างกายของคุณ จินตภาพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากจินตภาพไม่ได้ให้รับรู้หรือรู้สึกถึงมัน

ร่างกาย: ในขณะเดียวกันที่หายใจเข้า ให้วางมือในท่ามุทรา โดยให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้แตะกัน เบาๆ อย่าให้นิ้วที่เหลือแตะกันหรือแตะวัตถุอื่น ฝ่ามือหงายขึ้น

ลมหายใจ: ในขณะนี้ ให้เริ่มหายใจแบบโยคะ (yogic manner) อย่างสมบูรณ์โดยที่ปอดว่างเปล่า หายใจผ่านรูจมูกเท่านั้น เว้นแต่บางส่วนที่จะอธิบายต่อไป พูดง่ายๆคือหายใจจากท้องก่อน จากนั้นใช้กระบังลม และสุดท้ายคือหน้าอก ทำทั้งหมดในจังหวะเดียว ไม่แบ่งเป็นสามส่วน การหายใจออกทำโดยการเกร็งหน้าอกแล้วคลายท้องเพื่อปล่อยอากาศออกช้าๆ หรือเกร็งท้องแล้วคลายหน้าอก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหายใจต้องเป็นไปตามจังหวะ เริ่มจากใช้เวลา 7 วินาทีในการหายใจเข้าและ 7 วินาทีในการหายใจออก แต่เมื่อคุ้นเคยกับการทำสมาธินี้แล้ว ให้หาจังหวะของตัวเอง

การหายใจครั้งที่ 1: หายใจออก

หัวใจ: รัก

จิต: รับรู้ถึงพีระมิดหญิง (female tetrahedron) [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมปลายแหลมชี้ลงล่าง] (ปลายแหลมชี้ลงสู่พื้นโลก, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหลังสำหรับผู้ชาย, ปลายฐานหนึ่งหันไปข้างหน้าสำหรับผู้หญิง) ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์เช่นกัน

ร่างกาย: รักษาท่ามุทราเดิม

ลมหายใจ: อย่าลังเลที่จะเริ่มหายใจออกทันทีหลังจากหายใจเข้าจนสุด หายใจออกช้าๆ ประมาณ 7 วินาที ในแบบโยคะ เมื่ออากาศออกจากปอดจนหมดโดยไม่บังคับ ให้ผ่อนคลายหน้าอกและท้อง แล้ว กลั้นลมหายใจไว้ เมื่อรู้สึกอยากหายใจอีกครั้ง (ประมาณ 5 วินาที) แล้วให้ทำตามนี้:

จิต: รับรู้ถึงสามเหลี่ยมด้านเท่าแบนๆที่อยู่บนพีระมิดหญิงในแนวระนาบ [ฐานของพีระมิดฐานสามเหลี่ยม] ที่ผ่านหน้าอกของคุณที่กระดูกหน้าอก (sternum) ในพริบตาและด้วยพลังคล้ายชีพจร ให้ส่งระนาบสามเหลี่ยมนั้นลงไปตามพีระมิดหญิง มันจะเล็กลงเมื่อเคลื่อนที่ลงไป และจะผลักพลังงานลบทั้งหมดของท่ามุทราหรือวงจรไฟฟ้าออกไปทางปลายยอดของพีระมิด [ที่ชี้ลงดิน] จะมีแสงพุ่งออกจากปลายยอดนั้นไปยังใจกลางโลก การฝึกจิตนี้ทำไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของร่างกายดังต่อไปนี้:

ร่างกาย: กรอกตาเข้าหากันเล็กน้อย หรือพูดง่ายๆ คือเหล่ตาเล็กน้อย ตอนนี้ให้กรอกตาขึ้นไปด้านบนสุดของเบ้าตา หรือพูดง่ายๆ คือมองขึ้นไป การมองขึ้นไปนี้ไม่ควรทำอย่างรุนแรง คุณจะรู้สึกเสียวซ่าระหว่างดวงตาในบริเวณตาที่สามของคุณ ตอนนี้คุณสามารถมองลงไปยังจุดต่ำสุดที่คุณทำได้ อย่างรวดเร็วที่สุด คุณควรจะรู้สึกถึงความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแลบลงไปตามกระดูกสันหลัง จิตและร่างกายต้องประสานการฝึกจิตกับดวงตาเข้าด้วยกัน ดวงตามองลงจากตำแหน่งที่มองขึ้นไปในขณะที่จิตเห็นระนาบสามเหลี่ยมในแนวนอนของพีระมิดหญิงเคลื่อนที่ลงไปที่ยอดของพีระมิดหญิง การฝึกผสมนี้จะช่วยชำระล้างความคิดและความรู้สึกเชิงลบที่เข้ามาในระบบไฟฟ้าของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันจะทำความสะอาดส่วนของระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับท่ามุทราที่คุณใช้ ทันทีที่พลังงานพุ่งลงไปตามกระดูกสันหลัง คุณจะเปลี่ยนท่ามุทราเป็นท่าถัดไปและเริ่มรอบใหม่ทั้งหมด การหายใจห้าครั้งถัดไปเป็นการทำซ้ำการหายใจครั้งแรกด้วยการเปลี่ยนท่ามุทราดังนี้:

มุทราการหายใจครั้งที่ 2: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 3: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วนางแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 4: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยแตะกัน

มุทราการหายใจครั้งที่ 5: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้แตะกัน (เหมือนการหายใจครั้งแรก)

มุทราการหายใจครั้งที่ 6: นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางแตะกัน (เหมือนการหายใจครั้งที่สอง)

ส่วนแรกคือการหายใจ 6 ครั้งแรก การสร้างสมดุลของขั้วพลัง และการชำระล้างระบบไฟฟ้าของคุณเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้คุณพร้อมสำหรับส่วนถัดไป คือการหายใจ 7 ครั้งถัดไป ตอนนี้รูปแบบการหายใจใหม่ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องจินตภาพเตตราฮีดรอนรูปดาวอีกต่อไป สิ่งเดียวที่ต้องเห็นและทำงานด้วยคือหลอดที่วิ่งผ่านดาว จากยอดของพีระมิดชายที่อยู่เหนือศีรษะของคุณไปยังยอดของพีระมิดหญิงที่อยู่ใต้เท้าของคุณ หลอดนี้ขยายออกไปหนึ่งความยาวมือเหนือศีรษะและหนึ่งความยาวมือใต้เท้า เส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดของคุณจะมีขนาดเท่ากับรูที่นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของคุณสัมผัสกัน

การหายใจครั้งที่ 7: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก มีการปรับปรุงอีกอย่างที่สามารถใช้ได้หลังจากคุณทำสมาธินี้จนสมบูรณ์แบบแล้ว

จิต: จินตภาพหรือรู้สึกถึงท่อที่วิ่งผ่านร่างกายของคุณ ทันทีที่คุณเริ่มหายใจเข้าครั้งที่ 7 ให้เห็นแสงสีขาวบริสุทธิ์ของปราณที่เคลื่อนที่ลงไปตามท่อจากด้านบน และเคลื่อนที่ขึ้นไปตามท่อจากด้านล่างในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นเกือบจะในทันที จุดที่ลำแสงทั้งสองมาบรรจบกันในร่างกายของคุณถูกควบคุมโดยจิตใจและเป็นศาสตร์อันไพศาลที่รู้จักกันทั่วทั้งจักรวาล อย่างไรก็ตาม ในคำสอนนี้ เราจะแสดงเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น สิ่งที่จะพาคุณจากมิติที่สามไปสู่การตระหนักรู้ในมิติที่สี่ ในกรณีนี้ คุณจะนำลำแสงปราณทั้งสองมาบรรจบกันที่สะดือของคุณ หรือที่ถูกต้องกว่าคือภายในร่างกายของคุณในระดับสะดือ ภายในท่อนั้น ทันทีที่ลำแสงปราณทั้งสองมาบรรจบกัน ซึ่งเกิดขึ้นทันทีที่เริ่มหายใจเข้า จะเกิดทรงกลมของแสงสีขาวหรือปราณขึ้นที่จุดบรรจบกันนั้น โดยมีขนาดประมาณเกรปฟรุต [ประมาณผลส้ม] และมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ท่อ ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา เมื่อคุณหายใจเข้าครั้งที่ 7 ต่อไป ทรงกลมของปราณจะเริ่มรวมตัวกันและเติบโตอย่างช้าๆ

ร่างกาย: สำหรับการหายใจ 7 ครั้งถัดไป ให้ใช้มุทราเดียวกันทั้งการหายใจเข้าและออก คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางแตะกัน ฝ่ามือหงายขึ้น

ลมหายใจ: หายใจแบบโยคะเป็นจังหวะและลึก 7 วินาทีเข้าและ 7 วินาทีออก ไม่มี การกลั้นหายใจอีกต่อไป การไหลของปราณจากขั้วทั้งสองจะไม่หยุดหรือเปลี่ยนไปในทางใดเมื่อคุณเปลี่ยนจากการหายใจเข้าเป็นการหายใจออก มันจะเป็นการไหลอย่างต่อเนื่องที่จะไม่หยุดตราบเท่าที่คุณหายใจด้วยวิธีนี้ แม้กระทั่งหลังจากความตาย

การหายใจครั้งที่ 7: หายใจออก

จิต: ปราณทรงกลมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่สะดือยังคงเติบโตต่อไป เมื่อหายใจออกจนสุด ปราณทรงกลมจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 หรือ 9 นิ้ว

ลมหายใจ: อย่าบังคับอากาศออกจากปอด เมื่อปอดของคุณว่างเปล่าตามธรรมชาติ ให้เริ่มหายใจถัดไปทันที

การหายใจครั้งที่ 8: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก

จิต: ปราณทรงกลมยังคงรวมพลังชีวิตและเติบโตในขนาด

การหายใจครั้งที่ 8: หายใจออก

จิต: ปราณทรงกลมยังคงเติบโตในขนาดและจะถึงขนาดสูงสุดเมื่อสิ้นสุดลมหายใจนี้ ขนาดสูงสุดนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากคุณแตะนิ้วที่ยาวที่สุดของคุณที่กึ่งกลางสะดือ เส้นที่ข้อมือของคุณกำหนดที่ขอบเขตมือจะแสดงให้คุณเห็นรัศมีของขนาดสูงสุดของทรงกลมนี้สำหรับคุณ [ปราณทรงกลมขยายจนมีรัศมีห่างจากสะดือประมาณหนึ่งฝ่ามือ] ปราณทรงกลมนี้ไม่สามารถเติบโตได้อีก

การหายใจครั้งที่ 9: หายใจเข้า

จิต: ปราณทรงกลมไม่สามารถเติบโตได้อีก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือปราณเริ่มรวมตัวกันภายในทรงกลม รูปลักษณ์ที่มองเห็นได้คือทรงกลมจะ สว่างขึ้น

ลมหายใจ: ทรงกลมจะสว่างขึ้นเรื่อยๆเมื่อคุณหายใจเข้า

การหายใจครั้งที่ 9: หายใจออก

ลมหายใจ: เมื่อคุณหายใจออก ทรงกลมจะยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆ

การหายใจครั้งที่ 10: หายใจเข้า

จิต: เมื่อหายใจเข้าถึงครึ่งทาง และทรงกลมยังคงสว่างขึ้น ทรงกลมปราณจะถึงมวลวิกฤต (critical mass) ทรงกลมจะลุกเป็นไฟกลายเป็นดวงอาทิตย์ เป็นลูกบอลแสงสีขาวที่สว่างจ้า คุณพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปแล้ว

การหายใจครั้งที่ 10: หายใจออก

จิต: ในขณะที่หายใจออก ทรงกลมเล็กๆที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสองความยาวมือจะโป่งออกและขยายตัว ในหนึ่งวินาที เมื่อรวมกับการหายใจที่กล่าวถึงด้านล่าง ทรงกลมจะขยายตัวอย่างรวดเร็วไปยังทรงกลมของลีโอนาร์โด ไปที่ปลายนิ้วของคุณเมื่อกางแขนออก ร่างกายของคุณตอนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยทรงกลมขนาดใหญ่ของแสงสีขาวบริสุทธิ์ [ทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 วา หรือระยะกางแขนสองข้างและแบมือออกจนสุด] คุณได้กลับไปสู่รูปแบบโบราณของการหายใจแบบทรงกลมแล้ว อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ ทรงกลมนี้ยังไม่เสถียร คุณ ต้อง หายใจอีกสามครั้งเพื่อทำให้ทรงกลมเสถียร

ลมหายใจ: ในขณะที่หายใจออก ให้ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน เมื่อคุณรู้สึกว่าทรงกลมเริ่มโป่งออก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในหนึ่งวินาทีแรกของการหายใจออก ให้ปล่อยอากาศทั้งหมดออกอย่างรวดเร็ว ทรงกลมจะขยายตัวในขณะนั้น

การหายใจครั้งที่ 11, 12 และ 13: หายใจเข้าและหายใจออก

จิต: ผ่อนคลายและเพียงแค่รู้สึกถึงการไหลของปราณที่ไหลจากขั้วทั้งสองมาบรรจบกันที่สะดือแล้วขยายออกไปสู่ทรงกลมขนาดใหญ่

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและลึก เมื่อสิ้นสุดการหายใจครั้งที่ 13 คุณได้ทำให้ทรงกลมขนาดใหญ่เสถียรแล้วและพร้อมสำหรับการหายใจครั้งที่ 14 ที่สำคัญ

การหายใจครั้งที่ 14

หัวใจ: รัก

จิต: ในการหายใจเข้าครั้งที่ 14 ในช่วงเริ่มต้นของลมหายใจ ให้ย้ายจุดที่ลำแสงปราณสองลำมาบรรจบกันจากสะดือไปยังกระดูกหน้าอก ซึ่งเป็นจักระมิติที่สี่ ทรงกลมขนาดใหญ่ทั้งหมด พร้อมกับทรงกลมดั้งเดิมซึ่งยังคงอยู่ในทรงกลมขนาดใหญ่ จะเคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดบรรจบกันใหม่ภายในท่อ แม้ว่าสิ่งนี้จะทำได้ง่าย แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่มีพลังมหาศาล การหายใจจากจุดใหม่นี้ภายในท่อจะเปลี่ยนการรับรู้ของคุณจากจิตสำนึกมิติที่สามไปสู่จิตสำนึกมิติที่สี่ หรือจากจิตสำนึกแบบโลกไปสู่จิตสำนึกแบบพระคริสต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ร่างกาย: มุทรานี้จะถูกใช้ตลอดการทำสมาธิที่เหลือ วางฝ่ามือซ้ายบนฝ่ามือขวาสำหรับผู้ชายและฝ่ามือขวาบนฝ่ามือซ้ายสำหรับผู้หญิง เป็นมุทราที่ทำให้ผ่อนคลาย [ฝ่ามือคว่ำประกบเข้าด้วยกัน?]

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและลึก อย่างไรก็ตาม หากคุณยังคงหายใจจากศูนย์กลางพระคริสต์โดยไม่ไปต่อที่เมอร์-คา-บา ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำจนกว่าคุณจะติดต่อกับจิตสำนึกชั้นสูง (Higher Self) ของคุณได้ ให้เปลี่ยนเป็นการหายใจที่ตื้นขึ้น พูดอีกอย่าง คือ หายใจเป็นจังหวะ แต่ในลักษณะที่สบายซึ่งความสนใจของคุณจะอยู่ที่การไหลของพลังงานที่เคลื่อนที่ขึ้นและลงตามท่อ มาบรรจบกันที่กระดูกหน้าอกและขยายออกไปสู่ทรงกลมขนาดใหญ่ เพียงแค่รู้สึกถึงการไหล ใช้ด้านที่เป็นหญิง (feminine side) ของคุณเพื่อเพียงแค่เป็น ในจุดนี้ไม่ต้องคิด เพียงแค่หายใจ รู้สึก และเป็น รู้สึกถึงความสัมพันธ์ของคุณกับสรรพชีวิตผ่านลมหายใจแห่งพระคริสต์ จดจำความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้าของคุณ

เมอร์-คา-บา ยานพาหนะแห่งการยกระดับจิตสำนึก (The Mer-Ka-Ba, The Vehicle Of Ascension)

การหายใจสามครั้งสุดท้าย

คุณไม่ควรพยายามทำส่วนที่สี่นี้จนกว่าคุณจะได้ติดต่อกับจิตสำนึกชั้นสูงของคุณแล้ว และ จิตสำนึกชั้นสูงของคุณได้ให้อนุญาตให้คุณดำเนินการต่อได้ ส่วนนี้ต้องทำอย่างจริงจัง พลังงานที่จะเข้ามาและล้อมรอบร่างกายและจิตวิญญาณของคุณมีพลังมหาศาล หากคุณยังไม่พร้อม คุณอาจทำร้ายตัวเองได้ [ฝึกแค่ 14 ลมหายใจไปก่อน ไม่ควรฝึกขั้นตอนต่อไป หากยังไม่เชื่อมต่อกับจิตสำนึกชั้นสูง] หากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณอนุญาตให้คุณเข้าไปในเมอร์-คา-บาแล้ว อย่ากลัว เพราะคุณจะพร้อม

การหายใจครั้งที่ 15: หายใจเข้า

หัวใจ: รัก

จิต: รับรู้ถึงเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมด [พีระมิดฐานสามเหลี่ยมทั้งที่ปลายชี้ขึ้นและชี้ลง] ตระหนักว่ามีเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดสามอันซ้อนทับกันอยู่ อันหนึ่งคือตัวร่างกายเอง และถูกล็อคอยู่กับที่และไม่เคลื่อนที่ ยกเว้นในบางสภาวะ มันถูกจัดวางรอบร่างกายตามความเป็นชายหรือความเป็นหญิง เตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดอันที่สองมีธรรมชาติเป็นชาย เป็นไฟฟ้า เป็นจิตใจของมนุษย์ และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากร่างกายของคุณ หรืออีกนัยหนึ่งคือมันหมุนไปทางซ้ายมือของคุณ เตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมดอันที่สามมีธรรมชาติเป็นหญิง เป็นแม่เหล็ก เป็นร่างกายอารมณ์ของมนุษย์ และหมุนตามเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากร่างกายของคุณ หรืออีกนัยหนึ่งคือมันหมุนไปทางขวามือของคุณ

เพื่อให้ชัดเจน เราไม่ได้บอกให้คุณหมุนเตตราฮีดรอนชายไปทางหนึ่งและเตตราฮีดรอนหญิงไปอีกทางหนึ่ง เมื่อเราพูดว่าหมุนเตตราฮีดรอนรูปดาวทั้งหมด เราหมายถึงทั้งหมด

[จินตนาการว่ามีเตตราฮีดรอนรูปดาว 3 ชุดขนาดเท่ากันและซ้อนทับกันอยู่ในบริเวณเดียวกันรอบร่างกาย ชุดแรกเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของร่างกายซึ่งอยู่นิ่งไม่หมุน, ชุดที่สองเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของจิตใจ ทั้งชุดหมุนทวนเข็มนาฬิกา, ชุดที่สามเป็นเตตราฮีดรอนรูปดาวของอารมณ์ ทั้งชุดหมุนตามเข็มนาฬิกา]

ในการหายใจเข้าครั้งที่ 15 ขณะที่คุณกำลังหายใจเข้า คุณจะพูดกับตัวเองในใจว่ารหัสคำว่า ความเร็วเท่ากัน (EQUAL SPEED) สิ่งนี้จะบอกจิตใจของคุณว่าคุณต้องการให้เตตราฮีดรอนรูปดาวที่หมุนได้ทั้งสองชุดเริ่มหมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามด้วยความเร็วที่เท่ากันในขณะที่หายใจออก หมายความว่าในการหมุนที่สมบูรณ์ทุกครั้งของเตตราฮีดรอนจิตใจ จะมีการหมุนที่สมบูรณ์หนึ่งครั้งของเตตราฮีดรอนอารมณ์

ร่างกาย: ใช้มุทราของมือที่พับกันต่อไปจากนี้

ลมหายใจ: หายใจแบบโยคะเป็นจังหวะและลึกอีกครั้ง แต่เฉพาะสำหรับการหายใจสามครั้งถัดไป หลังจากนั้นให้กลับไปหายใจแบบตื้นๆ

การหายใจครั้งที่ 15: หายใจออก

จิต: เตตราฮีดรอนทั้งสองชุดเริ่มหมุน ในพริบตา มันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ปลายด้านนอกที่หนึ่งในสามของความเร็วแสง คุณอาจไม่สามารถมองเห็นสิ่งนี้ได้เนื่องจากความเร็วที่มหาศาล แต่คุณสามารถรู้สึกได้ สิ่งที่คุณเพิ่งทำไปคือการสตาร์ทมอเตอร์ของเมอร์-คา-บา คุณจะยังไม่ไปที่ไหนหรือมีประสบการณ์ใดๆ มันก็เหมือนกับการสตาร์ทมอเตอร์รถยนต์ แต่เกียร์ยังอยู่ในตำแหน่งว่าง

ลมหายใจ: ทำปากเป็นรูเล็กๆเหมือนที่คุณทำกับการหายใจครั้งที่ 10 เป่าลมออกในลักษณะเดียวกัน และเมื่อคุณทำเช่นนั้น ให้รู้สึกถึงเตตราฮีดรอนทั้งสองชุดที่เริ่มหมุน

การหายใจครั้งที่ 16: หายใจเข้า

จิต: เมื่อคุณหายใจออก เตตราฮีดรอนทั้งสองชุดจะเพิ่มความเร็วจากหนึ่งในสามของความเร็วแสงเป็นสองในสามของความเร็วแสงในพริบตา เมื่อพวกมันเข้าใกล้ความเร็วสองในสามของความเร็วแสง จะเกิดปรากฏการณ์ขึ้น จานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 55 ฟุตจะก่อตัวขึ้นรอบๆร่างกายในระดับฐานของกระดูกสันหลัง และทรงกลมของพลังงานที่มีศูนย์กลางอยู่รอบๆเตตราฮีดรอนทั้งสองชุดจะก่อตัวพร้อมกับจานเพื่อสร้างรูปร่างที่ดูเหมือน จานบิน รอบๆร่างกาย เมทริกซ์พลังงานนี้ถูกเรียกว่า เมอร์-คา-บา อย่างไรก็ตาม มันยังไม่เสถียร หากคุณเห็นหรือรู้สึกถึงเมอร์-คา-บารอบตัวคุณในจุดนี้ คุณจะรู้ว่ามันไม่เสถียร มันจะสั่นคลอนช้าๆ ดังนั้นการหายใจครั้งที่ 17 จึงจำเป็น

ลมหายใจ: เหมือนการหายใจครั้งที่ 16 ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน ในจุดนี้ความเร็วจะเพิ่มขึ้น เมื่อคุณรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้น ให้ปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกด้วยแรง การกระทำนี้จะทำให้ความเร็วที่สูงขึ้นถูกบรรลุอย่างสมบูรณ์และเมอร์-คา-บาถูกสร้างขึ้น

การหายใจครั้งที่ 17: หายใจเข้า

หัวใจ: จำไว้ว่าต้องรู้สึกถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขต่อสรรพชีวิตตลอดการทำสมาธินี้ทั้งหมด มิฉะนั้นจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ

จิต: เมื่อคุณหายใจเข้า ให้พูดกับตัวเองในใจว่ารหัส เก้าในสิบของความเร็วแสง (NINE TENTHS THE SPEED OF LIGHT) รหัสนี้จะบอกจิตใจของคุณให้เพิ่มความเร็วของเมอร์-คา-บาเป็นเก้าในสิบของความเร็วแสง ซึ่งจะทำให้สนามพลังงานที่หมุนอยู่เสถียร นอกจากนี้ยังจะทำสิ่งอื่นด้วย จักรวาลมิติที่สามที่เราอาศัยอยู่นี้ถูกปรับให้เข้ากับความเร็ว 9/10 ของความเร็วแสง อิเล็กตรอนทุกตัวในร่างกายของคุณหมุนรอบอะตอมทุกตัวในร่างกายของคุณด้วยความเร็ว 9/10 ของความเร็วแสง นี่คือเหตุผลที่ความเร็วเฉพาะนี้ถูกเลือก

ลมหายใจ: หายใจเป็นจังหวะและแบบโยคะ

การหายใจครั้งที่ 17: หายใจออก

จิต: ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 9/10 ของความเร็วแสงและทำให้เมอร์-คา-บาเสถียร

ลมหายใจ: เหมือนการหายใจครั้งที่ 15 และ 16 ทำปากเป็นรูเล็กๆ แล้วเป่าลมออกด้วยแรงดัน เมื่อคุณรู้สึกถึงความเร็วที่พุ่งขึ้น ให้ปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกด้วยแรง คุณตอนนี้อยู่ในเมอร์-คา-บาที่เสถียรและถูกปรับให้เข้ากับมิติที่สามแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณ คุณจะเข้าใจว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไรจริงๆ

การหายใจครั้งที่ 18

การหายใจที่พิเศษมากนี้จะไม่มีการสอนที่นี่ คุณต้องได้รับจากจิตสำนึกชั้นสูงของคุณ เป็นการหายใจที่จะพาคุณทะลุความเร็วแสงเข้าสู่มิติที่สี่ คุณจะหายไปจากโลกนี้และปรากฏขึ้นในอีกโลกหนึ่งซึ่งจะเป็นบ้านใหม่ของคุณชั่วขณะ นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัวของจิตสำนึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งจะพาคุณกลับ บ้าน สู่ พระบิดา ของคุณ


แถม
[จากที่ได้กล่าวถึงวิธีฝึกเมอร์คาบาแบบสามชุดไปแล้ว เมื่อค้นหาในอินเตอร์เน็ตก็จะเห็นว่ามีอีกแนวทางที่แพร่หลายกว่า นั่นคือการฝึกแบบชุดเดียว ซึ่งตามข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.drunvalo.org/ ที่เป็นเว็บของ Drunvalo Melchizedek นั้น ก็มีบทความที่กล่าวถึงเมอร์คาบาชุดเดียวไว้ด้วยว่า]


การทำสมาธิเมอร์คาบา
เมอร์คาบา คือ สนามพลังงานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เมตร ล้อมรอบร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยพีระมิดฐานสามเหลี่ยมสองอันที่หมุนสวนทางกัน พวกมันหมุนอยู่ตลอดเวลาด้วยความเร็วแสง การทำสมาธิสามารถช่วยขยายสนามพลังงานนี้ได้

การใช้กายแห่งแสงของมนุษย์นำไปสู่การยกระดับจิตสำนึก เมอร์-คา-บา คือ ยานพาหนะที่ช่วยให้เราสามารถเดินทางระหว่างมิติต่างๆได้ มันคือสถานะของการตระหนักรู้ ซึ่งจะเป็นคุณสมบัติทั่วไปของมนุษยชาติในอนาคต ดรันวาโล เมลคิเซเดค มักจะพูดถึงเด็กอินดิโกและเด็กคริสตัล (Indigo and Crystal children) บ่อยครั้ง เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่พวกเขาสามารถทำได้ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจ (ศูนย์กลางทางกายภาพคล้ายจักระในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นไปได้ที่จะสร้างเจตนาเพื่อการสร้างสรรค์) แนวคิดนี้อธิบายถึงวิธีการจัดการโลกทางวัตถุสองวิธี วิธีแรกคือ การใช้หัวคิด (ซึ่งเป็นประเภทที่ก้าวร้าว ไม่ลงรอย เป็นเชิงรุก) วิธีที่สองคือ การใช้หัวใจ (ซึ่งเป็นประเภทที่กลมกลืน เป็นเชิงรับ)

การใช้หัวคิดต้องอาศัยพลังงานของตนเองในการรักษาไว้ และที่แน่ๆ ราคาไม่ถูก ตัวอย่างเช่น ปรากฏการณ์มนต์ดำ, การเมือง, อุตสาหกรรม, ความขัดแย้งและสงครามที่ดำเนินอยู่, ระดับความเครียดของสังคมทั้งหมด, และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การใช้หัวใจใช้พลังงานของจักรวาล โดยใช้แนวคิดของความเป็นหนึ่งเดียว (Oneness) ซึ่งสามารถรักษาตัวเองไว้ได้ การจัดการผ่านหัวคิดประกอบด้วยจิตสำนึกของคนจำนวนมาก (ฉันคือฉัน และคุณคือคุณ) ในทางกลับกัน เจตนาผ่านหัวใจคือจิตสำนึกของความเป็นหนึ่งเดียว (ฉันคือคุณ และคุณคือฉัน)

[จะเห็นว่าในเว็บไซต์ของเขากล่าวถึงเมอร์คาบาแบบชุดเดียวไว้ด้วยที่ต้นบทความ โดยพีระมิดบนหมุนตามเข็มนาฬิกา พีระมิล่างหมุดทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งตรงกับแนวคิดที่พบเห็นทั่วไป แนวทางนี้เรียบง่ายกว่าการหายใจ 18 ครั้งมาก
แต่มีประเด็นที่ผมยังไม่เข้าใจ คือ ในบทความทั้งหมดนี้จะเห็นว่ามีการใช้คำว่า เมอร์คาบา (merkaba) กับ เมอร์-คา-บา (Mer-Ka-Ba) ซึ่งเป็นการใช้ที่แยกกันอย่างน่าสนใจ อาจมีนัยยะอะไรหรือไม่? เมอร์คาบา (Merkaba) อาจจะเป็นคำที่ใช้เรียกสนามพลังงาน หรือแนวคิดโดยรวมของยานพาหนะแห่งแสง? ส่วน เมอร์-คา-บา (Mer-Ka-Ba) ที่แยกเป็นสามส่วน อาจจะหมายถึง กระบวนการหรือยานพาหนะที่ต้องใช้การฝึกฝนอย่างเป็นขั้นตอน เช่น การหายใจ 18 ครั้ง และการเปิดใช้งานรูปแบบสามชุดหรือไม่?]


อ้างอิง

04 กันยายน 2568

Elbereth คำศักดิ์สิทธิ์ใน NetHack


คำว่า Elbereth มีที่มาจากงานเขียนของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน (J. R. R. Tolkien) ผู้สร้างโลกแห่งมิดเดิลเอิร์ธ (Middle-earth) เช่น The Lord of the Rings ครับ

ในตำนานของโทลคีน Elbereth เป็นอีกชื่อหนึ่งของ วาร์ดา (Varda) หนึ่งในเทพีที่ทรงอำนาจสูงสุดแห่งเผ่าพันธุ์วาลา (Valar) ซึ่งเป็นผู้สร้างและดูแลโลก เธอดำรงตำแหน่งเป็น "ราชินีแห่งดวงดาว" และได้รับความเคารพนับถือจากเหล่าเอลฟ์เป็นอย่างมาก

ชื่อเต็มของเธอในภาษาซินดารินของพวกเอลฟ์คือ Elbereth Gilthoniel ซึ่งมีความหมายว่า "ราชินีแห่งดวงดาว" หรือ "ผู้จุดประกายดวงดาว" ครับ

ในโลกของ NetHack ผู้พัฒนาเกมได้นำชื่อนี้มาใช้เพราะความหมายดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์และการคุ้มครอง ซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัวกับคุณสมบัติของคำว่า Elbereth ในเกมที่ใช้เป็นคาถาป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายครับ

การเขียน Elbereth ที่ถูกต้อง
การเขียน Elbereth ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องใช้ตัวพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็กอย่างไร แต่ถ้าขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ "E" และตามด้วยตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด จะเป็นการใช้ที่ให้ผลดีที่สุด เพราะมันจะทำให้ตัวละครได้รับค่า "wisdom" (ค่าสติปัญญา) เพิ่มขึ้นด้วย

กลยุทธ์การใช้งาน Elbereth เชิงรุก
การขูดเขียน Elbereth ไม่ใช่แค่เครื่องมือสุดท้ายเมื่อใกล้ตายเท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธวิธีเชิงรุกได้

สามารถขูดเขียน Elbereth ตามทางเดินหลัก, ใกล้บันได, หรือจุดคอขวดไว้ล่วงหน้าเพื่อสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับล่าถอยได้

เมื่อถูกล้อมคุณสามารถขูดเขียน Elbereth บนพื้น เพื่อรอให้พลังชีวิตของคุณฟื้นตัวจนเต็มก่อน จากนั้นค่อยลบข้อความออกเพื่อกลับไปโจมตีมอนสเตอร์ต่อได้ กลยุทธ์นี้มีประโยชน์มากสำหรับการเก็บเลเวล

การขูดเขียน ElBereth จะมีโอกาส 1 ใน 32 ที่ข้อความจะเลือนเป็น Elbereth ที่ถูกต้องได้เอง ซึ่งอาจช่วยชีวิตในสถานการณ์ฉุกเฉินได้


อ้างอิง
https://nethackwiki.com/wiki/Elbereth

02 กันยายน 2568

Isochronic Tones - ดนตรีเพิ่มพลังสมอง

https://www.harmonance.com/resources/understanding-binaural-beats-vs-isochronic-tones-a-comprehensive-guide

บทความก่อนหน้าเคยนำเสนอเรื่อง Binaural beats - ดนตรีเพิ่มพลังสมอง เป็นการสอดแทรกความถี่ที่ต่างกันสองหูเพื่อชักนำให้เกิดความถี่เฉพาะขึ้นในคลื่นสมอง โดยการทำเช่นนี้มีเครื่องมือหลักที่ได้รับความนิยม 2 แบบ คือ Binaural Beats และ Isochronic Tones เป็นอีกเทคนิคที่ใช้เสียงเพื่อปรับเปลี่ยนคลื่นไฟฟ้าในสมองให้เข้าสู่สภาวะที่ต้องการ เช่น ผ่อนคลาย มีสมาธิ หรือหลับ ได้ด้วยเช่นกัน

Binaural Beats (ไบนอรอลบีทส์)
Binaural Beats เป็นเทคนิคที่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1839 โดยเล่นเสียงที่มีความถี่แตกต่างกันในหูแต่ละข้าง เช่น 400 Hz ในหูซ้าย และ 410 Hz ในหูขวา สมองจะรับรู้ความแตกต่างของสองความถี่นี้ ซึ่งก็คือ 10 Hz และสร้างคลื่นที่สามขึ้นมาเองในสมอง เสียงนี้ไม่ใช่เสียงจริงที่หูได้ยิน แต่เป็นคลื่นสมองที่สมองสร้างขึ้นมาเอง การทำงานของ Binaural Beats จึงจำเป็นต้องใช้หูฟังเท่านั้นเพื่อแยกเสียงในแต่ละข้าง



Isochronic Tones (ไอโซโครนิกโทน)
เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้จริงในปี 1981 โดยเป็นเสียงโทนเดี่ยวๆที่เปิดปิดอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่เต้นเป็นจังหวะ (pulsing sound) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นสมองให้ปรับจังหวะการทำงานให้ตรงกับความถี่ของเสียงนั้นๆ ซึ่งจะส่งผลให้สภาวะจิตใจเปลี่ยนไป เสียงนี้จะกระตุ้นสมองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Binaural Beats โดยสามารถเปิดได้จากลำโพงทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังเสมอไป นอกจากนี้ Isochronic Tones ยังถูกนำไปใช้ในเทคนิคขั้นสูงได้อีกด้วย เช่น การกระตุ้นสมองแต่ละซีกด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน เป็นต้น

แนวทางการใช้งาน Isochronic Tones
  1. เลือกความถี่ที่เหมาะสมกับเป้าหมาย: แต่ละความถี่จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจที่ต่างกัน เช่น:
    • ตื่นตัว ความสามารถด้านการแก้ไขปัญหา: ใช้คลื่นแกมม่า Gamma (40-50 Hz)
    • การจดจ่อ การขบคิด: ใช้คลื่นเบต้า Beta (12-20 Hz)
    • สมาธิ ใคร่ครวญ ความผ่อนคลาย ความคิดสร้างสรรค์: ใช้คลื่น อัลฟ่า Alpha (8-12 Hz)
    • ผ่อนคลายล้ำลึก ดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึก จินตนาการ: ใช้คลื่นธีต้า Theta (4-8 Hz)
    • การนอนหลับลึก ฟื้นฟูร่างกาย: ใช้คลื่นเดลต้า Delta (0.5-4 Hz)
  2. เตรียมสภาพแวดล้อมให้พร้อม: ควรหาที่นั่งที่สบายและปราศจากสิ่งรบกวน และไม่ควรใช้ Isochronic Tones ขณะทำกิจกรรมที่ต้องการสมาธิสูง เช่น การขับรถ
  3. การเลือกอุปกรณ์: แม้จะไม่จำเป็นต้องใช้หูฟัง แต่มีการแนะนำว่าถ้าใช้หูฟังสเตอริโอจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้ไฟล์เสียงที่มีคุณภาพสูงและไม่มีการบีบอัด
  4. ลองผิดลองถูก: แต่ละคนจะตอบสนองต่อความถี่ต่างกัน ควรทดลองฟังในความถี่ที่หลากหลายเพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด
  5. ระยะเวลาในการฟัง: เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรฟังอย่างน้อย 10-25 นาทีต่อเซสชัน เนื่องจากสมองต้องใช้เวลาประมาณ 7 นาทีในการปรับจังหวะให้เข้ากับเสียง
  6. มีสมาธิกับเป้าหมาย: ในขณะที่ฟัง ให้จดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การอ่านหนังสือ หรือการทำสมาธิ เพื่อช่วยให้คลื่นสมองปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้ง Binaural Beats และ Isochronic Tones ก็ช่วยชักนำทำให้สมองเข้าสู่ความถี่เฉพาะสำหรับการทำงานของสมองได้เหมือนกัน แต่ Isochronic Tones จะมีข้อดีที่ชัดเจนอยู่อย่างหนึ่งก็คือเปิดผ่านลำโพงได้ ไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังก็สามารถชักนำสมองเข้าสู่ความถี่ที่ต้องการได้ จึงสะดวกที่จะเปิดได้ทั้งหูฟังและลำโพง จึงนับว่าสะดวกมากมากสำหรับคนที่ไม่มีหูฟัง
ลองนำไปค้นหาและเปิดฟังกันดูนะครับ ใน Youtube มีมากมายด้วยคำค้นว่า Isochronic Tones + ชื่อความคลื่นถี่ เช่น isochronic tones beta เป็นต้น บางเพลงก็ผสมผสานความถี่บำบัดเข้าไปด้วยก็มี หรือจะเลือกฟังจากรายการหลักๆที่เราคัดสรรมาไว้ข้างล่างนี้เลยก็ได้ครับ รวบรวมมาครบทุกย่านแล้ว เลือกใช้ได้ตามต้องการเลยครับ






แถม
💡 เคล็ดลับการเลือกใช้ Isochronic Tones
  • ทำงาน หรืออ่านหนังสือ (สมาธิจดจ่อ): ควรเลือกใช้คลื่น แกมม่า (Gamma) (40-50 Hz) หรือ เบต้า (Beta Wave) ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วง 12-30 Hz เป็นหลัก คลื่นนี้ช่วยเพิ่มความตื่นตัว ความจดจ่อ และสมาธิ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิด การแก้ปัญหา หรือการเรียนรู้
  • งีบกลางวัน หรือผ่อนคลาย (ชาร์จพลังงานช่วงสั้น): ลองใช้คลื่น ธีต้า (Theta Wave) ที่ความถี่ 4-8 Hz คลื่นนี้ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และเข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งเหมาะสำหรับการงีบหลับสั้นๆ (power nap) ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมองโดยไม่ทำให้รู้สึกงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา
  • นั่งสมาธิ หรือทำสมาธิแบบลึก: คลื่น ธีต้า (Theta Wave) และ อัลฟ่า (Alpha Wave) (8-12 Hz) เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม คลื่นอัลฟ่าช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการทำสมาธิ ส่วนคลื่นทีต้าช่วยให้เข้าถึงสมาธิระดับลึกได้ง่ายขึ้น
  • พักผ่อน หรือทำกิจกรรมสบายๆ: คลื่น อัลฟ่า (Alpha Wave) ที่ความถี่ 8-12 Hz เหมาะสำหรับช่วงเวลาพักผ่อนสบายๆ เช่น การพักสมองจากการทำงานหนัก การทำกิจกรรมที่ต้องการความผ่อนคลาย หรือการทำสมาธิแบบตื้นๆ
  • นอนหลับลึก: ควรใช้คลื่น เดลต้า (Delta Wave) ที่ความถี่ต่ำสุดคือ 0.5-4 Hz ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับลึกที่สุดและช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและซ่อมแซมเซลล์
หากเปรียบเทียบกับปรัชญาจีน คลื่นสมองแต่ละชนิดเปรียบได้กับหยินหยาง โดยคลื่นแกมม่า และ เบต้าเปรียบได้กับพลังหยางที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจตื่นตัว พร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวและทำงานหนัก ส่วนคลื่นอัลฟ่า ธีต้า และ เดลต้า เปรียบได้กับพลังหยินที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสงบ นิ่ง และเข้าสู่สภาวะพักผ่อน
การใช้ Isochronic Tones จึงเป็นการ ปรับสมดุลระหว่างหยินและหยาง ในสมองเพื่อให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการนั่นเองครับ

ชุดรวม Pure Isochronic Tones เป็นแบบความถี่เปล่าๆดิบๆที่ไม่มีเสียงดนตรีประกอบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแบบสงบๆไม่เอาเพลงประกอบ หรือสำหรับเอาไว้เปิดเป็นฉากหลังประกอบกับเพลงที่ชอบเองได้ ไม่ต้องเปิดให้ดังจนเกินไป เพียงแค่เปิดเบาที่สุดเท่าที่จะได้ยินจังหวะ หรือค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นในระดับที่รู้สึกสบายๆก็พอ สำคัญคือเปิดในระดับที่ฟังสบายๆ เพราะหาเปิดดังเกินไปจะเกิดความเครียดและอันตรายต่อหูแทนซึ่งไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการ