Sponsor

30 ตุลาคม 2564

มองหมากรุกจีนเห็นประวัติศาสตร์

หมากรุกจีน (象棋; Xiangqi)

บริเวณกลางกระดานหมากรุกจีนเป็นแม่น้ำขั้นระหว่างสองฝ่าย มี 4 ตัวอักษรจีนเขียนว่า 楚河 漢界 หมายถึง น่านน้ำฉู่ เขตแดนฮั่น หมากรุกจีนถือเป็นการจำลองการต่อสู้ระหว่างแคว้นฉู่กับแคว้นฮั่น ซึ่งเรื่องราวตอนนี้อยู่ในหนังสือพงศาวดารไซ่ฮั่น เป็นเรื่องราวต่อเนื่องมาจากเลียดก๊ก หลังจิ๋นซีควบรวมประเทศและล่มสลาย เกิดกบฏลุกฮือจนกลายเป็นศึกฉู่ฮั่น เป็นศึกระหว่างเซี่ยงอวี่กับหลิงปัง ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของหลิวปังหรือพระเจ้าฮั่นโกโจแห่งราชวงศ์ฮั่น ต่อจากไซ่ฮั่นก็คือหนังสือตั้งฮั่น เป็นเรื่องราวของราชวงศ์ฮั่นจนถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตอนต้นของสามก๊กที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ต่อจากตั้งฮั่นก็คือสามก๊กนั่นเอง หนังสือพงศาวดารเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันมาของประวัติศาสตร์จีนโบราณที่โด่งดัง
จากการอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์เหล่านี้จะเห็นได้ว่า แคว้นต่างๆมักจะล่มสลายเมื่อผู้นำและนักการเมืองสนใจแต่ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่สนใจประชาราชบ้านเมือง ยุคนั้นจะเต็มไปด้วยการฉ้อราชบังหลวง ปกปิดปัญหา บิดเบือนกฎหมาย ละเลยบ้านเมือง เบียดบังประชา ฯลฯ เพื่อคงอำนาจอย่างฉ้อฉน เหล่านี้เป็นสิ่งที่หนังสือได้เฝ้าบอกกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ก็ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหนังสือพงศาวดารเหล่านั้นเอง

หมากรุกจีน เราเคยเล่นสนุกๆกับเพื่อนๆสมัยเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้เล่นนานมากแล้ว เป็นหมากรุกที่เล่นสนุกมากๆเกมหนึ่งเลยทีเดียว เพื่อนๆมีใครเคยเล่นกันมั้ยเอ่ย แล้วห้องสมุดใกล้บ้านมีกระดานหมากรุกจีนให้เบิกมาเล่นมั้ย ลองเข้าถามหากันดูนะครับ
เล่นหมากรุกจีนเห็นถึงหนังสือประวัติศาสตร์ แรงบันดาลใจในการค้นหาความรู้มีอยู่ในทุกสิ่งเมื่อเรามองหา

แถม
หมากรุกจีนมีหมากตัวหนึ่งซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นคือ เผ้า หรือ ปืนใหญ่ มีการเดินเหมือนเรือ แต่การกินนั้นต้องมีหมากคั่นไว้ก่อน 1 ตัวจึงจะกระโดดข้ามไปกินได้
ตัวหมากเผ้าของสองฝ่ายเขียนต่างกันเล็กน้อย คือ ฝ่ายแดง(ทัพหลวง)เขียนว่า 炮 ส่วนฝ่ายดำ(ทัพกบฎ)เขียนว่า 砲
เป็นปืนใหญ่เหมือนกันแต่ความหมายต่างกันดังนี้ครับ ฝ่ายแดงมีคำว่า 火 ไฟ ผสมอยู่ จึงหมายถึง ปืนใหญ่ยิงก้อนไฟ ส่วนฝ่ายดำมีคำว่า 石 หิน จึงหมายถึง ปืนใหญ่ยิงก้อนหิน ครับ ดูเหมือนทัพหลวงจะมีอุปกรณ์ที่เหนือกว่าทัพกบฎนะครับ แต่ในการเล่นสองตัวนี้ใช้เหมือนกันทุกประการ แค่เขียนให้ต่างกันเฉยๆ 555+
ถ้านับว่าเป็นทัพสมัยโบราณ ปืนใหญ่จะหมายถึงเครื่องดีดก้อนหิน/ไฟขนาดใหญ่ที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์นั่นเองครับ

เมื่อการเล่นจบลง ไม่ว่าว่าจะเป็นขุน เบี้ย หรือหมากยศต่างๆ ก็ถูกเก็บลงในกล่องเดียวกัน

เกล็ดเล็กเกล็ดน้อย
ว่ากันว่าหานซิ่นแม่ทัพเอกของหลิวปัง ชื่นชอบการเล่นหมากรุกจีนอย่างมาก และสนับสนุนให้ทหารทุกคนเล่นในยามว่างเว้นจากการศึกเพื่อลับคมทางกลยุทธ์
ยังมีเรื่องเล่าว่าผู้คิดค้นหมากรุกจีนก็คือหานซิ่นนี่แหละ แต่ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกว่าน่าจะมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว


การประยุกต์ใช้การอ่านหมากในชีวิตประจำวัน

หมากล้อม (圍棋; Weiqi, 囲碁; Igo, 바둑; Baduk, Go game)

เราอาจเคยได้ยินสุภาษิตจีนว่า หมากรุกยังต้องคิด; หมากชีวิตจะไม่คิดได้อย่างไร. คำกล่าวนี้บ้างก็ว่า ขงเบ้งพูด บ้างก็ว่าพระจี้กงพูด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสุภาษิตนี้เป็นวลีที่น่าคิด และมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันแน่ๆ ว่าแต่แล้วจะใช้อย่างไรล่ะ?
ตอนเล่นหมากกระดาน ไม่ว่าจะเป็นหมากรุกหรือหมากล้อม เราจะถูกสอนให้รู้จักอ่านหมากล่วงหน้า และนำหลักคิดในการอ่านหมากมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
แต่ว่าจะประยุกต์อย่างไรล่ะ? ในชีวิตจริงเราจะอ่านหมากคิดล่วงหน้าอย่างไรได้บ้าง? มันไม่เหมือนกับบทกระดานที่มีกฎเกณฑ์ตายตัวนะ?

มันทำได้ครับ โดยให้เริ่มจากเรื่องง่ายๆก่อน

ตัวอย่างเช่น ก่อนที่เราจะทำอะไร ให้คิดถึงเป้าหมายที่ต้องการและคิดลำดับที่ที่ต้องทำขี้นมาก่อน เช่น จะกินขนม(เป้าหมาย) ให้เรามีสติรู้ตัว คิดลำดับการเปิดซองขนม ตั้งแต่ เดินไปหยิบขนม หยิบกรรไกร จะใช้เครื่องทุ่นแรงอะไรได้บ้าง? จะตัดเปิดซองที่ไหน? จะนั่งกินตรงไหน?
จากนั้นก็ทำไปตามกระบวนการที่คิด หากมีปัญหาอะไรระหว่างทางก็คิดกระบวนการและวิธีการแก้ปัญหาใหม่ต่อไปเรื่อยๆตามการเรียนรู้

หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจ หากเทียบกับการทำครัวอาจจะเห็นภาพได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น ก่อนที่จะทำอาหารสักเมนู แทนที่จะไปเปิดกระทะใส่น้ำมันตั้งไฟทันที แล้วค่อยวิ่งวุ่นหาวัตถุดิบ ก็ให้เป็นเปลี่ยน คิดกระบวนการขึ้นมาก่อนว่า เมนูนี้ต้องใช้อะไรบ้าง แล้วไปเตรียมมาให้ครบถ้วนก่อน วางไว้ให้พร้อม แล้วจึงค่อยตั้งกระทะและเริ่มทำ

ง่ายๆอย่างนี้แหละครับ แต่ส่วนใหญ่มักจะลืมทำ

สรุปได้ว่า การอ่านหมากในชีวิตประจำวัน คือ การมีสติในสิ่งที่ทำ คิดก่อนทำ และทำไปอย่างรู้ตัว และมีกระบวนการมีลำดับเหมือนลำดับการอ่านหมาก คิดถึงเป้าหมายที่ต้องการก่อนแล้วย้อนกลับมาคิดลำดับกระบวนการว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้นอย่างไร การฝึกอ่านหมากในชีวิตประจำวันก็ขึ้นเหมือนการฝึกอ่านหมากกระดานครับ คือ แรกๆอาจจะหลงๆลืมๆผิดๆถูกๆ แต่หลังจากนั้นการอ่านหมากจะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆในตัวของมันเอง
ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าสิ่งนี้ใกล้เคียวกับการวิปัสสนามากเลยที่มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมในทุกสิ่งที่กำลังทำอยู่ และเป็นการคิดในแบบอิทัปปัจจยาที่เป็นไปตามลำดับความความเป็นจริงตามธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้น

การเคลื่อนไหวจึงจะสูญเสียทรัพยากรน้อยที่สุดตามกระบวนการที่เราคิด(ขึ้นอยู่กับว่าเราชำนาญในวิธีการนั้นมากน้อยแค่ไหน) แต่ย่อมดีกว่าดุ่มๆทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังว่าจะทำอย่างไรหรือรอบตัวมีอะไรใช้ทุ่นแรงได้บ้าง แม้ในชีวิตจริงเราอาจจะดุ่มๆทำไปก็ไม่มีผลอะไรตามมามากนัก(แค่อาจวุ่นวายสักหน่อย เสียเวลาสักนิด)ต่างจากหมากกระดานที่จะแพ้หรือชนะชัดเจน แต่หากเราฝึกคิด ฝึกอ่านหมากในชีวิตประจำวัน ฝึกให้เป็นนิสัย คิดก่อนทำ คือ คิดจนตลอดจนจบกระบวนการหนึ่งๆ ก็นับว่าเราได้ประโยชน์ที่หมากกระดานสอนเราให้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้วล่ะครับ

ส่วนตัวเรามองว่า การเล่นหมากกระดานหรือบอร์ดเกมต่างๆ เป็นการจำลองความคิด ฝึกให้เราได้หัดคิดจากเงื่อนไขที่กำหนด เพื่อฝึกสมอง ฝึกความคิดในการอ่านหมาก และฝึกจิตใจในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะต้องเจอขึ้นในชีวิตจริง การเล่นหมากกระดานให้เก่งเป็นยอดฝีมือก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่แม้จะไม่มีเวลาเล่นมากนักหรือเล่นไม่เก่งก็ไม่เป็นไร มันก็ยังฝึกให้เราได้คิดอย่างรอบคอบและพัฒนาระบบความคิดจนดีกว่าเดิมแน่นอน การเจอปัญหาจำลองบนกระดานทั้งทางความคิดและจิตใจเสียก่อนย่อมเป็นเรื่องดี ก็เหมือนการเข้ายิมออกกำลังกายให้แข็งแรงอย่างปลอดภัยของวิทยาศาสตร์การกีฬา ดีกว่าต้องมาเจอในชีวิตจริงอย่างไม่คาดคิดแน่นอนครับ

นี่ก็เป็นทัศนะคติของผมในเรื่องนี้ หวังว่าแนวคิดนี้เหล่านี้คงจะเป็นตัวอย่างง่ายๆให้ท่านนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และขอให้ท่านมุ่งสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ดั่งหวังนะครับ
สวัสดีครับ ^_^

=======

ควรจะยกจึงเคลื่อนพล ดูกำลังตนกำลังท่าน
อย่าห้าวหาญ ถือกำลังแต่ผู้เดียว
-พิชัยสงครามหานซิ่น

=======

เป็นประโยชน์ก็เคลื่อน
ไม่เป็นประโยชน์ก็หยุด

=======

หมากรุกไทย (Makruk)


หมากรุกจีน (象棋; Xiangqi)

28 ตุลาคม 2564

อี้จิงกับอิทัปปัจจยตา


อี้จิง(易經)เป็นวิชาที่ว่าด้วย การเปลี่ยนแปลง(易) กล่าวกันว่าหากเข้าใจอี้จิง(เข้าใจการเปลี่ยนแปลง)จะสามารถทำนายอนาคตได้ และสามารถชี้เส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างแม่นยำ เพราะโลกนี้คือการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง อี้จิงจึงเป็นวิชาที่อยู่คู่กับชีวิตคนเราเสมอ และสามารถตีความเพื่อใช้ในศาสตร์ต่างๆได้ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น พิชัยสงคราม, การแพทย์, การเมือง, การปกครอง, ฯลฯ ประยุกต์ใช้ได้หมด
แม้กระทั้งการหุงข้าวก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การตั้งไฟ ซาวข้าว ใส่น้ำ ตั้งหม้อ รอให้น้ำเดือด ข้าวพองตัว เรื่อยไปจนถึงได้กินและถ่ายออก มันคือการเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอน เป็นกระบวนการ ส่วนจะต้องใช้ไฟขนาดไหน ใส่ข้าว ใส่น้ำเท่าไหร่จึงจะพอดี เป็นวิธีการ ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจของงานนั้นๆต่อไป อี้จิงครอบคลุมเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด แต่การจะทำความเข้าใจหลักคิดของอี้จิงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นคัมภีร์โบราณที่คำอธิบายได้สูญหายไปมาก และไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนในภาษาไทย

โดยส่วนตัว สำหรับคนที่ต้องการจะเข้าใจหลักคิดของอี้จิง ไม่ว่าท่านจะเคยอ่านอี้จิงหรือไม่ก็ตาม เราอยากแนะนำให้หนังสือ อิทัปปัจจยตา ของพระพุทธทาสภิกขุ(อ่านและดาวน์โหลด https://cutt.ly/2ElUCWT) ซึ่งเนื้อหาว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสรู้ไว้ และส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเป็นแก่นเดียวกันกับอี้จิง โดยเฉพาะในการทำความเข้าใจกระบวนการของธรรมชาติ และสามารถประยุกต์ใช้ในศาสตร์ใดใดได้ทุกแขนงเช่นกัน เล่มนี้อธิบายถึงหลักคิดของกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งอย่างชัดเจน
เมื่ออ่านอิทัปปัจจยาแล้ว ก็แนะนำให้อ่านหนังสือ ปฏิจสมุปบาทจากพระโอษฐ์(อ่านและดาวน์โหลด https://cutt.ly/kElUBYC)เป็นเล่มถัดไป เล่มนี้เป็นคำตรัสจากพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องกระบวนการของหลักอิทัปปัจจยตาโดยใช้ความทุกข์เป็นกรณีศึกษา ซึ่งพระพุทธทาสเป็นหัวหน้าทีมแปลและจัดหมวดใหม่เป็นชุดจากพระโอษฐ์(คัดเอาแต่คำสอนที่ในพระไตรปิฎกบอกว่าเป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสเองมาจัดหมวดใหม่ ให้เรื่องเดียวกันอยู่ในเล่มเดียวกัน)

พระพุทธทาสท่านกล่าวว่า เมื่อเห็นอิทัปปัจจยตาแล้วก็ทำปาบไม่ได้ ทำบุญก็เป็นบุญโดยไม่ต้องทำ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือที่แนะนำไป อาจช่วยให้ท่านเข้าใจแก่นหลักความคิดของการเปลี่ยนแปลง(易)ดั่งที่ท่านปราถนานะครับ

อ้างอิง
https://www.goodreads.com/book/show/28955433

25 ตุลาคม 2564

ยุทธศาสตร์หานซิ่น

หานซิ่น(ฮั่นสิน) ภาพจากซีรี่ย์เรื่อง King's War

หานซิ่น หรือฉบับแปลไทยคลาสสิคเรียกว่า ฮั่นสิน อยู่ในยุคก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นก่อนยุคสามก๊ก ช่วงแรกหานซิ่นเป็นทหารอยู่ในฌ้อปาอ๋อง แต่ไม่ได้รับการเลี้ยงดู แม้นำเสนออะไรก็ไม่มีใครเคารพ เพราะเห็นว่าเคยเป็นคนเข็ญใจไร้ทรัพย์มาก่อน ทั้งยังเป็นเพียงทหารยศต่ำเท่านั้น ภายหลังหานซิ่นจึงไปอยู่กับหลิวปัง(เล่าปัง)
แต่ก่อนที่หานซิ่นจะไปอยู่กับหลิวปัง เขาได้เคยเสนอยุทธศาสตร์เพื่อก่อตั้งราชอาณาจักรให้กับฌ้อปาอ๋อง แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล แถมถูกด่าว่า "ถือดียังไง เป็นแค่ทหารต่ำต้อย กลับมาสั่งสอนข้าฯ" จนเกือบโดนโทษประหาร ดีว่ามีคนช่วยขอโทษไว้จึงรอดตายมาได้ หานซิ่นก็นึกน้อยใจอยู่ตั้งแต่นั้น
ภายหลังไม่นาน จางเหลียง(เตียวเหลียง)ได้เจอหนังสือเล่มนี้ เมื่อได้อ่าน จางเหลียงถึงกับอุทานว่า
"ถ้าฌ้อปาอ๋องทำเหมือนหนังสือนี้ที่ไหนฮั่นอ๋อง[หลิวปัง]จะทำการใหญ่ได้ ก็จะตายอยู่ ณ เมืองโปต๋ง จึงนึกว่าหนังสือฉบับนี้ลึกซึ้งยากที่จะรู้ความคิดฮั่นสิน เปรียบเหมือนเกียงจูแหย ซึ่งเป็นทหารเอกของพระเจ้าบู๊อ๋อง ถ้ามิดังนั้นอุปมาเหมือนอีอี๋น ครั้งแผ่นดินเสียถาง สองคนนี้เป็นแม่ทัพปราบยุคเข็ญ ฮั่นสินก็มีสติปัญญาหาผู้เสมอมิได้ ถ้าเราได้พบจะเกลี้ยกล่อมให้ไปอยู่ด้วยฮั่นอ๋อง"
ด้วยเหตุนี้ จางเหลียงจึงเกลียกล่อมให้หานซิ่นไปอยู่กับหลิวปังและร่วมก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นได้สำเร็จ
และต่อไปนี้คือ ยุทธศาสตร์หานซิ่นที่เสนอต่อฌ้อปาอ๋อง แต่ฌ้อปาอ๋องไม่รับฟังทำให้เสียเมืองจนตัวตาย

=======
ยุทธศาสตร์หานซิ่น

ข้าพเจ้าฮั่นสินขอกราบเรียนจงจู๊เหลง ให้เอาหนังสือข้าพเจ้าขึ้นกราบทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องให้ทราบ ประเพณีกษัตริย์พระองค์ใดเป็นใหญ่จะทำศึกรักษาแผ่นดิน จงพิเคราะห์ดูให้รู้การรอบคอบต้องกับตำรับคัมภีร์พิชัยสงคราม ควรจะยกจึงเคลื่อนพลดูกำลังตนกำลังท่าน อย่าห้าวหาญ ถือกำลังแต่ผู้เดียว ถ้าข้าศึกฝีมืออ่อนแต่กำลังศึกกล้า อย่าเพ่อเข้าโจมตีดูทีทำนองศึกก่อน ถ้าเห็นทัพใดไม่ปกติจึงทำ บัดนี้ไต้อ๋องก็ถือพระองค์ว่ามีกำลังมากได้ครองสมบัติในเมืองหลวง หัวเมืองขึ้นทั้งปวงแลอาณาประชาราษฎร์ ยังมิได้อ่อนน้อมกระด้างกระเดื่องอยู่มากนัก ถ้ากำลังย่อหย่อนลงจะรักษาแผ่นดินไปไม่ตลอด ข้าพเจ้ามีความวิตกด้วยเล่าปังซึ่งมีรับสั่งให้ไปตั้งอยู่เมืองโปต๋งนั้น แต่ก่อนไม่ซื่อตรงเป็นคนโลภนักเล่นแต่สตรีเป็นอัตรา เที่ยวเสพสุราเป็นนิจ บัดนี้กลับตัวได้คิดแปลงกฎหมายบ้านเมืองเสียใหม่ ตรองการแต่จะให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ความสุขไป เพราะจะใคร่เป็นเจ้าในเมืองหลวงถึงสมบัติแลบรรดาหัวเมืองทั้งปวงที่อยู่ในไต้อ๋อง ถ้าบำรุงแผ่นดินต้องตามกษัตริย์แต่ก่อนอันครองยุติธรรมก็จะค่อยเป็นสุขไป ถ้าจะฆ่าผู้คนแลฟังคำยุยงมีอาญาเหมือนจี๋นซีฮองเต้นั้นไม่ควร ทุกวันนี้คนทั้งปวงก็มีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก ว่าฆ่าจูหยินซึ่งเป็นซาซีฮองเต้ แล้วขุดศพแลเผาตำหนักอาปงจ๋งเสีย หัวเมืองทั้งนั้นเห็นไปเข้าด้วยฮั่นอ๋องทหารข้าศึกก็จะมากขึ้น ซึ่งให้เผาหนทางจั๋นโต๋เสียนั้นโดยความคิดจะให้ประมาท อนึ่งด่านสามจีนก็ยังหามั่นคงไม่ พระองค์ให้ฮั่นอ๋องไปครั้งนี้ เหมือนหนึ่งให้หัดทหารฝึกเพลงอาวุธจะกลับมาตีชิงสมบัติเป็นมั่นคง อันทหารของพระองค์ซึ่งยังอยู่นี้ รู้แต่จะรบมิได้มีปัญญา ดีแต่ปากกล้าคอยพูดนอก มิอาจออกทูลทัดทานพระองค์ได้ ขออย่าประมาทพระทัยว่าไม่มีผู้ใดเสมอ จงให้หัดทหารที่มีฝีมือแลความคิดไปรักษาด่านสามจีนไว้ ให้ตัวเจียงหำตั้งอี้สุมาหืนเข้ามาไว้ในเมือง แล้วให้ทหารไปรับบิดาแลพรรคพวกบุตรภรรยาของฮั่นอ๋องมาคุมไว้ คิดแต่งทหารไปกำกับหัวเมืองทั้งปวงดูแยบคาย จงคัดทหารคนมีสติปัญญากล้าแข็งสักสองคน มาตั้งเป็นที่ใจเสียงสำหรับว่าการในพระนครคนหนึ่งๆ เป็นไต้เจียงกุ๋นแม่ทัพจะได้ฝึกหัดทหารไว้ปราบหัวเมืองทั้งปวงเหมือนอย่างพระเจ้าบู๊อ๋องครองแผ่นดินตั้วก๊กจิว

=======

แม้ว่าภายหลังหานซิ่นจะได้มาอยู่กับหลิวปัง แต่ในตอนแรกก็ไม่ได้รับความไว้วางใจ จนน้อยใจหนีไปอีกเหมือนกัน แต่ได้เซียวเหอ(เสียวโห)ตามกลับมา และทูลรับรองต่อหลิวปังว่า คนนี้เป็นคนดีจริงมีสติปัญญา หานซิ่นจึงได้เป็นแม่ทัพใหญ่ และเป็นตำนานตราบจนทุกวันนี้

เซียวเหอไล่ตามหานซิ่นใต้แสงจันทร์

พิชัยสงครามหานซิ่น

ห่านซิ่นแม่ทัพผู้ไร้พ่ายยังมีผลึกความคิดที่น่าสนใจอีกมากมาย ทดลองอ่านและเป็นเจ้าของตำราพิชัยสงครามหานซิ่นได้ที่ https://cutt.ly/UTMzyMy
Thumbnail Seller Link
พิชัยสงครามหานซิ่น
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
www.mebmarket.com
หานซิ่น(ฮั่นสิน) เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้ร่วมกับหลิวปัง(เล่าปัง)สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ซึ่งถูกยกย่องจากจางเหลียง(เตียวเหลียง)ที่ปรึกษาของหลิวปังว่า หานซิ่นมีปัญญา...
Get it now

อ้างอิง

24 ตุลาคม 2564

เปิดฝาหลัง Casio F91W - พูดไปเรื่อยกับนาฬิกาในตำนาน

Casio F91W นาฬิกาในตำนานที่ใครๆก็รู้จัก เราเคยพูดถึงนาฬิการุ่นนี้ไว้แล้วบทความก่อนอ่านได้ที่ Casio F91W - นาฬิกาในตำนาน คราวนี้เรามาคุยกันเรื่อยเปื่อยถึงนาฬิการุ่นนี้กันต่อ แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีนาฬิกาออกมาหลากหลายรูปแบบแต่นาฬิการุ่นนี้ก็ยังคงเป็นนาฬิกาที่ประทับใจของผู้คนเสมอ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ครบถ้วน รวมไปถึงน้ำหนักที่เบา บาง และที่สำคัญที่สุดคือทนทาน ทำให้ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน รุ่นนี้ก็ยังคงยืนยงอยู่จนถึงทุกวันนี้

คราวนี้เรามาเปิดด้านหลังกันเพราะว่าถ่านหมดครับ จึงเปิดมาเพื่อเปลี่ยนถ่านแล้วก็ให้ความรู้ถึงชิ้นส่วนที่เราต้องเจอเมื่อเปิดออกมา
เมื่อแกะสติกเกอร์ออก
อันดับแรกเลย ที่ทุกคนมักแปลกใจเมื่อเปิดฝาหลังครั้งแรก คือเจ้าสติ๊กเกอร์พลาสติกสีขาวๆ แวบแรกคือ มันมีไว้ทำไม? หลายคนมาถึงก็จะแกะสติ๊กเกอร์นี้ออกเลยซึ่งมันไม่จำเป็นต้องแกะออก ประโยชน์ของสติ๊กเกอร์ตัวนี้คือปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้ลำโพง ซึ่งคือสติ๊กเกอร์กลมๆที่ปั้มอักษร AD43 ที่แปะอยู่ข้างหลังฝาครอบนั้น สัมผัสโดนกับขั้วถ่าน(ตัวครอบถ่านมีสภาพเป็นขั้วถ่านทั้งอัน) เพราะขั้วที่ลำโพงต้องสัมผัสนั้นเป็นแกนเหล็กสีทองที่อยู่ข้างล่าง เป็นคนละขั้วกัน คือป้องกันการช๊อตน่ะแหละ แต่สติ๊กเกอร์สีขาวนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ มันไม่สัมผัสตัวลำโพงอยู่แล้ว เพราะมีช่องว่างจากฝาหลังพอสมควร แต่ว่าแปะไว้ก็ดี เน้นชัวร์

ลำโพงเปียโซ คือ ลำโพงแบนๆกลมๆที่แปะอยู่ที่ฝาครอบที่มีอักษร AD43 ในภาพนั่นล่ะครับ รับไฟขั้วบวกผ่านฝาครอบเข้าข้างหลังลำโพง และไฟอีกขั้วจากการสัมผัสโดยตรงกับแกนหล็กสีทอง ถ้าตั้งใจฟังดีๆ จะชัดเจนว่าเสียงปี๊บของ Casio F91W นั้นให้เสียงทุ้มแน่นกังวาลกว่านาฬิกาทั่วๆไป
ต่อสายจากขั้วไฟลำโพง

อีกสิ่งที่จะเห็นคือ ขั้วสัมผัสที่อยู่สองขั้ว ข้างบนเป็นขั้วบวกข้างล่างเป็นขั้วลบ สองขั้วนี้จะจ่ายไฟเข้าไปที่ลำโพงเปียโซเมื่อตั้งเตือนทำให้ให้เกิดเสียง ปี๊บๆ ตรงจุดนี้เองที่ผู้ก่อการร้ายนิยมนำนาฬิกา Casio F91W มาใช้ในการตั้งระเบิดเวลา โดยโยงสายออกจากสองขั้วนี้เข้าวงจรจุดระเบิดแล้วตั้งเตือนเอาไว้ เราก็แอบสงสัยว่าทำไมต้องใช้ Casio ด้วยนะ นาฬิกาดิจิตอลราคาถูกๆกว่านี้ก็มีตั้งมากมาย หรือยี่ห้อถูกๆอื่นๆไม่มีขั้วแบบนี้ก็ไม่ทราบได้ แต่ก็นั่นแหละ ด้วยเหตุนี้เอง การใส่นาฬิกา Casio F91W ไปเที่ยวในบางประเทศ เจ้าหน้าที่สนามบินจะให้ความสนใจกับผู้ใส่นาฬิกานี้เป็นพิเศษด้วยนะ(ฮา) ได้ยินมาว่ามีบางคนเคยถูกกักตัวในห้องเย็นที่สนามบินเพื่อสอบสวนด้วย(อันนี้ฮาไม่ออกแฮะ)
ภายในทั้งหมด

แต่ต้องยอมรับเลยว่าการออกแบบวงจรภายในน่าประทับใจมาก ถ้าแกะออกมาทั้งหมดจะเห็นว่าไม่ต้องมีการโยงสายอะไรเลย ใช้การสัมผัสทั้งหมด ประกบกันเหมือนแซนวิสก็ทำงานได้แล้ว แม้กระทั่งเบ้าใส่ถ่านที่ถ่านด้านหน้าจ่ายไฟเข้าวงจรนาฬิกา ด้านหลังก็ต่อเข้าลำโลง ไม่ต้องโยงสายอะไรเลย ออกแบบได้สุดยอดจริงๆ ใช้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของถ่านได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงฝาครอบก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของวงจร

อีกอันที่เป็นตัวหลักคือ ขอบยาง ตัวนี้ไว้กันน้ำเข้า ซึ่งเมื่อถอดออกมาแล้ว ต้องใส่คืนให้ถูกด้านด้วย สังเกตขอบให้ดี ขอบยางที่อยู่ด้านข้าง มุมของมันจะกิ่วนิดหน่อย ทั้งสี่มุมเลย และด้านที่หันขึ้นจะเป็นด้านที่ดูเรียบๆเหมือนกันไปตลอดวง ถ้าใส่ถูกแล้ว แทบไม่ต้องจัดเลย มันจะลงล๊อคเอง อันนี้ต้องระวังให้ดี ถ้าใส่ผิดน้ำอาจเข้าได้

วิธีเปลี่ยนถ่าน คือ เอาตัวเครื่องออกมาทั้งอันเลย แล้วปลดคลิปออกทั้งสี่ด้าน ทีนี้ก็เอาถ่านเก่าออกใส่ถ่านใหม่แทน ก่อนประกอบกลับให้ระวังเรื่องฝุ่นที่หน้าปัดด้วย จากนั้นดันปุ่มกดจากข้างในเพื่อเคลียพื้นที่แล้วใส่เครื่องกลับลงไป  บางทีใส่ถ่านใหม่แล้วมันอาจยังไม่ติด กดปุ่มเปิดไฟสักที ก็เป็นอันเรียบร้อย

จุดเด่นของนาฬิกา Casio F91W คือจอแสดงผลที่มีคุณภาพมาก มันให้มุมมองที่กว้าง ลองเอียงจอดูทั้งซ้านขวา มุมเงยบนล่าง เราจะเห็นเงา LED แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นนาฬิการาคาถูกยี่ห้ออื่นๆ แค่มองมุมไม่ตรงนิดเดียว เงา LED ก็เข้มลอยมาแล้ว นี่หมายความว่า จอของ Casio F91W มีความคมชัดและสะอาดตา นี่เป็นจุดที่หลายคนอาจไม่สังเกต ซึ่งเอาเป็นหลักการไว้ดูว่าเป็น Casio แท้หรือปลอมได้ด้วย ตรงนี้ต้องยกให้เลยว่า Casio F91W เป็นนาฬิกาที่ออกแบบและผลิตมาอย่างดีจริงๆ ไม่ใช่แค่แสดงผลได้ แต่ต้องแสดงผลได้อย่างเคลียๆด้วย ตั้งแต่ปี 1991 เลยทีเดียวที่เริ่มผลิตรุ่น F91W ออกมา รุ่นอื่นๆจอแสดงผลก็คงมีคุณภาพไม่แพ้กัน

นาฬิการุ่นนี้ที่ว่าทนก็ทนจริง ถ่านก้อนนึงใช้ได้อย่างน้อย 7 ปี แต่ใช้จริงๆได้นานกว่านั้นมากๆ แต่ว่าสิ่งที่จะไปก่อนเพื่อนคือสายครับ ๕๕๕บวก ปีสองปีก็ขาดแล้ว ก็ต้องไปร้านนาฬิกาซื้อสายให้ช่างเปลี่ยน ก็เลยหงุดหงิดสายเรซิ่น หันมาใช้สายผ้าแทน ก็เฉือนหัวเข็มขัดจากสายเก่าเอามาถักใยกัญชงเข้าไปให้เป็นสายนาฬิกา ใยกัญชงเขาว่ามันไร้กลิ่นอับและไม่ขึ้นรา คิดว่าเหมาะอยู่นะสำหรับสายนาฬิกา เพราะเคยใช้สายนาฬิกาไนลอนทั่วไป กลิ่นนี่ได้ใจเลยถ้าเปียกเหงื่อหรือเปียกน้ำบอกเลย ถักยาวเป็นเส้นเดียวแล้วสอดผ่านใต้ตัวเรือน ใช้ดีอยู่นะ น้ำหนักเบากว่าเดิม และจะแทงเข็มตรงไหนก็ได้เพราะสายถักมีรูเต็มไปหมด ทำให้ปรับระยะได้ตามใจชอบ

หลังจากหันไปใช้ยี่ห้ออื่นมาหลายปี ไม่มีอะไรถูกใจเท่าเจ้านี้อีกแล้วแหละ จึงกลับมาปลุกชีพมันขึ้นมา เปลี่ยนสายซะใหม่ ผู้ที่นิยมใช้นาฬิการาคาไม่แพง ราคาหลักร้อย บางเบาแต่ทนถึก เที่ยงตรง เชื่อถือได้ และมีฟังชั่นมาตราฐานครบถ้วน Casio F91W เป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ

กดปุ่มขวาล่างค้างไว้ 3 วินาทีจะขึ้นคำว่า CA51o
ถ้ากดทั้ง 3 ปุ่มค้างไว้จอจะแสดงผล LED ทั้งหมด

ปลุก Casio F91W ในตำนานให้คืนชีพอีกครั้ง และเปลี่ยนสายใหม่โดยถักจากใยกัญชง น้ำหนักเบา ทนทาน ว่ากันว่าเส้นใยกัญชงจะไร้กลิ่นอับและไม่ขึ้นรา ทำเป็นสายนาฬิกาก็น่าจะเหมาะดีเหมือนกัน

Ryusuke Moriai ผู้ออกแบบ F91W

แถม

F91W กับ NATO 18 mm

NATO Strap สายนาฬิกาสำรอง ที่ไว้สวมรอดใต้ตัวเรือนเพื่อเปลี่ยนสายอย่างง่ายดาย และถอดซักได้สะดวก ชื่อนี้มีที่มา
สายนาฬิกาที่รู้จักกันในนามว่านาโต้ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดยกองทัพสหราชาอาณาจักรในปี 1973 โดยให้ทหารสามารถเบิกไปใช้กับนาฬิกาของตัวเองได้ ที่มาของชื่อนี้มาจากการที่สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ จึงทำให้อุปกรณ์ต่างๆของกองทัพต้องมีเลขรหัสที่ขึ้นทะเบียนกับ NATO ไม่ได้ผลิตมาสำหรับกองกำลังของ NATO แต่อย่างใด อีกชื่อของมันคือ G10 ตามชื่อย่อของแบบฟอร์มที่ทหารต้องกรอกเมื่อต้องการเบิกสายนาฬิกาแบบนี้มาใช้งาน
สาย NATO ถูกออกแบบมาให้มีความยาวกว่าสายนาฬิกาทั่วไป ทำให้สามารถสวมใส่ทับแขนเสื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นชุดกันหนาวหรือเว็ตสูทสำหรับนักประดาน้ำ สายไนลอนยังความทนทาน และการที่สายลอดใต้ตัวเรือนนาฬิกาทำให้สวมใส่กระชับกว่าสายประเภทอื่นๆ

ถ้าสายนาฬิกาขาด แล้วเบื่อสายเรซิ่นแบบเดิมๆที่ไม่นานก็ขาดอีก เปลี่ยนถ่านครั้งนึงก็เปลี่ยนสายเรซิ่นไปแล้ว 3 เส้น มันมีสายนาฬิกาไนล่อนสำเร็จรูปอยู่ครับ ที่เรียกว่า NATO Strap เป็นสายแบบชิ้นเดียวสามารถนำมาร้อยผ่านใต้นาฬิกาได้เลย ไม่ต้องใช้เครื่องมือถอดสปริงบาร์ให้ยุ่งยาก สายตัวนี้คนเล่นนาฬิกาจะรู้จักดี ใส่ง่ายถอดซักได้สะดวก มันเป็นสายนาฬิกาสำรองของทหารอังกฤษซึ่งออกแบบมาสำหรับใช้ในสนามรบ ใช้ได้กับนาฬิกาแทบทุกชนิด ปัจจุบันนี้ของจีนทำออกมาราคาไม่กี่สิบบาทเท่านั้นเอง สำหรับ F91W จะใช้สาย NATO Strap ขนาด 18 mm ครับ แต่สำหรับ F91W ก็ใส่ไม่ง่ายซะทีเดียว มันจะแน่นๆหน่อย ต้องใช้กำลังภายในกันนิดนึง
ข้อดีของ NATO Strap สำหรับทหารและสายลับหลักๆ คือ
  • สายที่ยาวกว่าปกติ ทำให้สามารถใส่นาฬิกาทับบนแขนเสื้อกันหนาวได้ หรือใส่ในที่อื่นๆได้อย่างกว้างขวางตามต้องการ ถ้าปลายยาวเกินก็เพียงพับปลายแล้วสอดกลับเข้าไป
  • เพราะเป็นสายแบบชิ้นเดียวทำให้ปลอดภัยต่อนาฬิกาเมื่อเกิดเหตุตัวสปริงบาร์อันใดอันหนึ่งหัก นาฬิกาก็ยังคงคาอยู่บนสายได้ด้วยสปริงบาร์อีกอัน ต่างจากสายปกติแบบสองชิ้นที่นาฬิกาคงหลุดร่วงไปแล้ว
  • จากการที่สายลอดผ่านใต้นาฬิกาทำให้ผิวหนังไม่ต้องสัมผัสกับโลหะใต้ตัวเรือน ซึ่งเหมาะในสถานที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
  • แน่นอนว่าทนทานเพราะทำจากไนล่อน
  • ใช้รัดสิ่งของได้
  • และอื่นๆอีกมากมาย

ร้านขายสาย NATO Strap

คลิปทดสอบ F91W ด้วยการใส่พร้อมใช้งานเครื่อมมือช่างต่างๆนี้ เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างแฟร์ เพราะ G-Shock ก็มีการทดสอบแรงสั่นสะเทือนด้วย และเป็นสิ่งที่อาจเจอได้ในชีวิตจริง โดยเฉพาะเมื่อขับมอร์เตอร์ไซด์
การทดสอบเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงที่ใช้กับ G-Shock มี 3 ประเภทคือ แรงกระแทก แรงเหวี่ยง และแรงสั่นสะเทือน
จากในคลิปนับว่า F91W ก็ผ่านแรงสั่นสะเทือนไปได้ด้วยดี แต่ถ้าโดนอย่างนี้ในระยะยาวอยู่เรื่อยๆก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ๕๕๕บวก แต่เดาว่าสกรูอาจจะหลวม อย่างไรก็ตาม ที่ F91W ไม่ได้รับปกป้องหลักๆเลยก็คือกระจกและปุ่ม กระจกเป็นรอยนั้นปกติมาก และถ้าทำตกแล้วปุ่มลงพื้นละก็ ต้องมีซ่อมแน่ๆครับ ดังนั้นใช้อย่างระวังดีกว่า แค่รู้ว่าทนทานใช้ได้นานก็พอแล้ว

คลิปนี้ทดสอบแรงกระแทก(ตกพื้น)แบบโหดใช้ได้เลย แต่ F91W ก็ผ่านมาได้ โมดูลยังคงทำงานได้ดี แม้ภายนอกจะมีแผลพอสมควรเลยทีเดียว โชคดีปุ่มไม่ลงพรพื้นตอนตก ไม่งั้นกดไม่ติดแน่ครับ

ถ้าเทียบแค่ราคาต่อความทนทานสำหรับการใช้ในชีวิตจริง F91W นับว่าคุ้มค่ามาก
ในคลิปนี้ทดสอบ F91W กับแรงเหวี่ยงด้วย ซึ่ง F91W ผ่านมาได้ด้วยดี แต่การทดสอบหลังๆโหดจนเกินไปเลยทีเดียว
การทดสอบเหล่านี้เป็นอะไรที่เกินกว่ากรณีใช้จริงอยู่มาก เอาเป็นว่าอย่าทำการทดสอบเหล่านี้เองเลยนะ มันอันตรายและโหดร้ายกับนาฬิกาเกินไป ใช้อย่างทะนุถนอมดีกว่า อย่างที่เห็นว่ามันทนทานขนาดนี้ คงใช้ได้กันไปยาวๆเลยล่ะ

คลิปนี้ดำน้ำกับ F91W และกดปุ่มใต้น้ำ OMG! นับว่าเป็นการทดสอบการใช้ที่ขึ้นไปอีกขั้น เพราะนาฬิกาทั่วไปแม้กันน้ำก็ไม่ควรกดปุ่มขณะเปียกน้ำ ไม่ต้องพูดถึงตอนดำน้ำเลย เพราะน้ำอาจจะแทรกเข้าไปได้ โดยเฉพาะในน้ำลึกหรือน้ำสบู่ เนื่องจากในน้ำลึกมีแรงดันของน้ำที่มากกว่าปกติ และสบู่นั้นลดแรงตึงผิวของน้ำ อาจทำให้น้ำแทรกเข้าไปได้ง่ายครับแม้ขณะล้างมือก็ตาม
บางคลิปยังบอกว่า เคยดำลงไปถึง 30 m แล้วกดปุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร นับว่าเป็นนาฬิการาคาหลักร้อยที่ทนถึกคุ้มค่าจริงๆ น่าประทับใจ

อ้างอิง

23 ตุลาคม 2564

สมุนไพรจีนรักษาแผลเริม สิว และโรคผิวหนัง

คนที่เป็นแผลเริมที่ปากจะรู้ว่ามันน่ารำคาญขนาดไหน ทั้งคัน แสบร้อน ถ้าไม่กินยาหรือทายา จะปวดแสบปวดร้อนจนนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อแผลกำเริบก็ต้องระวังไม่ให้ติดคนอื่นด้วย(รับผิดชอบต่อสังคม) และยาเริมเป็นอะไรที่แพงมาก และตามใบกำกับยาบอกไว้ว่ามีผลกระทบต่อตับไต แต่จะทำยังไงได้ ไม่กินก็ไม่ได้ แผลมันจะไม่หายง่ายแถมเจ็บด้วย เราก็หาสมุนไพรสำหรับรักษาแผลเริม ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรสำหรับทา แบบกินหาไม่ได้เลย ก็เลยใช้ยาทาสมุนไพรจีนเพื่อไม่ให้เจ็บแผล คู่กับยากินแผนปัจจุบันปัจจุบันเพื่อให้แผลไม่กำเริบและหายเร็ว
ค้นหาไปค้นหามา จนในที่สุดก็เจอยาสมุนไพรจีนตัวนึงเป็นยากิน ชื่อว่า มีกีฟู ของ อ้วยอันโอสถ เราเห็นว่ามีสรรพคุณ แก้แผลพุพอง อยู่ด้วย ซึ่งเริมในทางแพทย์แผนจีนคือแผลพุพองจากความร้อนชื้นในร่างกาย เลยทดลองเอามากินดูตอนเป็นเริม ตามโดสข้างกล่อง ครั้งละ 10 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เราก็กินเช้าเย็น 10 เม็ดอาจฟังดูเยอะ แต่สามารถกินทีละ 5 เม็ดได้สบายๆ มันเป็นลูกกลอนเม็ดไม่ใหญ่มากครับ ควบคู่กับการทาน้ำมันฯห้าวหาญไปด้วย วิธีทา คือ เหยาะยาลงบนช้อนโยเกิร์ตสักหยด เอาทิชชูมารองใต้แผลที่ปากแล้วค่อยๆหยดลงไปเหนือแผล จะเย็นสบาย ทาก่อนนอน หลับสบายไม่แสบร้อนแผล
กินไป 3 วันแผลเริ่มแห้ง 5 วันก็เริ่มตกสะเก็ด แต่ราคาถูกกว่าและปลอดภัยกว่าด้วย จะกินต่อจนกว่าจะหมดขวด(10 วัน)หรือหยุดแค่วันที่ 5 เหมือนยาแผนปัจจุบันก็แล้วแต่พิจารณา เพราะเริ่มจะหายแล้วครับ

มาลองคำนวณราคากัน ราคาหน้ากล่องมีกีฟูอยู่ที่ 100 บาท; บรรจุ 200 เม็ด. กินครั้งละ 10 เม็ด; วันละ 2 ครั้ง. 1 ขวดกินได้ 10 วัน; ตกวันละ 10 บาท. ถูกกว่ายาเริมแผนปัจจุบันกว่าครึ่ง ซึ่งตกประมาณ 20-100 บาท/วัน ขึ้นอยู่กับ mg ของยา และต้องกินอย่างน้อย 5 วัน
น้ำมันฯห้าวหาญ ขวดละ 80 บาท ใช้แค่ทีละหยดวันละครั้ง หรือ 2-4 ครั้งก็ได้ ยังเหลืออีกมาก เอาไว้ทาแผลแก้ คัน แมลงกัดต่อย และอื่นๆได้ด้วย ถูกกว่ามาก ส่วนครีมทาเริมหลอดละ 120 บาท ทาทุกๆ 4 ช.ม. ส่วนใหญ่เมื่อหายก็จะหมดหลอดพอดี

มีกีฟู ภาษาจีนแปลว่า ผิวสวย สรรพคุณตามใบกำกับยาบอกว่า แก้โรคผิวหนัง พุพอง น้ำเหลืองเสีย ผื่นคันตามหนัง หรือใช้รักษาสิวก็ได้ เห็นว่ามีรักษาแผลพุพอง จึงลองกับแผลเริมที่ปากก็ได้ผล เริมที่อื่นก็น่าจะได้เหมือนกัน และคิดว่า งูสวัส ก็น่าจะรักษาได้ ถ้าแผลไม่ใหญ่เกินไป แต่อาจต้องกินเพิ่มเป็น 3 ครั้ง/วัน เพราะแผลใหญ่กว่าเริมมาก และอาจใช้เวลานานกว่า

ส่วนประกอบมีกีฟู
ไข่มุก : บำรุงผิว สงบตับ ลดไฟตับ
เลี่ยงเคี้ยว : ดับร้อน ขับพิษ ลดความร้อนของเลือด
แชตี่ : ดับร้อน ทำให้เลือดเย็น เสริมหยิน
ข้าวเย็นเหนือ : ขับพิษ ขจัดความชื้น-ร้อนจากผิว
หงึ่งฮวย : ดับร้อน ถอนพิษร้อน ขับความชื้น-ร้อน

โดยรวมเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็น ทำให้เลือดเย็นลง ปอดเย็นลง และแก้ร้อนใน ซึ่งตามหลักแพทย์แผนจีน ปอดส่งผลเกี่ยวข้องกับผิวหนังด้วย จึงรักษาอาการได้กว้างหากเหตุของโรคมาจากการที่มีการอักเสบ เลือดร้อน ปอดร้อน เมื่อหายดีแล้วก็ควรหยุดกิน เพราะมันคือยารักษา ไม่ใช่ยาบำรุงครับ

ที่นำมาแบ่งปันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว นำมาเล่าสู่กันฟัง เราใช้แล้วหาย อาจป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆบ้างนะครับ เอาไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสายสมุนไพร เพราะยาเริมแพงเหลือเกิน โรคคนรวย ไม่รวยอย่าเป็น เพราะยามันแพง 555+😂(แซว) และคนที่เป็น เมื่อมีอาการก็ควรระวังไปติดคนอื่นด้วยนะครับ เพราะพวกเราเองก็ติดจากคนที่ไม่ระวังเหมือนกัน เมื่อเป็นแล้วก็กินยา ทายา ไม่นอนดึก(เกิน 11pm) พักผ่อนให้เพียงพอ งดอาหารทะเล ของร้อนใน และสุรา

ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี
ไม่ป่วยไม่ไข้นะครับ
สวัสดีครับ

แถม
เคยลองกินสมุนไพรเพื่อแก้เริมที่ปากมาหลายตัว ผลไม่ชัดเจนเท่ามีกีฟู เพราะยังไม่ได้ทดลองแบบจริงๆจังๆ แต่รู้สึกว่าน่าจะพอช่วยได้เหมือนกัน คือถ้าหามีกีฟูไม่ได้ก็ลองให้กิน แปะฮวยจั่วจิเฉ่า(เม็ด) หรือ ยิ่นเคี้ยวโกยตั๊กเพี่ยง อย่างใดอย่างหนึ่งแทนครับ
แต่ให้ดีทาน้ำมันฯห้าวหาญวันละครั้งก่อนนอนหรือทุกๆ 2-4 ช.ม. ช่วยได้มากครับ ยาทาภายนอกจะช่วยให้แผลหายและแห้งเร็วอย่างเห็นได้ชัด
การดื่มจับเลี้ยงหรือเซี่ยซางจูในช่วงที่เป็นด้วยก็ช่วยเสริมให้เริมไม่ลุกลามได้เหมือนกันครับ แต่ไม่ควรกินพร้อมยา เว้นสักครึ่งช.ม.เป็นอย่างน้อย ดื่มแทนน้ำ ดื่มระหว่างวันกำลังดี(ระวังน้ำตาล)

อ้างอิง

13 ตุลาคม 2564

ความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน COVID-19 - ข้อสังเกตและคำแนะนำ

เรามีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องผลข้างเคียงจาการฉีดวัคซีน COVID-19 ที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตนั้น ไม่ว่าจะเนื่องด้วยโรคประจำตัวหรือสุขภาพส่วนตัวของแต่ละบุคคลหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าเห็นว่าอาจจะสามารถล่วงรู้และป้องกันได้
โดยใช้ข้อมูลจากข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนมาวิเคราะห์ ทำให้เห็นว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับสารน้ำลดน้อยลง(สารน้ำ เช่น น้ำ, เลือด, ความชุ่มชื้นที่สร้างของเหลวต่างๆในร่างกาย เป็นต้น)

  • ผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน เมื่อชันสูตรแล้วมักจะเสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากการขาดสารน้ำ เช่น ร่างกายขาดน้ำ, ขาดเลือด, ฯลฯ (อ่านเพิ่มเติม https://cutt.ly/VEpNKfm)
  • เด็กที่ได้รับการฉีด Pf หลังฉีดวัคซีนต้องงดการออกกำลังกาย และมีเพศสัมพันธุ์(หรือช่วยตัวเอง)เพราะจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แม้จะบอกว่าเพราะหัวใจอาจทำงานหนักจนเป็นเหตุ แต่จะเห็นว่า การออกกำลังกายทำให้ร่างการสูญเสียสารน้ำมาก หัวใจใช้สารน้ำมาก และการมีเพศสัมพันธ์ก็เช่นกัน(ซึ่งเป็นสารน้ำที่มีความข้นสูง)
  • บางคนฉีดแล้วโรคเก่ากำเริบ เช่น เริม หรือ งูสวัส ซึ่งโรคเหล่านี้มักโผล่มาเมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกัน(ทั่วไป)ตก โดยเฉพาะเมื่อภายในร่างกายร้อนและขาดความชุ่มชื้น ก็มาจากสารน้ำที่น้อยจนไม่สมดุลกับความร้อน
  • ผู้หญิงหลายท่านฉีดแล้วประจำเดือนเลื่อน ประจำเดือนขาด นั่นเป็นอาการของเลือดพร่อง ซึ่งก็คือสารน้ำที่พร่องไปเหมือนกัน
  • การที่ฉีดเข็มหลังๆยิ่งมีความรุนแรงของผลข้างเคียงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเพราะร่างกายสร้างสารน้ำกลับคืนมาไม่ทันหรือไม่?

หากจับด้วยปรัชญาจีน จะเห็นว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการมีฤทธิ์ร้อน(หยาง)ที่มากกว่าฤทธิ์เย็น(หยิน)แทบทั้งนั้น อาจเป็นไปได้ว่าวัคซีนผลาญสารน้ำในร่างกายไปมาก ดังนั้น จึงควรปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่ง คือ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากทั้งก่อนและหลังรับวัคซีน งดชา, กาแฟ, และแอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ
ตัวอย่างสมุนไพรจับเลี้ยง
ภาพจาก https://t.ly/Rgdj

ถ้าต้องการให้ร่างกายกักเก็บสารน้ำได้มาก แนะนำให้กินของที่เสริมหยิน(ฤทธิ์เย็น) ซึ่งของที่หาง่าย เช่น จับเลี้ยง(ควรเป็นแบบต้มสมุนไพร ไม่ใส่น้ำตาล), ฯลฯ เป็นต้น ดื่มก่อนไปฉีดวัคซีน เพื่อบำรุงหยินโดยรวมให้ร่างกายสามารถกักเก็บสารน้ำไว้ให้มากเพื่อป้องกันและรับมือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่จะผลาญสารน้ำจำนวนมาก ไม่หักโหมทำงานหรือออกกำลังกาย และไม่นอนดึก(ไม่เกิน 23:00 น.) การนอนให้เพียงพอก็ช่วยบำรุงหยินด้วยเช่นกัน (อันนี้กล่าวถึงการเตรียมตัวก่อนฉีด ไม่นับเรื่องอาการไข้หลังฉีดที่ต้องดูแลต่างกัน*(ดูที่เพิ่มเติมข้างล่าง))

โดยรวมคือแนะนำให้เสริมสารน้ำ บำรุงหยิน บำรุงไต(ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมน้ำในร่างกาย) กินอาหารพวกพืชผักสีม่วง ดำ เช่น เห็ดหูหนูดำ, เห็ดหอม, ถั่วดำ, งาดำ, เห็ดหอม, ข้าวสีดำ, ผลไม้ฉ่ำน้ำ, เฉาก๊วย, สมุนไพรบำรุงไตหยิน, ฯลฯ
สำหรับคนที่ฉีดแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ประจำเดือนขาด แนะนำให้บำรุงเลือดร่วมด้วย
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าต้องปรับสมดุลมากน้อยแค่ไหน(นอกจากการวินิจฉัย) ขอเพียงทำให้ดีที่สุดเท่าที่เรามีข้อมูล ไม่มีอะไรรับประกันได้

สำหรับคนที่ติดแล้วหายแล้วและเป็น Long Covid จากที่เก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการ ชี่และเลือดพร่อง จึงควรบำรุงชี่เลือด ซึ่งร่างกายแต่ละคนต้องบำรุงแตกต่างกันไป ควรวินิฉัยก่อน แต่ถ้าเป็นเรา เราจะบำรุงด้วย โสม(人参) หรือ โสมอเมริกา(西洋参; จีนกลาง: ซีหยางเซิน; แต๋จิ้ว: ไซเอี่ยเซียม) หรือ ตังเซียม(黨參, 党参; จีนกลาง: ตั่งเซิน)

เราเป็นเพียงหนอนหนังสือ อาศัยว่าเคยอ่านหนังสือมาบ้าง จึงวิเคราะห์ตามหลักปรัชญาเท่าที่รู้โดยใช้ข้อมูลจากข่าว เราอยากให้มีแพทย์แผนจีนและแผนไทยลงสถานที่จริงมากๆเลย เพื่อจะได้เก็บข้อมูลเรื่องพวกนี้ จะได้มีข้อมูลหน้างาน เพื่อนำมาวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น เราเคยแนะนำ สธ. ไปแล้ว แต่ไม่มีการจัดสรรแต่อย่างใด เราจึงขอแนะนำเอง เท่าที่ความรู้อันน้อยนิดของเรามี

ถือเสียว่าบทความนี้เป็นการโยนหินล่อหยกก็แล้วกัน ที่จะล่อให้ผู้รู้ขบคิดเกี่ยวกับข้อสังเกตเหล่านี้ และออกมาแก้ไขเพิ่มเติมคำแนะนำให้ถูกต้องยิ่งขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้คนจำนวนมากต่อไป

เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนและรับวัคซีนแล้ว
ขอให้ทุกคนปลอดภัยและมีสุขภาพดี
ด้วยความปราถนาดี

六味地黄丸 ลิ่วเว่ยตี้หวงหยวน (แต้จิ๋ว: หลักบี่ตี่อึ่งอี๊): ตำรับยาบำรุงหยินไต

เพิ่มเติม
ก่อนฉีด นอกจากจับเลี้ยงแล้ว สมุนไพรบำรุงสารน้ำที่หาง่ายแบบไม่ต้องให้หมอจ่ายยังมีอีกมาก เช่น ถั่วเขียวต้ม, น้ำเก็กฮวย, เฉาก๊วย, น้ำใบบัวบก, ชาใบหม่อน, ชาแชตี่, ชาเส็กตี่, ชาห้าบุปผา, เซี่ยซางจู, น้ำรางจืด, ฯลฯ ที่ใช้แก้ร้อนในดับกระหายถือว่าใช้ได้ในเบื้องต้น; ไม่ใส่น้ำตาลหรือใส่น้ำตาลแต่น้อยจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม จับเลี้ยงโดดเด่นที่สุดเพราะรวมสมุนไพรเหล่านี้ไว้หลากหลายชนิด ช่วยปรับสมดุลแบบองค์รวม และฤทธิ์ไม่เย็นจัดจนเกินไป
ควรกินก่อนฉีดและหลังฉีดสักระยะนึง เพื่อปรับสมดุลร่างกาย ไม่ให้เกิดความร้อน ความแห้ง ในร่างกาย และสร้างความชุ่มชื้นและบำรุงสารน้ำ ฯลฯ ให้กลับสู่สมดุลตามปกติ

*คำแนะนำวิธีดูแลอาการไข้หลังฉีด
หลังฉีดมักจะมีอาการไข้อยู่ประมาณวันสองวัน ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกัน ให้ดูแลตามอาการ :
ถ้าเป็นหวัดเย็น เช่น หนาวสั่น, ปวดหัว, ปวดข้อ, น้ำมูกใส, ฯลฯ แนะนำให้ดื่มสมุนไพรรสเผ็ดอุ่น เช่น น้ำขิง
ถ้าเป็นหวัดร้อน เช่น ไข้สูง, เจ็บคอ, คอแห้ง, น้ำมูกข้นเหลือง, ฯลฯ แนะนำให้ดื่มสมุนไพรรสเผ็ดเย็น เช่น น้ำเก็กฮวย, ชาใบหม่อน, ชามินต์, ฯลฯ
(สามารถนำไปใช้กับอาการไข้ตามปกติได้)
หลังจากหายจากอาการไข้แล้วก็กลับไปเสริมหยินสารน้ำในร่างกายต่ออีกสักระยะหนึ่งเพื่อปรับสมดุลร่างกายให้กลับสู่ปกติ

แถม
แม้ฉีดวัคซีนฉุกเฉินนี้แล้วก็ต้องดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อ่านต่อ แนะนำสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันและรักษาอาการโควิดเบื้องต้น
หลังจากหายจากอาการไข้หลังฉีดวัคซีน ยังมีอาการระยะยาวต่างๆตามมาอีก มาวิเคราะห์กันครับ อ่านต่อ อาการหลังฉีดวัคซีน COVID-19 - ข้อสังเกตและคำแนะนำ

แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม

01 ตุลาคม 2564

บทกวีที่สาบสูญ


บทกวีที่สาบสูญ หลังจากเป็นหนังสือหายากและถูกถามถึงมากที่สุด บัดนี้ได้ขึ้นสู่บรรพิภพเป็นครั้งแรก พร้อมจำหน่ายในรูปแบบของ eBook แล้ว สามารถทดลองอ่านและดำดิ่งเข้าไปในห้วงแห่งความลึกลับก่อนใครได้ที่ 📖 https://cutt.ly/vEOgo2x

Thumbnail Seller Link
บทกวีที่สาบสูญ
กนกเกียรติ หริรักษ์หรรษา
www.mebmarket.com
คำนิยม หนังสือเล่มที่หายากมากแบบสุดๆ เพราะเป็นบทกวีที่สาบสูญ และผู้อ่านก็จะสาบสูญไปชั่วขณะหนึ่ง จมหายเข้าไปใน 88 บทกวีคัดสรรที่ยิ่งอ่านยิ่งได้รสชาติ ...
Get it now

คำนิยม

หนังสือเล่มที่หายากมากแบบสุดๆ เพราะเป็นบทกวีที่สาบสูญ และผู้อ่านก็จะสาบสูญไปชั่วขณะหนึ่ง จมหายเข้าไปใน 88 บทกวีคัดสรรที่ยิ่งอ่านยิ่งได้รสชาติ ยิ่งอ่านซ้ำยิ่งไม่เข้าใจ เป็นบทกวีที่ไม่มีประโยชน์ในชีวิตเลย แต่กลับทำให้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในชีวิต เหมือนสะกิด สาปแช่ง ให้รู้สึกทั้งที่ไม่อยากรู้สึก บางที บทกวีที่สาบสูญอาจเป็นบทกวีที่สาปสูญก็เป็นได้
-Jazzylj
https://twitter.com/jazzylj

อัศจรรย์ ลุ่มลึก อบอุ่น
-Harirak Farm
https://www.facebook.com/harirakfarm/

เขาเป็นนักเขียนที่มีแวว เขาแปลหนังสือและเขียนบทความบ้าง ด้วยความที่ต้องการความสมบูรณ์แบบและเข้าใจผิดบางอย่าง ทำให้เขาเครียดมากเกินไป จนล้มป่วย ผมขาว แต่ผลงานก็ออกมาเป็นที่พอใจสำหรับเขา บทกวีเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นในช่วง ก่อน ระหว่าง และหลังเหตุการณ์นั้น เพื่อบรรยายถึงความคิดความรู้สึก บ้างก็ตัดพ้อ บ้างก็ปลอบประโลม แต่ก็ได้ถูกลืมเลือนในที่สุด กระทั่งเขาได้รวบรวมมันอีกครั้ง นั่นอาจเป็นที่มาของชื่อหนังสือเล่มนี้ บทกวีที่สาบสูญ 88 บทกวีคัดสรร เลข 88 เขาบอกว่ามันเสมือน อินฟินิตี้ 2 ตัว คือความไม่สิ้นสุดในความไม่สิ้นสุด แม้บทกวีจะจบแค่นี้ แต่จริงๆมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
เขายังคงพักฟื้นต่อไป และได้รับบทเรียนจากการหักโหมครั้งนั้น เขาบอกว่า เขาต้องรักษาชีวิตไว้เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน ตอนนี้เขาเริ่มงานเขียนใหม่อีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มและความจริงใจ ดั่งที่เป็นเสมอมา
-Jazzylemon
https://jazzylj.blogspot.com

ผมติดตามผลงานของเขามาตลอดนะ ทั้งหนังสือ เพจ และทวิตเตอร์ เขารักหนังสือมาก และอยากแนะนำหนังสือดีๆให้กับทุกคนที่พบเจออยู่เสมอ ผมเชื่อว่าบทกวีนี้ก็ทำออกมาจากใจของเขา เช่นเดียวกับทุกผลงานที่เขาเคยทำและกำลังทำ
-เท้าปุย

คงไม่ต้องบรรยายมากมายเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ดั่งที่ผู้เขียนกล่าวไว้ว่า "การอธิบายใดใดย่อมทำลายบทกวี" เพจเราได้เคยนำเสนอบทกวีบางส่วนของเขาให้เพื่อนๆได้เคยลิ้มลองมาบ้างแล้ว ชื่อเพจก็ได้แรงบรรดาลใจจากบทกวีของเขาเช่นกัน
-เพจบทกวีที่สาบสูญ
https://cutt.ly/hiddenpoems

น่าประทับใจกับท่วงทำนองกลอนเปล่า
ที่เสมือนถูกโอบกอดตลอดการอ่าน
ตั้งแต่ก้นบึ้งถึงห้วงอวกาศ
-ห้องสมุดตามใจ
https://www.facebook.com/theravenlibrary

https://jazzylj.blogspot.com/2020/02/blog-post.html